วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เปิดใจสาวเรียนดี แนน ณัฐินี...ชีวิตไม่มีคำว่าสาย


เปิดใจสาวเรียนดี แนน ณัฐินี...ชีวิตไม่มีคำว่าสาย

          “ไม่มีคำว่าสาย ชีวิตพร้อมเริ่มใหม่เสมอ” คติประจำใจบนเส้นทางชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชีวิตต้องผ่านช่วงมรสุมพัดเข้ามาอยู่เรื่อย ๆ นางสาวณัฐินี ปัญญาวงศ์พิทักษ์ หรือ แนน นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี นักศึกษาทุนเพชรบัวสวรรค์ สาวนักสู้ที่มุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายชีวิตที่เธอวางไว้
       
        แนน - ณัฐินี ชีวิตบนทางขรุขระ 


เปิดใจสาวเรียนดี แนน ณัฐินี...ชีวิตไม่มีคำว่าสาย
ช่วยงานอาจารย์
         ชีวิตวัยเด็กของแนนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เธอเล่าว่า พ่อและแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เธอเด็กๆ เธอจึงอยู่กับยายจนกระทั่งอายุ 5 ขวบ ก็มีโอกาสย้ายมาอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยงที่บ้านคลอง 11 และเนื่องจากแม่ของตนเองเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้พอที่จะส่งเสียตนเองในเรื่องของการเรียน พ่อเลี้ยงจึงเป็นคนหาเงินส่งเรียนจนกระทั่งแนนสำเร็จการศึกษา (สายวิทย์-คณิต) จากโรงเรียนธัญรัตน์ 
       
        หลังจากนั้นเธอก็สอบเข้าเรียนสาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพราะว่า ชอบเรียนชีววิทยา และมีความตั้งใจที่จะเข้าทำงานที่ศูนย์วิจัยทะเลจังหวัดกระบี่ ตอนนั้นเธอมีความสุขมากที่ได้เข้ามาเรียนในสาขาวิชาที่ตนเองชอบ แต่พอช่วงปี 3 ของมหาวิทยาลัย เธอเกิดปัญหาทางครอบครัว (มีปัญหากับพ่อเลี้ยง) จึงได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่หอพัก และจำเป็นต้องหางานทำ เพื่อหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนทั้งค่าเทอม และการกินอยู่ประจำวัน
       
        นักสู้สาวตัวจริง 
           งานแรกที่เธอทำ คือ การรับล้างจานที่ร้านโจ๊ก โดยทำงานตั้งแต่ 17.00 - 03.00 น. ได้ค่าแรงวันละ 120 บาท และด้วยความสงสารป้าเจ้าของร้านเลยขึ้นเงินให้เป็น 200 บาทต่อวัน แต่ด้วยความที่ตนเองเรียนแล็ปชีววิทยา บางวันต้องเฝ้าแล็ป ทำให้เวลาในการเลิกเรียนไม่ตรงกับเวลาที่ต้องไปทำงาน เธอจึงตัดสินใจหยุดงานที่ร้านโจ๊ก หลังจากนั้นก็มีรุ่นพี่แนะนำให้ไปทำงานร้านไอศกรีมเซเว่นเซ้นช่วงหลังเลิกเรียนและวันที่ไม่มีเรียน ได้ค่าแรงชั่วโมงละ 25 บาท ซึ่งตก ประมาณ 8,000 บาท/เดือน 
       
        ช่วงนั้นเธอทำงานถึง 2 ที่ เมื่อร้านไอศกรีมปิด ก็ไปเป็นพนักงานเชียร์เครื่องดื่มที่เป๋าตุ๋งกุ้งย่าง (คลอง 2) ได้วันละ 300 บาท เมื่อขึ้นชั้นปีที่ 3 ต้องออกฝึกงานและการฝึกงานไม่มีเงินให้เธอจึงขาดรายได้ แต่โชคดีที่ฝึกงานให้เงินด้วย ชั่วโมงละ 25 บาท วันละ 8 ชั่วโมง 6,000 บาท/วัน 
       
        “เขาคงสงสารหนู” 
       
        รายได้ที่ได้มานั้นพอเป็นค่าใช้จ่ายค่าหอพัก แต่เทอมที่จะมาถึงไม่พอค่าเทอม ประกอบกับช่วงนั้นตนเองไม่ได้ปรึกษาใคร เธอจึงคิดเพียงแต่ว่าต้องหยุดเรียน เพื่อทำงานเก็บเงิน และคิดเสมอว่าจะกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อมีความพร้อมทางการเงิน
       
        หนทางสู่การเป็นนักเรียนดี 'ทุนเพชรบัวสวรรค์' 
 

เปิดใจสาวเรียนดี แนน ณัฐินี...ชีวิตไม่มีคำว่าสาย

         เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็สามารถทำงานเก็บเงินได้พอจะมีค่าเล่าเรียนจึงคิดจะกลับมาเรียนอีกครั้ง โดยเลือกเรียน สาขาวิชาการตลาด ตามคำแนะนำของพี่ที่รู้จักและญาติ เพราะเห็นว่าตอนที่ทำงานนั้นเธอสามารถขายบัตรและทำยอดบัตรสมาชิกได้เยอะ 
       
        “หลังจากกลับมาเรียน ก็ปฏิญาณกับตนเองว่าต้องให้จบการศึกษา ต้องตั้งใจเรียน” 
       
        ด้วยความตั้งใจจริงของแนนส่งผลให้เกรดเฉลี่ยของเธอมากถึง 4.0 ซึ่งต่างกับตอนที่เธอเรียนสาขาวิชาชีววิทยาที่ได้เพียงแค่ 2.8 เท่านั้น นอกจากนี้เธอยังได้รับทุนเพชรบัวสวรรค์ ซึ่งเป็นทุนการศึกษาให้เปล่ากับนักศึกษาทุกคณะที่มีผลการเรียนไม่ต่ำกว่า 3.5 ของทุกภาคการเรียน ไม่มีเกรด D และเป็นนักศึกษาที่มีเกรดเฉลี่ยสูงสุดของคณะ
       
        การได้รับทุนการศึกษาช่วยแบ่งเบาภาระค่าเทอม เธอจึงหาเพียงแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเลือกทำงานร้านเช่าการ์ตูนแถวมหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ หรือเวลาว่างก็ทำงาน PC สินค้า ซึ่งทั้งสองงานรายได้ต่อเดือน 8,000 - 10,000 บาท เธอบอกว่าทำงานร้านเช่าการ์ตูนมีเวลาในการอ่านหนังสือมากขึ้น และเงินที่ได้จากการทำงานจะเก็บไว้และประหยัดให้ได้มากที่สุด 
       
        ฝันให้ไกล...ไปให้ถึง 

เปิดใจสาวเรียนดี แนน ณัฐินี...ชีวิตไม่มีคำว่าสาย
         แนนเผยเคล็บลับในการเรียนของตนเองที่เธอทำเป็นประจำและส่งผลให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ว่า
        
        “ตั้งใจเรียนในห้องเรียน พยายามจดประเด็นที่สำคัญ แนนจะอ่านหนังสือสอบก่อนสองอาทิตย์และพยายามหาคลิปการสอนในยูทูป”
       
        แนนวางเป้าหมายไว้ว่าหลังจากสำเร็จการศึกษาอยากทำงานธนาคาร หรือไม่ก็พนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงอยากมีกิจการเป็นของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลว่า อายุของตนเองจะเกิน และตามสถานที่ต่างๆ จะไม่รับเข้าทำงาน เธอเลยคิดว่าต้องขยันกว่าคนอื่น เธอย้อนกลับไปเล่าถึงความลำบากช่วงแรกที่ย้ายออกมาจากบ้านว่าตอนนั้นเธอไม่มีแม้แต่ทีวี วงจรชีวิตเลยมีแค่กลับมาจากการทำงานก็เข้านอน
       
        “เวลาที่ท้อ ร้องไห้เดี๋ยวก็หาย” 
       
        เธอเล่าว่าเวลาที่มีปัญหาส่วนใหญ่จะคุยกับเพื่อนสมัยมัธยม และฝากถึงเพื่อนๆ หรือใครก็ตามที่มีปัญหาคล้าย กับตัวเอง ว่าอยากให้คิดทบทวนให้มาก หรือเข้าหาอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งปัจจุบันนี้เวลาที่เธอมีปัญหา เธอก็เลือกที่จะปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาของตัวเอง
       
        ปัจจุบันแม้ว่าแนนจะมีชีวิตที่ดีขึ้นแต่ก็ยังพบเจอกับปัญหา คือการที่แม่ป็นอัมพาต ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ และน้องชายมีอาการป่วยทางประสาท เธอจึกมักจะไปเยี่ยมแม่และน้องชายเมื่อมีเวลาว่างเพื่อเป็นการให้กำลังใจคนในครอบครัว นอกจากนี้เธอก็ได้ปฏิญาณกับตนเองว่าจะพยายามเรียนให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้และในอนาคตเธอจะต้องมีบ้าน สามารถเลี้ยงดูแม่ได้ และเธอยังส่งต่อความเชื่อเพื่อให้กำลังใจผู้คนว่า
       
        “ความตั้งใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ ล้วนเกิดจากตัวเรา ขอให้ทุกคนที่หมดหวังท่องจำไว้เสมอว่า ไม่มีคำว่าสาย ชีวิตพร้อมเริ่มใหม่เสมอ 
Credit  Manager

ไม่มีความคิดเห็น: