เทคนิคการทำ Portfolio เพราะได้ยินเสียงน้องๆหลยาคนโอดครวญมากมายว่า หนูเป็นเด็กปานกลาง เรียนบ้าง เล่นบ้าง จะมีปัญญาไปเอาเกียรติบัตรที่ไหนมาใส่ใน Portfolio ถ้าจะให้เอาหนังสือเชิญผู้ปกครองมาใส่แทนก็กระไรอยู่ วันนี้มีเทคนิคการ ทำ หรือ ยำ Portfolioมาให้
1.หน้าปก
ธรรมชาติของมนุษย์มักจะเห็นความสำคัญของสิ่งแรกที่เราพบเห็นก่อนความดีงาม เหมือนกับน้องจะจีบใครซักคน สิ่งแรกที่เราจะประทับใจนั้นคือหน้าตาครับ สวยหล่อไว้ก่อน จะดีจะเลว ค่อยว่ากัน อนิจจาฉันใดก็ฉันนั้น การทำ Portfolioก็เช่นเดียวกัน เพราะอาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์เรานั้นก็เป็นคนเหมือนๆกับเรานี่แหละดังนั้น เราควรออกแบบปกให้สวยงาม สะดุดตา โดดเด่น ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญการออกแบบปก Portfolioให้สอดคล้องกับสาขาที่เราจะเรียนด้วยเช่นอยากเรียนคณฯเกี่ยวกับการออกแบบ ดันทำปก Portfolioแบบดั้งเดิม หน้าตรง ไม่ใส่หมวก ไม่ใส่แว่น แหม่...เพราะคิดดูนะ อาจารย์คนนึงสอบสัมภาษณ์ทีละ 50-60 บางทีเป็นร้อย เห็น Portfolioแบบเดิมๆ ถ้ามีซักอันที่สะดุดตา ก็เป็นการสร้างโอกาสที่ดีด้ไม้น้อย ..หากใครที่ไม่ค่อยมีไอเดียบรรเจิด ก็อย่าคิดมากก็เน้นทำแบบสะอาดๆ มีระเบียบก็พอเซปตัวเองไประดับหนึ่งครับ…แต่แนะนำว่าถ้าเรียนคณะพวกออกแบบอย่าเอาแบบเรียบๆเลย เพราะเค้าจะหาว่า เอ็งจะเรียนออกแบบไดยังไงว่ะ ขนาดปกPortfolioเอ็งยังไม่สร้างสรรค์เลย
2.ประวัติส่วนตัว
บ ถ้าเขาไม่อยากรู้จักเราเขาจะสัมภาษณ์เราทำอะไร!?! ฉะนั้นเราก็ใส่ให้เต็มว่า เราเป็นใคร เกิดเมื่อไหร่ เรียนที่ไหน บ้านอยู่ไหน พ่อแม่เป็นใคร เราทำไรเป็นบ้าง ว่างๆทำอะไร ชอบเรียนวิชาอะไร แต่อย่าบอกไปนะว่าไม่ชอบอะไร ฯลฯ ซึ่งข้อมูลการเขียนประวัติส่วนตัวหาได้จาก Google โดยหน้านี้เราสามารถใส่รูปลงไปด้วย แต่ขอเป็นรูปสะบายๆ ในชุดนักเรียน แต่ขอร้องอย่าเอารูปที่อยู่ในProfile Facebook เพราะอาจารย์ท่านงงแน่ เพราะรูปในนั้นมักจะไม่เหมือนตัวจริงอย่างสิ้นเชิง!!!
3.ประวัติการศึกษา
ให้เขียนเรียงลำดับจากการศึกษาที่น้อยสุดมา จบที่ปัจจุบัน โดยเพื่อความแสดงศักยภาพในการเรียน และอาจจะบอกไปด้วยก็ได้ว่า แต่ละระดับที่เราเรียนมานั้นได้เกรดเฉลี่ยรวมเท่าไหร่ถ้าใจถึง!!! ในนั้นจะต้องบอกชื่อโรงเรียนก็เขียนให้ เต็มยศเลยนะห้ามย่อ ควรจะแยก ระดับประถมศึกษา, ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น, ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือระดับอาชีวศึกษา เป็นต้นครับ.. อาจจะแทรกใบเกรดเทมอสุดท้ายลงมา ด้วยก็ได้ จริงๆแล้วใบเกรด ประถม อนุบาล ไม่ต้องซีเรียสนะครับ หาไม่เจอก็ช่างมันเถอะ ถ้าไม่เรียนอนุบาล ประถม แล้วตรูจะจบ ม.6 ได้ยังไง
4.รางวัล และผลงานที่ได้รับ
ในส่วนนี้เขีนยเลยครับ แนะนำให้เป็นรางวัลในระดับม.ปลายเท่านั้น ถ้าเด็กกว่านั้นขอให้เป้นรางวัลที่ได้รับกับ ผู้ว่า นายก และอื่นๆเช่นรางวัลพระราชทานเท่านั้น รางวัลส่วนมากจะมาพร้อมกับเกียรติบัตรดังนั้นไม่ต้องเขียนอะไรมาก แต่ถ้ารางวัลนั้นมันสุดยอดจริงๆแนะนำว่าควรเขียนหน้าแนะนำรางวัล เช่น “รางวัลเรียนดี พระราชทานโดย..........” แล้วหน้าถัดไปเป็นรางวัลที่เราได้แค่นี้ก็แจ่มแล้วครับ หรือจะมีการบรรยาย ด้วยจะดีมากว่าไปทำอีท่าไหนถึงได้รางวัลนี้มา
5.กิจกรรมที่ทำระหว่างเรียน
น้องๆหลายคนอาจจะเซ็งจิตมากเพราะพวกผู้ใหญ่บอกให้กูตั้งใจเรียน พอกูจะจบเสือกถามว่าทำกิจกรรมอะไรบ้าง คิดแล้วอยากกระโดดขาคู่ไซด์คิกเข้าที่ยอดอกซักสองที!ถึงถีบมันแล้วก็เท่านั้นทำแบบพี่ดีกว่า เคยได้ยินมั้ยว่า “1ภาพแทนล้านคำพูด” เมื่อนักเรียนได้อ่านข้อความนี้แล้วโปรดเตรียมตัวถ่ายภาพทุกกิจกรรมที่ได้ทำ ให้หมด!! ไม่ว่าจะเป็นไหว้ครู ทำสแตนด์กีฬาสี ทาสีรั้วโรงเรียน เขียนกลอนประกวด ต่อขวดเป็นรูปบ้าน และอื่นๆอีกมากมาย ถ่ายมันให้หมด แล้วมาเขียนว่าเราไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ และที่สำคัญ เราได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งที่เราทำบ้าง แค่นั้นเองเราก็มีเรื่องราวของกิจกรรมที่เราได้ทำในขณะเรียนและ อ๋อๆๆ ลืมไปนิดนึง กิจกรรมนี้น้องๆต้องดูด้วยนะว่าเราจะสมัครเข้าอะไรก็ควรจะทำไปให้มันตรงกับคณะนั้นฃๆ เช่นอยากเรียนนิเทศ แต่ในProfileมีแต่กิจกรรมลูกน้ำยุงลาย วิ่งควายการกุศล เดินทน กินวิบาก และไม่มีกินกรรมอะไรที่เกี่ยวกับนิเทศศาสตร์เลย ก็ขออนุโมทนาสาธุไว้ที่นี้ด้วยและกัน..
6.ความสามารถพิเศษด้านต่างๆ
ส่วนนี้นะเป็นส่วนที่ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้เพราะเป็นส่วนที่ให้นักเรียนมาแสดงความสามารถพิเศษ มีอะไรดี มีอะไรแจ่ม จัดมาโชว์กันให้ถึงขนาด! ความสามารถพิเศษนั้นถ้าให้ดีควรจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับที่เราจะเรียนในสาขานั้นๆ เช่น เป็นนักกีฬาทีมโรงเรียน ทีมเขต ทีมจังหวัด หรือเคยแข่งฟิสิกส์โอลิมปิก เคยเข้าแคมป์ กสพท. สอวน. กอรมน. ก็ใส่ไปด้วย แต่นักเรียนงคนที่ไม่มีก็อย่าน้อยใจนะ
นักเรียนหลายคนบอกว่ามันจำเป็นด้วยเหรอ Profileเนี่ย ขอบอกตรงนี้เลยว่า ไม่จำเป็นต้องมี แต่การที่น้องคุยกับคนสอง คนนึงบอกสรรพคุณว่าสามารถทำไอนั้น ไอนี่ เป็นคนดีอย่างนั้น เป็นคนเก่งอยางนี้ ด้วยกสนพูดปากเปล่า แต่อีกคนนึงมี Profileมาแสดงเป็นหลักฐานมันก็เท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น