วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นประจำปี พ.ศ.2557 หมดเขต7 มิถุนายน


เปิดรับสมัครทุนการศึกษารัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปี 2557 ระดับนักศึกษาปริญญาตรีและระดับนักศึกษาวิจัย

กรุณามาส่งใบสมัครและเอกสารประกอบใบสมัครตามที่ระบุไว้ในระเบียบการ ที่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
หรือ สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3-7 มิถุนายน พ.ศ. 2556 (ระหว่างวันจันทร์-ศุกร์) เวลา 13.30-16.30 น.

1.ทุนนักศึกษาระดับปริญญาตรี
2.ทุนนักศึกษาวิจัย
*ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป สถานทูตญี่ปุ่นจะจัดการสอบวิชาภาษาญี่ปุ่นให้แก่ผู้สมัครทุนนักศึกษาวิจัยและผู้สมัครทุนนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่มีความประสงค์จะประเมินความสามารถและทักษะภาษาญี่ปุ่น

*ผู้สมัครทุนนักศึกษาวิจัยที่จะศึกษาสาขาญี่ปุ่นศึกษา (ภาษาญี่ปุ่น วรรณคดีญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น กฎหมายญี่ปุ่น วัฒนธรรมญี่ปุ่น การสอนภาษาญี่ปุ่น ฯลฯ) ต้องเข้าสอบวิชาภาษาญี่ปุ่น


รายละเอียดโดยย่อของทุนรัฐบาลญี่ปุ่นประเภทต่างๆ

1.ทุนระดับนักศึกษาปริญญาตรี

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เป็นประจำทุกปี ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 21 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และจบการศึกษาในเดือนมีนาคม ของปีที่เริ่มรับทุนการศึกษา ระยะเวลารับทุนการศึกษา 5 ปี และ 7 ปี สำหรับสาขาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ สัตวแพทยศาสตร์ (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี) รับสมัครประมาณต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนเมษายน ของปีถัดไป
2. ทุนระดับนักศึกษาวิจัย

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไปศึกษาในระดับนักศึกษาวิจัย ที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 35 ปี สำเร็จหรือกำลังจะสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี ในปีที่เริ่มรับทุนการศึกษา ระยะเวลารับทุนการศึกษา 2 ปี หรือ 1 ปี 6 เดือน (รวมเรียนภาษาญี่ปุ่น 6 เดือน) กรณีที่ผู้รับทุนได้เข้าศึกษาในญี่ปุ่นในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก หรือผู้เชี่ยวชาญในระดับบัณฑิตวิทยาลัยนั้น ทุนการศึกษาจะมอบให้ผู้รับทุนเฉพาะช่วงที่ศึกษาตามหลักสูตรปกติจนจบเท่านั้น (ตามหลักสูตรมาตฐานกำหนดไว้ และรวมทั้งเรียนเป็นภาษาญี่ปุ่น 6 เดือนซึ่งแล้วแต่กรณี) รับสมัครประมาณต้นเดือนมิถุนายนของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนเมษายน หรือ ตุลาคม ของปีถัดไป

3. ทุนญี่ปุ่นศึกษา

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยคัดเลือกนักศึกษาไทยเพื่อไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มพูนทักษะความรู้ภาษาญี่ปุ่น ศึกษาวัฒนธรรมและสภาพสังคมญี่ปุ่น เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 6 ทุน (พ.ศ.2553) ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 29 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 หรือ 3 และศึกษาภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาเอกในระดับปริญญาตรี ระยะเวลารับทุนการศึกษา 1 ปีการศึกษา รับสมัครต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีเดียวกัน

4.ทุนนักศึกษาอบรมวิชาชีพครู

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ด้วยความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการไทย คัดเลือกครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเพื่อไปฝึกอบรมด้านการศึกษาที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น เป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 6 ทุน (พ.ศ.2553) ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 35 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์ในวิชาชีพมาไม่น้อยกว่า 5 ปี และสอนในระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา หรือสอนในสถาบันพัฒนาอาชีพครู ระยะเวลารับทุนการศึกษา 1 ปี 6 เดือน (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 6 เดือน) รับสมัครปลายเดือนมกราคมของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีเดียวกัน
5.ทุนนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยี

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ด้วยความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการไทย คัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไปศึกษาในวิทยาลัยเทคโนโลยีที่ญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 3 ทุน (พ.ศ.2553) ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 21 ปี เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และจะจบการศึกษาในเดือนมีนาคมของปีที่เริ่มรับทุนการศึกษา ระยะเวลารับทุนการศึกษา 4 ปี (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี) รับสมัครต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนเมษายน ของปีถัดไป
6.ทุนนักศึกษาฝึกอบรมวิชาชีพ

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ด้วยความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการไทย คัดเลือกนักเรียนไทยเพื่อไปศึกษาในสถาบันอาชีวะศึกษาที่ญี่ปุ่นเป็นประจำทุกปี ปีละประมาณ 1-2 ทุน (พ.ศ.2553) ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 21 ปี เป็นนักเรียนที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และจะจบการศึกษาในเดือนมีนาคมของปีที่เริ่มรับทุนการศึกษา ระยะเวลารับทุนการศึกษา 3 ปี (รวมระยะเวลาศึกษาภาษาญี่ปุ่น 1 ปี) รับสมัครต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนเมษายน ของปีถัดไป

7.ทุนนักศึกษาประเภท Young Leaders Program (YLP)

สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คัดเลือกข้าราชการสามัญ หรือผู้ทำงานในสังกัดหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องในสาขาวิชานั้น และเป็นผู้ซึ่งจะมีบทบาทในการเป็นผู้นำในการพัฒนาประเทศไทย ไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท (หลักสูตรภาษาอังกฤษ) ที่สถาบันและมหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ระยะเวลารับทุนการศึกษา 1 ปี ทุนแบ่งออกเป็น 5 สาขาวิชาคือ 1. สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ 2. สาขาวิชาบริหารธุรกิจ 3. สาขาวิชานิติศาสตร์ 4. สาขาวิชาการบริหารทางแพทยศาสตร์ 5. สาขาวิชาการปกครองส่วนท้องถิ่น
ผู้สมัครต้องมีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 40 ปี (ไม่เกิน 35 ปีสำหรับสาขาวิชาบริหารธุรกิจ) จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มีประสบการณ์การทำงานในองค์กร หรือหน่วยงานของรัฐบาลมามากกว่า 3-5 ปี (คุณสมบัติแตกต่างไปตามสาขาที่สมัคร) ทั้งนี้ผู้สมัครต้องได้รับการเสนอชื่อจากหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรที่สังกัดเท่านั้น ทุนเริ่มรับสมัครประมาณเดือนกันยายนของทุกปี และเริ่มรับทุนตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีถัดไป

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

ตัวอย่างข้อสอบทุนรัฐบาลญี่ปุ่น

สำหรับทุนระดับนักศึกษาปริญญาตรี ทุนระดับนักศึกษาวิจัย(ดูจากข้อสอบของทุนระดับนักศึกษาปริญญาตรี)
ทุนญี่ปุ่นศึกษา ทุนนักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยี และทุนนักศึกษาฝึกอบรมวิชาชีพ ดูได้ที่เว็บ www.studyjapan.go.jp
ไฟล์ที่เกี่ยวข้อง: event-130516141631.pdf

หน่วยงาน: กองวิเทศสัมพันธ์ สำนักงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

รัฐบาลญี่ปุ่นมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและนักศึกษาวิจัย ประจำปี 2557


รัฐบาลญี่ปุ่นมอบทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีและนักศึกษาวิจัย ประจำปี 2557กระทรวงศึกษาธิการญี่ปุ่น (Monbukagakusho: MEXT) จะให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทย เพื่อไปศึกษาต่อ ณ ประเทศญี่ปุ่น ประจำปี 2557 ตามประเภทของทุนการศึกษา ดังนี้

1. ปริญญาตรี (Undergraduate Students) จำนวน 19 ทุน

เพื่อศึกษาระดับปริญญาตรี ณ มหาวิทยาลัยของญี่ปุ่น ระยะเวลา
5 ปี แต่สำหรับสาขาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ฯ ระยะเวลา 7 ปี (รวมเรียนภาษาญี่ปุ่น 1 ปี) เริ่มปีการศึกษาในเดือนเมษายน 2557

คุณสมบัติของผู้สมัคร
- มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 17 ปี และไม่เกิน 21 ปี (นับถึงวันที่ 1 เมษายน 2557)
- จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และกำหนดจบการศึกษาในเดือนมีนาคม 2557
- คะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.80 ขึ้นไป ยกเว้น คะแนนเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.30 ขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ 1/ระดับ 2 หรือ N1/ N2 หรือ คะแนนเฉลี่ยสะสมระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.50 ขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นระดับ 3 หรือ N3 / N 4

2. นักศึกษาวิจัย (Research Students) จำนวน 35 ทุน เพื่อศึกษาวิจัยในระดับบัณฑิตวิทยาลัย ระยะเวลาศึกษา 2 ปี (รวมเรียนภาษาญี่ปุ่น 6 เดือน) เริ่มปีการศึกษาในเดือนเมษายน 2557

คุณสมบัติของผู้สมัคร
- มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 35 ปี (นับถึงวันที่ 1 เมษายน 2557)
- จบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือกำลังศึกษาอยู่ปีสุดท้ายในระดับปริญญาตรี คะแนนเฉลี่ยสะสม 3.25 ขึ้นไป
- ถ้าจบการศึกษาระดับปริญญาโท ต้องมีคะแนนเฉลี่ยสะสมในระดับปริญญาตรี 3.25 ขึ้นไป และ ปริญญาโท 3.50 ขึ้นไป ยกเว้น (1) คะแนนเฉลี่ย 3.30 ขึ้นไป ในระดับปริญญาโท สาขาเภสัชศาสตร์ (2) คะแนนเฉลี่ย 2.80 ขึ้นไป ในระดับปริญญาตรี สำหรับผู้ที่มีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ 1 หรือ N 1 (3) คะแนนเฉลี่ย 3.00 ขึ้นไป ในระดับปริญญาตรี สำหรับผู้ที่มีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ หรือ N 2 (4) คะแนนเฉลี่ย 3.15 ขึ้นไป ในระดับ ปริญญาตรี สำหรับผู้ที่มีผลสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น ระดับ 3 หรือ N 3 หรือ N 4 (5) สอบผ่าน EJU ได้คะแนน 2.60 ขึ้นไปทั้งสาขาวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ผู้สนใจสามารถขอรับใบสมัคร และส่งใบสมัครสมัครพร้อมทั้งเอกสารไปยังสำนักข่าวสารญี่ปุ่นสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นฯ หรือสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ จังหวัดเชียงใหม่ หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่เว็บไซต์ http://www.th.emb-japan.go.jp/ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้น กำหนดรับสมัครพร้อมทั้งเอกสาร ระหว่างวันที่ 3 – 7 มิถุนายน 2556 ระหว่างเวลา 13.30 - 16.30 น. และกำหนดให้มีการสอบข้อเขียน

การสอบข้อเขียน ในวันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน 2556 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ณ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและ/หรือคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยสอบข้อเขียนตามสาขาที่สมัครแยกตามประเภท ดังนี้

นักศึกษาปริญญาตรี (Undergraduate Students) ใช้ภาษาอังกฤษในการสอบ
1. สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ สอบ 2 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษ
2. สาขาวิทยาศาสตร์ สอบ 4 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เคมี และเลือกสอบระหว่างฟิสิกส์ หรือชีววิทยา
3. สอบภาษาญี่ปุ่น (เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นและมีความประสงค์จะประเมินความสามารถและทักษะภาษาญี่ปุ่น)
นักศึกษาวิจัย (Research Students) ใช้ภาษาอังกฤษในการสอบ
1. สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ A (สาขาวิชาอื่นๆนอกจากสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ พาณิชยศาสตร์ และการบัญชี บริหารธุรกิจ) สอบ 1 วิชา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ และผู้ที่เลือกสาขาญี่ปุ่นศึกษาต้องสอบวิชาภาษาญี่ปุ่นเพิ่มเติมด้วย
2. สาขาสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ B (สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ) สอบ 2 วิชา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์
3. สาขาวิทยาศาสตร์ สอบ 3 วิชา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และเคมี หรือฟิสิกส์ หรือชีววิทยา
4. สอบภาษาญี่ปุ่น (เพิ่มเติมสำหรับผู้ที่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นและมีความประสงค์จะประเมินความสามารถและทักษะภาษาญี่ปุ่น)
***********************************************************************
สำนักความสัมพันธ์ต่างประเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
28 พ.ค. 2556

เปิดใจ เต้ย จรินทร์พร บัณฑิตใหม่ มศว


คลิกชมภาพต่อไป
"เต้ย" จรินทร์พร จุนเกียรติ สาวน้อยไซส์มินิ ตำแหน่งที่สุดแห่งเน็ตไอดอลวัยรุ่นไทย บัณฑิตใหม่สาขาศิลปะการแสดงและกำกับการแสดง คณะศิลปกรรมศาสตร์ จะมาเปิดใจเกี่ยวกับสถานที่ที่เหมือนบ้านหลังที่สองของเธอที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายปีว่ามีอะไรที่ประทับใจและประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนที่แห่งนี้

ภาพจากวันซ้อมรับปริญญา
- สำเร็จการศึกษาจากคณะอะไร ทำไมถึงเลือกเรียนคณะนี้ (ในคณะที่เรียนสอนอะไร จบมาทำงานลักษณะไหน)
         เต้ยจบมาทางด้านศิลปการแสดงค่ะ ตรงกับงานที่เราทำอยู่ในวงการเลย ที่เลือกเรียนคณะนี้ตอนที่สอบเอนทรานซ์เป็นเพราะว่าตอนนั้นเราเริ่มเข้าวงการแล้ว จากการประกวดมิสอุทัยทิพย์ เฟรชชี่ ไอดอล ปี 2007 มีคนรู้จักและรู้สึกว่าเราชอบงานด้านนี้มันน่าจะต่อยอดในอาชีพที่เราจะทำได้ คือถ้าจะมาเป็นนักแสดงคุณก็ควรรู้ให้รอบด้านว่าวงการบันเทิงเป็นอย่างไร เบื้องหน้าเขาทำงานแบบนี้ เบื้องหลังเขาทำงานอย่างไร อย่างตอนนี้ที่เต้ยมีงานพิธีกรรายการ Sister Day ถือว่าได้ใช้สิ่งที่เราเรียนมาทั้งหมดเลย การพูดจาให้ชัดเจน กระชับและถูกต้อง รู้ขั้นตอนในการผลิตรายการต่างๆ

- ส่วนตัวคิดว่าจุดเด่น ของมหาวิทยาลัยของเราคืออะไร ชอบอะไรใน มศว
        จุดเด่นของที่นี่ก็คือระบบการเรียนการสอนที่เต้ยคิดว่าอาจารย์ให้ความรู้ดีมาก คือสอนได้ตรงจุด ทำให้เราใช้งานได้จริง มีการเรียนเน้นภาคปฏิบัติเยอะ แถมยังมีกิจกรรมให้เราทำระหว่างเรียนด้วย อย่างเต้ยทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยอาจารย์ท่านก็เข้าใจ รวมถึงมีช่วงหนึ่งที่เต้ยตัดสินใจดรอปเรียนไปเพราะต้องไปถ่ายภาพยนตร์ที่ต่างประเทศ 2 เดือนเลยคิดว่าดรอปไปเลยทั้งเทอมจะดีกว่า ไม่เสียทั้งการเรียนและไม่เสียงาน แต่เพื่อนช่วยเรามากอะไรที่ตามไม่ทันก็มาบอกตลอด และที่นี่สอนให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระค่ะ ถ้าพูดถึงเรื่องสถานที่เต้ยว่าคนที่เคยมาที่มหาวิทยาลัยหรือนักศึกษาด้วยกันเองน่าจะทราบว่าบรรยากาศดีมาก สนุกสนานไปทีไรเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง อย่างตอนเข้าใหม่ต้องไปเรียนที่มศว องค์รักษ์ จ.นครนายก พอปี 2 ย้ายกลับมาเรียนที่ ประสานมิตร เรียนพื้นฐานเพิ่มเติมด้านการแสดง แอคติ้ง พอปี 3 เริ่มลงรายละเอียด ฝึกทำละครรุ่น เปิดเวทีให้คนเข้าดู ได้ทำงานเป็นทีมโดยมีอาจารย์คอยช่วยเหลือ จนกระทั่งปี 4 ลงมือทำละครเวทีจริงๆเป็นวิทยานิพนธ์ก่อนจบ

- คิดเห็นอย่างไรกับการรับน้อง ควรมีอยู่ หรือ ยกเลิก ?
         เต้ยมองว่าการรับน้องในปัจจุบันมันเปลี่ยนไปเยอะมาก กลายเป็นอะไรที่โหดๆ หรือไม่ก็บ้าบอไปนะบางที่ สำหรับที่มศว.รุ่นพี่ๆก็จะมาทำความรู้จักรุ่นน้อง มีการคุยกันแนะนำตัวมีเกมส์ให้เล่น เต้นอาจจะโดนเยอะหน่อยเพราะเราเป็นดาราแต่ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบหรือโกรธอะไรรุ่นพี่นะคะ คิดว่าสำหรับบางมหาวิทยาลัยน่าจะมีการควบคุมตรงนี้ให้ดีๆ ไม่งั้นมันจะเลยเถิดไปใหญ่ จากวัฒนธรรมดีๆ อบอุ่นสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจะกลายเป็นสร้างชนชั้นกันเปล่าๆ จริงๆ ควรมีค่ะแต่ต้องจัดระบบและมีขอบเขตที่ชัดเจนเต้ยว่ามันจะทำให้เราประทับใจไปตลอด 4 ปีที่เรียนเลยนะ

- ความรู้สึกในการรับปริญญา
         เต้ยว่ามันน่าตื่นเต้นมากที่สุดค่ะ คือเราตั้งใจเรียนมาหลายปีทำงานไปด้วยเหนื่อยมาก แต่ก็ประสบความสำเร็จ คือดีใจกันทั้งบ้าน เต้ยเองก็สามารถทำให้พ่อแม่ภาคภูมิใจ และเป็นอีกวันที่สำคัญในชีวิต ขนาดวันซ้อมนะเต้ยยังกลัวเดินผิดเลยกลับไปบ้านยังแอบมาซ้อมอีกรอบ และอยากฝากถึงเพื่อนๆทุกคนว่าวันที่เราได้พระราชทานปริญญาบัตรนั้นอยากให้แต่งตัวและปฏิบัติตัวให้เป็นเกียรติกับตัวเองและสถาบันค่ะ
ปล.ภาพทั้งหมดจากวันซ้อมรับปริญญา

คลิกชมภาพต่อไป
คลิกชมภาพต่อไป

คลิกชมภาพต่อไป
เรียบเรียง http://campus.sanook.com/1361294/

ชวนชิม 3 ร้านอาหารอร่อยเด็ด มศว



มหาวิทยาลัยนอกจากจะเป็นแหล่งความรู้ ยังเป็นศูนย์รวมของร้านอาหารอร่อยๆ ราคาประหยัดอีกด้วย จะว่าไปแล้ว การกินอาหารอร่อยๆ ช่วยให้รู้สึกมีความสุข แถมยังเพิ่มพลังแก่สมองอีกด้วย วันนี้ ทีมงาน Sanook! Campus ขออาสาแนะนำ 3 ร้านอาหารอร่อยเด็ด ของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จะมีร้านอะไรกันบ้างตามไปชมไปชิมกันเลย...
ร้านป้าหรา : อาหารตามสั้งที่เด็ก มศว แนะนำให้ไปชิมกันดู เมนูแนะนำที่ต้องสั้ง คือ หมูกระเทียม นะจ๊ะ


ร้านส้มตำแม่เล็ก 30 ปีมศว : แค่ชื่อร้านก็การันตรีความอร่อยได้แล้ว สำหรับร้านส้มตำรสเด็ดร้านนี้ เพื่อนๆ คนไหนแวะไปมศว อย่าลืมลองลิ้มชิมรสกันดูนะ


ร้าน SIAM JAPANESE :  มากันที่ร้านชื่ออินเตอร์ SIAM JAPANESE ร้านนี้มีอาหารเด็ดโดนใจคือ ข้าวผัดอเมริกัน นั่นเอง

เกร็ดน่ารู้ : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีความหมายว่า "มหาวิทยาลัยที่เจริญเป็นศรีสง่าแก่มหานคร" "วิโรฒ" มาจากคำว่า "วิโรฒ" ในภาษาสันสกฤต แปลว่า ความงอกงามหรือเจริญ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (อ่านว่า สี-นะ-คะ-ริน-วิ-โรด) มีชื่อย่อ ว่า "มศว" (ไม่มีจุด) เขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า "Srinakharinwirot University" มีชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่า SWU (อ่านว่า สะ-วู)

แม่ครัว ออกมาทักทายเราด้วย ^^

ข้าวผัดสักจานไหมครับ

ไก่ย่าง ปลาดุกย่าง บางชิ้นแอบไฟแรงไปนิด 55

น่ากินมากมาย

บรรยากาศภายในศูนย์อาหาร

น่ารักทุกคณะ “ดาว-เดือน” มศว'56

นับตั้งแต่ย่างก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยเหล่าบรรดาน้องใหม่ก็ผ่านพ้นกิจกรรมการต้อนรับมาอย่างหลากหลายอาทิ กิจกรรมรับน้อง พิธีบวงสรวง และพิธีบายศรีสู่ขวัญ ท่ามกลางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นรุ่นน้องที่เป็นไปอย่างสนุกสนาน
      
       และที่พลาดไม่ได้แน่นอน สำหรับกิจกรรมการประกวด "ดาว-เดือน" ซึ่งแต่ละคณะจะคัดสรรหนุ่มหล่อ สาวสวยมาประชันโฉมและโชว์ความสามารถพิเศษ เพื่อชิงชัยคว้าตำแหน่ง “ดาว-เดือน” มหาวิทยาลัยไปครอง
      
       และวันนี้ก็ได้เวลาที่ Life On Campus จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับหนุ่มสาวดาวเดือนแต่ละคณะ จากรั้วมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) มาให้เพือนได้รู้จัก ส่วนตัวแทนคณะไหนจะคว้าตำแหน่ง “ดาวเดือน” มหาวิทยาลัย Life On Campus จะอัพเดทให้ได้ทราบกันต่อไป

 
นาย จิรวัฒน์ เตชะอุบล (แจ็ค) จากสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ น.ส. วิณัฐฐา ศักดิ์วรกุลชัย (เมล) จากสาขาวิชาอัญมณีและเครื่องประดับ ดาวเดือน คณะวิทยาศาสตร์
       
 
บีม-ชาคริต เอกการตลาด ดาวเดือน คณะสังคมศาสตร์
       
 
       
 
นาย ศรุต ชนะพงษ์ (แปงค์) นางสาว นุสรา วงสวัสดิ์ (อาร์ตูน) คณะวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
       
 
       
 
ดาวเดือน คณะศึกษาศาสตร์
       
 
       
 
ดาวเดือน คณะพลศึกษา
       
 
       
 
ปิยชุดา วิชิตะกุล (เนิร์ส) วรรธนัย แหวนทองคำ (ภูเขา ) ดาวเดือน คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร
       
 
ดาวเดือน คณะเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์การเกษตร ปี 2556 และ ดาว ปี 2554
       
 
ดาวเดือนสำนักวิชาเศรษฐศาสตร์และนโยบายสาธารณะ
       
 
ดาวเดือนคณะมนุษยศาสตร์
       

"คณะสังคมศาสตร์ เอกสังคมศึกษา(กศ.บ. 5 ปี) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ"


ขอแนะนำ คณะน่าเรียน เอกที่น่ารักที่สุด
"คณะสังคมศาสตร์ เอกสังคมศึกษา(กศ.บ. 5 ปี) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ"
หรือ
ครูสังคม มศว

ก่อนอื่นต้อง "เกริ่นนำ"
ช่วงนี้น้อง ๆ หลายคน คงจะเครียดในการตัดสินใจเลือกคณะที่ใช่ สาขาที่ชอบกันอยู่ละสิ
การจะตัดสินใจเลือกสิ่งที่คิดว่าใช่ สิ่งที่คิดว่าชอบนั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบางคน แต่อาจจะเป็นเรื่องที่ยากแสนยากสำหรับบางคนอีกเช่นกัน
ดังนั้น น้องๆ ต้องคิดอย่างถี่ถ้วน คิดให้ดี คิดแล้วคิดอีก คิดแล้ววิเคราะห์ คิดซ้ำไปซ้ำมา คิดวันละหลายๆรอบกันเลย เพราะสิ่งที่น้องจะตัดสินใจต่อไปนี้ มันจะเป็นครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ของน้องๆเลยนะ
หากว่าตัดสินใจไปแล้ว และมันไม่ใช่ บางคนอาจจะต้องซิ่วออกมาสอบใหม่ก็ได้นะ ดังนั้นพี่ขอย้ำอีกครั้งว่า คิดให้ดี ก่อนที่จะเลือกไม่ว่าจะเลือกสาขาอาชีพใดก็ตาม

"เอกสังคมศึกษา(กศ.บ. 5 ปี) มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ"
หากว่าน้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้ น้องคงจะเหมาะกับเอกนี้แล้วหล่ะ!
ข้อ1. รักการสอน ทุ่มเทกับงาน มีความเป็นครูเต็มเปี่ยม (ข้อนี้สำคัญมาก >>> หากว่าไม่อยากเป็นครู พี่แนะนำให้ไปเรียนสาขาอื่นนะ เพราะ มีคนอยากเป็นครูเยอะ แต่ครูดีดีมีน้อยเหลือเกิน พี่อยากให้ประเทศเรามีครูดีดีเข้ามาบ้าง ^^ )
ข้อ2. ชอบการค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม รักการอ่าน ติดตามข่าวสาร เพราะ ครูสังคมถือว่าเป็นผู้รอบรู้ โดยเฉพาะความเป็นไปในสังคม
ข้อ3.  เป็นคนดี ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมและประเทศชาติ
ข้อ4. มีความเสียสละ อดทน มีน้ำใจ มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี

เอกนี้เรียนอะไรบ้าง?
ก่อนอื่นต้องทำใจกันก่อนว่าการเป็นครูสังคมไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย เพราะเอกนี้เรียนเยอะจริง หนักจริง แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักๆ คือ
1.กลุ่มวิชาศึกษาทั่วไป เป็นวิชาบังคับของมหาวิทยาลัย เรียกอีกชื่อว่า วิชา "SWU"อ่านว่า สะ-วู เช่น วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ พละ ICT เป็นต้น
2.กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ เป็นวิชาเฉพาะของเอกสังคมศึกษาเลย คือ จะเรียนทั้งเศรษฐศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ กฎหมาย ฯลฯ ซึ่งจะสอนโดยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา จากคณะสังคม เรียกว่าได้รับความรู้กัน"แน่นๆ" แบบแน่นเกิ๊นน TT และบางวิชามีการออกภาคสนามด้วยนะ ได้ประสบการณ์เยอะมาก
3.กลุ่มวิชาศึกษาศาสตร์ เป็นวิชาที่จะสอนเกี่ยวกับวิชาชีพครู ให้กับนิสิตครูมีความพร้อมในศาสตร์และศิลป์ของการเป็นครู ถือว่าเป็นการเตรียมใจและกายให้พร้อมสู่การเป็นครูมืออาชีพ มีทั้งการทำกิจกรรมกับนักเรียน เรียนจิตสำนึกและจรรยาบรรณ การฝึกประสบการณ์ในวิชาชีพครูหรือการฝึกสอน
สามารถดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่ ::  http://supreme.swu.ac.th/register/curiculum/cur_cur002tv_dtl.php?CURI_CD=30235201

จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง?
เรียนครู จบมาก็เป็นครูสิ แต่มีรุ่นพี่บางคนเรียนต่อก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นครูทั้งนั้น
หรือถ้าจบแล้วไม่อยากเป็นครูจริงๆ ก็สามารถเรียนต่อในด้าน ภูมิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์หรือด้านการศึกษาได้

เรียนกี่ปีที่ไหน?
>>> เรียน 5 ปี <<<
ปี1 เรียนที่ มศว องครักษ์ จ.นครนายก
ปี2-4 เรียนที่ มศว ประสานมิตร กทม.
ปี5 ฝึกสอนที่ สาธิต มศว(1เทอม) และโรงเรียนใน กทม.(1เทอม)

การปรับตัว :: เรียนเยอะกิจกรรมแยะ!
หากว่าน้องได้เข้ามาเป็นนิสิตที่นี้แล้ว สิ่งที่น้องจะต้องเจอคือ การปรับตัว ทั้งเรื่องการเรียนที่ค่อนข้างจะหนักเอาการ และกิจกรรมที่มีเยอะแยะมากมาย
พี่คิดว่าเป็นการได้ลองทำอะไรใหม่ๆให้กับชีวิต ได้ฝึกประสบการณ์ใหม่ๆ รู้จักการแก้ปัญหาต่างๆ การจัดแบ่งเวลา และการปรับตัวเข้ากับสังคม
ถือว่าเป็นการเรียนรู้เรื่องการทำงานที่เราจะต้องไปเจอในอนาคตข้างหน้า...
นอกจากนี้ กิจกรรมต่างๆ ยังทำให้น้องๆ รู้จักเพื่อนๆ พี่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น เพราะได้เห็นความรัก ความใส่ใจที่พวกเรามีให้แก่กันเสมอมา

"การสอบเข้า"
รับนิสิตโดยการคัดเลือกด้วยวิธี...
1.สอบตรงทั่วประเทศ :: เปิดรับสมัครประมาณเดือน มิ.ย. ,สอบช่วงเดือนกันยายน
2.Admission :: จากระเบียบการแอด ปีนี้('56) รับนิสิตจำนวน20คน

หากว่าน้อง ๆ สนใจอยากจะเรียนที่นี้
สามารถสอบถาม ปรึกษาเรื่องการเรียน การสอบตรงและแอดมิดชั่น ได้ที่เพจ>>>http://www.facebook.com/pages
หรือ เพียงค้นในเฟสบุ๊คว่า >>> นิสิตครูสังคม "ครูสังคม มศว"
พวกเรา นิสิตครูสังคม มศว ยินดีต้อนรับเสมอ