วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เปิดใจ ที่ 1 แอดมิสชั่นส์ ปีล่าสุด


น้องแก้วนายรัตน์ ปทุมวัฒน์ ผู้ที่ทำคะแนนสอบได้สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และเป็นอันดับ 1 ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ปัจจุบันกำลังเตรียมตัวไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาด้วยทุนเล่าเรียนหลวง จึงต้องสละสิทธิ์ที่นั่งในคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ไป ฉบับนี้น้องแก้วจะมาเปิดใจพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวให้ทราบกัน
น้องแก้วนายรัตน์ ปทุมวัฒน์ เปิด ใจว่า ที่ผมเรียนได้ดีนั้น เพราะว่าผมได้เรียนในสิ่งที่ชอบ ในสิ่งที่รัก เลยทำคะแนนออกมาได้ดี เกรดเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 3.99 ตัวผมชอบและสนใจทางด้านภาษาและสังคมอยู่แล้ว เลยเลือกเรียนสายศิลป์-ฝรั่งเศส ตอนมัธยมปลาย ความชอบจะช่วยผลักดันให้เรามีความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น อยากค้นคว้า ทำให้ผลการเรียนออกมาดี ผมมองว่าชีวิตนักเรียนมัธยมปลายไม่ใช่มีไว้เพื่อหาความรู้เพียงอย่างเดียว เราต้องหาประสบการณ์อื่น ๆ จากการทำกิจกรรมด้วย ที่ผ่านมาผมทำกิจกรรมของโรงเรียนเยอะมาก เช่น โต้วาที ละครเวที กีฬาสี ฯลฯ ส่วนนอกเวลาเรียนก็มีไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ บ้าง เล่นกีฬา ฟังเพลง ใช้ชีวิตเหมือนวัยรุ่นทั่ว ๆ ไป
เทคนิคการอ่านหนังสือของผม ถ้าต้องอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเยอะ ๆ ผมจะทำเป็นหัวข้อย่อย ๆ คล้ายสารบัญว่ามีหัวข้ออะไรบ้าง จะช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้นกว่าการทำความเข้าใจรวดเดียว แต่ถ้าเป็นเรื่องของภาษาอังกฤษ ควรเริ่มต้นอ่านเพื่อให้เกิดความเคยชิน อ่านจากน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น เวลาทำข้อสอบจะได้อ่านได้ทันเวลาและจับใจความได้อย่างถูกต้อง เรื่องของภาษาเป็นเรื่องของทักษะ ต้องฝึกฝนบ่อย ๆ แล้วจะพัฒนาได้ดีขึ้น ตัวผมก็มีฟังเพลง ฟังข่าว ฝึกพูด ฝึกเขียน ฝึกอ่าน ภาษาอังกฤษ ทำให้ผมสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น
ผมดีใจมากที่สอบแอดมิสชั่นส์ได้คะแนนอันดับ 1 ของประเทศ และอันดับ 1 ของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ แต่สุดท้ายก็ต้องสละสิทธิ์ไป เสียดายเหมือนกัน เพราะผมได้รับ ทุนเล่าเรียนหลวงทุนนี้ถือเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจที่สุดของชีวิตผมและครอบครัว เนื่องจากเป็นทุนของในหลวง ผมคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าได้ทุนเล่าเรียนหลวงก็จะไปเรียนต่อต่างประเทศ แน่นอน พอทราบว่าตัวเองได้รับทุนนี้ดีใจมาก ๆ เพราะกว่าที่จะได้ทุนนี้มาต้องทุ่มเทและใช้ความพยายามอย่างมาก ผมกำลังจะบินไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกาปลายเดือนนี้ ทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่ University of California, Berkeley ที่นี่เขามีความเชี่ยวชาญทางด้านสังคมศาสตร์ มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีความขลังอยู่ในตัว ที่สำคัญยังเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกด้วย ตอนแรกตั้งใจจะไปเรียนที่ฝรั่งเศส แต่เปลี่ยนใจมาเรียนที่อเมริกาแทน เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่อาจจะไปอยู่ที่นั่นด้วย สำหรับผมที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยทางฝั่งตะวันตก เพราะคุ้นชินกับอากาศและการใช้ชีวิตมากกว่า ที่จริงผมเริ่มเรียนเดือนสิงหาคม แต่บินไปเตรียมตัวก่อนล่วงหน้า ถึงเวลาเรียนจริงจะได้ไม่มีปัญหา
ตอนที่ตัดสินใจสมัครทุนเล่าเรียนหลวง ต้องเตรียมตัวหนักมาก เพราะคนที่ได้ต้องเก่งมาก ๆ ก็มีปรึกษาคุณพ่อคุณแม่ด้วยเรื่องสมัครทุนนี้ ผมได้ไปปรึกษาอาจารย์ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่ติวให้เด็กทุนมาเกือบ 10 ปี ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่าน ท่านก็แนะนำให้ผมไปฝึกเขียนเยอะ ๆ เพราะข้อสอบทุกวิชาของทุนเล่าเรียนหลวงจะเป็นการเขียนทั้งหมด ยกเว้นวิชาภาษาอังกฤษอย่างเดียว เนื้อหาที่ใช้สอบข้อเขียนจะไม่ได้อยู่ในหนังสือเพียงอย่างเดียว ขอบเขตจะกว้างมาก ๆ เราต้องเข้าใจในเนื้อหานั้นจริง ๆ ถึงจะเขียนออกมาได้ดี วิชาที่สอบชิงทุนของสายศิลป์ก็จะมีภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา โดยเขาจะให้โจทย์มา เราก็เขียนตอบไป ตัวอย่างโจทย์เช่น วิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินบาท การใช้เทคโนโลยีทางภูมิศาสตร์ที่เป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อม นอกจากสอบข้อเขียนแล้วยังมีแยกออกมาสอบอีก 2 ตัว คือ writing และ translation เราไม่มีทางรู้เลยว่าข้อสอบจะออกอะไร ทางที่ดีที่สุดคือ ต้องฝึกเขียนให้มาก ๆ ก่อนสอบผมเขียนไป 20-30 บทความ ในทุก ๆ วิชาที่มีสอบต้องทุ่มเทและตั้งใจมาก ๆ
ส่วนวิชาภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยกังวลมาก เพราะมีโอกาสได้เดินทางไปต่างประเทศบ้าง และได้ฝึกฝนอยู่บ่อย ๆ ก็มีไปติวภาษาอังกฤษเพื่อฝึกการแปลกับเพื่อนของคุณแม่ในส่วนของการสอบ translation เพราะข้อสอบ translation ของทุนจะยาวประมาณ 1 หน้าครึ่ง แปลไทยเป็นอังกฤษ แปลอังกฤษเป็นไทย และย่อความไทยเป็นอังกฤษ ย่อความอังกฤษเป็นไทย ทั้งหมด 6 ข้อ ในเวลา 3 ชั่วโมง การแปลนั้นไม่ยาก แต่ต้องมีลีลาทางภาษาที่ดี และสามารถสื่อความหมายออกมาได้อย่างชัดเจน ผมต้องฝึกแปลเยอะมากเพื่อจะได้ทำคะแนนสอบออกมาได้ดี ตอนนั้นมีคนสอบทุนเล่าเรียนหลวงทั้งหมด 600 คน แต่มีทุนเพียงแค่ 9 ทุนเท่านั้น ต้องทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นจะคัดเลือกให้เหลือ 18 คน เพื่อสอบสัมภาษณ์ต่อไป
ในส่วนของการสอบสัมภาษณ์ กรรมการเขาจะถามเรื่องส่วนตัวมากกว่า สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ รอบนี้จะเป็นการคัดกรองคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ดูว่าจะเรียนไหวไหม มีทัศนคติในด้านต่าง ๆ ยังไง เมื่อจบแล้วพร้อมที่จะกลับมารับใช้ประเทศชาติหรือไม่ ตัวอย่างคำถามในการสัมภาษณ์ เช่น คิดยังไงกับคนที่ได้ทุนแต่ไม่กลับมาทำงานรับใช้ชาติ ชอบเรียนวิชาไหนบ้าง ลองพูดถึงแผนการเรียนว่าจะไปเรียนที่ไหน สาขาไหน ทำไมถึงอยากเรียนทางด้านนี้ มหาวิทยาลัยที่เราเลือกไปเรียนต่อดีจริงไหม ฮีโร่ในสายอาชีพที่คุณอยากทำงานในอนาคตคือใคร และทำไมถึงชอบเขา ฯลฯ คำถามก็จะมีประมาณนี้ เมื่อประกาศผลออกมาผมสอบได้ที่ 1 ของทุนเล่าเรียนหลวง ในสายศิลป์-ภาษา ดีใจและภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยครับ

ขอบคุณเนื้อหาจาก www.igotgrants

ไม่มีความคิดเห็น: