วันจันทร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2557

ขอบคุณเกรด 2.00 ที่ทำให้เรามีวันที่ดี

บอกเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตของผู้หญิงที่จบปริญญาตรีด้วยเกรด 2.00 ไม่ได้มาชักนำให้ไม่ตั้งใจเรียนนะ แต่อยากบอกน้องๆ หลายคนว่าอย่าท้อนะคะเกรดน้อยก็ประสบความสำเร็จได้แค่เราต้องพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เราชื่อ นิก เป็นลูกสาวคนที่ 2 ของบ้าน  การเรียนดีมาตลอดตั้งแต่อนุบาล พ่อแม่ชื่นชมและญาติพี่น้องก็ให้เราเป็นแบบอย่างของหลานๆ ตอนเรียน ม.ปลายก็ได้เรียนสายวิทย์ฯ แต่ไม่ได้ไปกวดวิชาเพราะค่าใช้จ่ายสูง เกรดเฉลี่ยเกิน 3.8 ทุกเทอม อ่านหนังสือสอบเองจนกระทั่งสอบติดมหาลัยรัฐบาลอันดับแห่งหนึ่ง คณะวิศวกรรมศาสตร์-คอมพิวเตอร์ แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไปเมื่อเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย
เราค้นพบว่าตัวเองไม่ชอบวิชาท่องจำไปสอบซึ่งบางวิชาต้องท่องจริงๆ ตามพื้นฐานการศึกษาไทยแต่เดิม ทำได้ดีเฉพาะวิชาปฏิบัติ แต่วิชาท่องจำดันหน่วยกิจหนักกว่า  T_T  จนปีสุดท้ายเราเหลือวิชาโปรเจคจบ และ วิชาพื้นฐานวิศวกรรม (เครื่องกล) หนักไปทางนั้นเป็นส่วนใหญ่ เอาเป็นว่าเราเรียนวิชานี้ 7 ไม้ ตั้งแต่เริ่มเรียน W ไป 2 ครั้ง F ไป 5 ครั้ง (3 หน่วยนะคะตัวนี้ T_T ) และผ่านด้วยไม้ 8 ได้เกรด B มา ตื้นตันฉันจบแล้ว จากเกรด 2.7 ก็เหลือ 2.00
กลายเป็นว่ากว่าจะจบปริญญาตรีใช้เวลา 5 ปี  ไม่ต้องถามพ่อกับแม่เสียใจมากๆ  ทำให้เราทะเลาะกับพ่อหลายครั้งเพราะต่างคนต่างแรง พ่อยื่นคำขาดมา 1 คำว่า “ฉันจะไม่ส่งแกเรียน ถ้าอยากเรียนจบดิ้นรนเอาเอง”  เราเลยต้องหาทางออกทุกวิถีทาง  ทุกวิธีทางจริงๆ มาดูทุกวิถีทางของเราที่ทำให้เรามีวันนี้
เริ่มจากจะเรียนจบได้ต้องมีรายจ่ายอะไรบ้าง”ถ้าพ่อไม่ส่งเรียนแล้ว” ในเวลา 2 เทอมประมาณ 9 เดือน

ค่าเทอม 25000x2 เทอม = 50000บาท
ค่าหอพัก 2200x9 เดือน = 19800 บาท
ค่าใช้จ่ายรายเดือน 3000x9 = 27000 บาท
ถ้าจะถามว่าทำไมไม่กู้ กยศ. เรากู้มา4 ปีแล้วคะ  หมดสิทธ์คะ ค่าเทอมเราต้องจ่ายก่อนลงทะเบียนทุกครั้งดังนั้นเป็นสิ่งแรกที่ต้องหา เทอมแรกของปี 5 เรายืมแฟนมาจ่ายก่อนเค้าจบปกติเลยมีงานทำด้เงินเดือน เขาเลยยื่นมมือมาช่วยแต่เราก็ต้องทำงานผ่อนจ่านคืน  คือไม่อยากเป็นหนี้นานๆความรู้สึกดีๆมันอาจโดนทำร้ายเพราะเรื่องเงิน

เริ่มหางานทำ
เรารู้ว่าตัวเองต้องเรียน 5 ปีตอนเดือนกุมภาพันธ์ เปิดเทอมเทอมแรกตอนเดือนมิถุนายน ดังนั้นจะมีเวลาว่างก่อนเปิดเทอม 3 เดือน เลยหางาน past-time ทำสมัครไปหลายที่ร้านฟาสฟู๊ด ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า สุดท้ายได้งานที่โรงเรียนกวดวิชาเป็นผู้ช่วยสอน past-time ได้ 300/วัน ทำงานอาทิตย์ละ 6 วัน รายได้เดือนละ 7200 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายไปเหลือเก็บเดือนละ 5000 บาท ดังนั้นจะมีเงินเก็บ 15000 บาทก่อนเปิดเทอม

เรียนให้จบพร้อมทำงานหาค่าใช้จ่าย
เงิน 15000 บาทเอามาเป็นค่าประกันหอ 5000 บาท ดังนั้นจะเหลือเงินเก็บ 10000 บาทใช้ในช่วงหางานทำ  เริ่มสมัครงานหลายที่แน่นอนถึงมีความสามารถในการสอบข้อเขียนบริษัทต่างๆ พอเข้าไปสัมภาษณ์ปากเปล่าพอรู้ว่าเรายังไม่จบปริญญาตรีเขาก็ไม่รับเรา ระหว่างหางานบริษัทก็ทำอย่างอื่นไปด้วยที่พอเป็นรายได้ เลยเอาเงินเก็บออกมา 5000 ลงทุนซื้ออุปกรณ์มาค้าขาย ส่วนสูตร็จาก google นี้แระ
1.    ขายแซนวิชหน้ามหาวิทยาลัยตอนเช้า
2.    ขายก๋วยเตี๋ยวลุยสวนตอนเย็น
กำไรหลังหักต้นทุนก็ประมาณ 500 บาท/วัน แต่เหนื่อยมากๆ ตื่นไปตลาดแต่เช้า เตรียมของ จัดร้าน เหนื่อยสุดๆเลย เราทำแบบนั้น 1 เดือนเต็ม รายได้ 500/ขายอาทิตย์ละ 6 วัน รายได้เดือนละ 12000 บาท หลังจากหักค่าใช้จ่ายรายเดือน  ค่าหอแล้วก็จะเหลือผ่อนคืนแฟนไป 5000 บาทรวมแล้ว 10200 บาท เหลือเก็บเล็กน้อย ที่เรายังจำได้แม่นแม้ผ่านมา 3 ปีแล้วเพราะเราทำบันทึกไว้  กะจะเก็บไว้เป็นสิ่งเตือนใจตลอดชีวิต เอาไว้สอนลูกหลานว่าชีวิตมีทางออก
เดือนมิถุนายนเหลือเก็บ 5000+1800 = 6800 บาท

เริ่มเดือนกรกฎาคมเราได้งานเป็น programmer แต่ได้เงินเดือนแค่ 12000 เพราะเราไม่จบปริญญาตรี ยอมรับว่าเหนื่อยทั้งทำงานและอ่านหนังสือไปด้วยเลยต้องเลิกค้าขายทั้งๆที่เสียดายมาก ลูกค้ากำลังติดใจ แต่งาน programmer ก็ได้เงินเดือน 12000x8 เดือน= 96000 บาท
รายได้รวมทั้งหมดนะคะ 6800+96000 = 102,800 บาท
ค่าเทอม 25000 เทอม 2  = 25000บาท
คืนแฟน  20000บาท
ค่าหอพัก 2200x8 เดือน = 17600 บาท
ค่าใช้จ่ายรายเดือน 3000x8 = 24000 บาท
กว่าจะเรียนจบน้ำตาเสียไปหลายปีบ เหมือนครอบครัวทิ้ง เพื่อนๆ ที่เรียนมาด้วยกันก็ไม่สนใจ ไม่รับโทรศัพท์เพราะกลัวเรายืมเงินเค้ามาเรียน แต่โชคดีที่ได้กำลังใจจากแฟนและแม่ที่แอบโทรมาหาบ้าง  หลังจากเรียนจบเรามีเงินเหลือเก็บเพียง 16000 บาทแต่ก็ได้ประสบการณ์การเรียนรู้ต่างๆ การจัดการ การแบ่งเวลา การแก้ปัญหา
ชีวิตการทำงาน
เรายังทำงานที่เดิมคะ หลังจากเรียนจบบริษัทนี้เป็น Software House ทำงานให้รัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ เราทำงานที่นั้น  1 ปี 6 เดือน ได้ทำโปรเจคหลายหลายตั้งแต่ทำ set top box / ระบบทางด่วน / ระบบจัดสต๊อกของห้าง โปรเจคยักษ์ทั้งนั้นเราด้วยเป็นคนไม่เก่งก็พยายามเรียนรู้งาน ถามพี่ๆ แม้แต่คำถามโง่ๆก็ยังถาม จนพี่เขาคงรำคาญถามกลับมาว่า “ไม่ได้เรียนมารึไง” หลังเลิกงานเราจะอยู่ต่อ 2 ช.ม. เพื่อทบทวนและหาความรู้ในจุดที่เราอ่อนมากๆ แต่ในทางกลับกันเงินเดือนก็ยังคงได้ 12000 บาทโดยที่เราจบแล้วก็ไม่ได้เงินเพิ่มแต่อย่างใดตามที่เคยคุยกัน  เราเลยตัดสินใจจะเปลี่ยนงานเพราะอยากช่วยพ่อผ่อนบ้านและอยากมีเงินให้แม่ใช้รายเดือน

ประสบการณ์ 1 ปี 6 เดือน + เกรด 2.00
แน่นอนไปสัมภาษณ์งานที่ใหม่ทุกคนก็โจมตีเกรด หาว่าไม่ตั้งใจเรียน ทำแต่กิจกรรม พอเราอธิบายก็กลายเป็นแก้ตัว แม้ว่าเราจะสอบข้อสอบของเค้าได้ผ่านเกณฑ์ทุกประการ สุดท้ายไม่เอาแล้วงานประจำรอนานไม่ได้สักทีหรือได้ก็ต่อราคาเพราะเกรดเฉลี่ยนี้แระว่าจบช้า เกรดน้อย มันไม่เป็นตามโครงสร้าง เลยติดสินใจทำ Outsource ซะเลย ได้ไป Onsite เป็น Software Engineer อยู่ 2 ที่โรงงานโซนลาดกระบัง 5 เดือนและเครือข่ายโทรศัพท์ย่านอารีย์ 5 เดือน 
เราทำ Outsource ได้ไป Onsite เป็น Software Engineer อยู่ 2 ที่โรงงานโซนลาดกระบัง 5 เดือนและเครือข่ายโทรศัพท์ย่านอารีย์ 5 เดือน

Software Engineer ที่โรงงานโซนลาดระบัง เงินเดือน 20000 บาท  ค่าเดินทางไม่ต้องจ่ายเพราะไปกับรถรับ-ส่ง ของโรงงาน  ทำงานที่นี้ประหยัดมากๆคะ  ค่าอาหารต่อมื้อ 20 บาท กาแฟที่เค้าชงไว้แล้วแก้วละ 10 บาทเอง ทำงานที่นี้เอาเงินมา 100 บาทเหมือนคนรวยมากๆ  

ลักษณะงานที่ทำรับผิดชอบออกแบบและพัฒนาระบบเช็ค Error งานให้การผลิต เหมือนเดิม ตั้งแต่เก็บ requirement / ทำเอกสารสเปค/ clear requirement กับ user/ เลือก Hardware จากดีลเลอร์/ coding debug จนทำเอกสารส่งมอบ แต่รอบนี้ต้องมาฉายเดียวไม่มีพี่มาดูแล มีแต่ user ที่เกี่ยวข้องกับงานอยู่ด้วย ต้องขอขอบคุณประสบการณ์การงานจากที่เดิมที่ได้เรียนรู้ระบบมาทั้งหมดเลยทำให้เรารู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลัง love งานมากเพราะไปหนักสายฮาร์ดแวร์ IC และไมโครคอนโทรเลอร์ล้วน (ความสุขส่วนตัว)

เริ่มต้นพัฒนาทักษะตัวเอง

1.    เรียนภาษาอังกฤษ เรียกว่าฟื้นฟูตั้งแต่ A-Z ส่วนภาษาจีนกลางไปสอบวัด Level เริ่มเรียนต่อ Level ต้อนรับ AEC กันเลย
2.    หาความรู้เรื่องการลงทุนอนาคตอาจจะไปตั้งกระทู้ปรึกษาในห้องสินธรและอ่านเทคโนโลยีใหม่ๆ หลังเลิกงาน

เริ่มต้นดูแลคนในครอบครัว
จากรายได้ 20000 บาททำให้ได้ทำอะไรหลายๆ อย่าง
ผ่อนบ้านช่วยพ่อ 3000 บาท
ค่าใช้จ่ายรายเดือนของแม่ 5000 บาท 
(ของพ่อ พ่อปฎิเสธ บอกเราว่าเอาไว้เหลือเยอะๆ ก่อนและพ่อเลิกทำงานก่อนค่อยให้ ส่วนแม่เลิกทำงานแล้วจึงไมมีรายได้)
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเนต 2500 บาท
ผ่อนค่าเรียนภาษาประมาณ 3000/เดือน
ค่าใช้จ่ายแบบประหยัดมากๆ 4000 บาท
ส่วนที่เหลือก็หยอดกระปุกเก็บออมคะ
เริ่มต้นงานอิสระที่ไม่กระทบงานประจำ

เรามองธุรกิจสัตว์เลี้ยงคะ  เนื่องจากคนรอบข้าง เพื่อนที่รู้จักต่างเลี้ยงสัตว์ รวมถึงเราที่เลี้ยงกระต่าย 5 ตัว เริ่มต้นจากหาข้อมูลและนำข้อเสียของร้านต่างๆมาปรับปรุงเป็นข้อดีของร้านเรา เราเปิดร้านออนไลน์ขายอาหาร อุปกรณ์สำหรับสัตว์เล็ก จำพวก กระต่าย แกสบี้  แฮมเตอร์ ชูการ์ฯลฯ  ควบคู่กับการเปิดบ้านเป็นที่รับฝากเลี้ยงยามที่เจ้าของไม่อยู่ วันหยุดยาว พาเจ้าตัวเล็กไปไม่ได้  อีกทั้งเรามีบริการไปส่งที่บ้านที่ลูกค้าเลือกใช้บริการอย่างล้นหลามหรือบริการทางไปรษณีย์ จากการเริ่มเปิดเพจ เข้ากรุ๊ปสัตว์เลี้ยง ทำให้ร้านเราเป็นที่รู้จักพอสมควร ได้เพื่อนใหม่มามากมาย ลูกค้ามีแทบทุกเพศ ทุกวัย  นอกจากเราทำหน้าที่ขายแล้ว ต้องหาข้อมูล ให้คำปรึกษาลูกค้า  โดยข้อมูลส่วนใหญ่มาจากเนตแล้วเราก็เอาไปถามสัตวแพทย์ที่สนิทกันที่โรงพยาบาลเกี่ยวกับสัตว์เล็กแถวๆวัชรพล เพื่อยืนยันข้อมูลให้ถูกต้อง จะได้ไม่แนะนำลูกค้าผิดๆ เพราะเราของเรา “เน้นหัวใจ ก่อนกำไรเสมอ”

จากการที่เราคงมาตรฐานใส่ใจและปรับปรุงบริการ ทำให้จากขาดทุนแรกๆ มาเป็นมีรายรับเข้ามาเรื่อยๆแม้จะไม่ได้เยอะใหญ่โตก็ทำให้เรามีเงินเก็บแบบฝากประจำมากขึ้น  มีเงินไว้ Shopping บ้าง ให้เงินพ่อบ้างเวลากำไรเดือนไหนมาก แต่ที่ดีใจที่สุดคือออมจนมีเงินพอที่จะรีโนเวทห้องครัวและห้องนอนใหญ่ของพ่อแม่ เดือนหน้านี้แล้วคะทำเสร็จแล้วจะได้รีวิวแน่นอนๆ

เวลาทำธุรกิจขายของออนไลน์ คือหลังเลิกงานหน้าที่คือ ตอบคำถาม แพ็คของ เช็คของอย่างเดียวคะ ถ้าไม่มีเคสต้องจัดส่งถึงบ้าน  ส่วนคนยืนยัน Order คือแม่นะคะ แม่ลงทุนหัดเล่น facebook  LINE Whatapp สำหรับยืนยันออร์เดอร์ ส่วนข้อมูลไหนตอบได้แม่ก็ตอบ  อันไหนไม่ได้แม่จะจดไว้ให้เรากลับมาตอบหลังเลิกงาน  ส่วนสินค้าจากมือก่อนที่ต้องวิ่งไปซื้อเอง ไปคัดเอง หาของดีที่สุด ทำมาสักพักก็มี Sale มาส่งให้เพราะเขาจะรู้ว่าเราต้องการแบบไหน  นอกจากนี้ก็หาข้อมูลการขายสินค้าออนไลน์แบบไหนให้ได้ผลกำไรมาขึ้น ศึกษาช่องทางธุรกิจนี้เพิ่ม  ไว้ทางทำเป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้น่าจะมีโอกาสรีวิวคะ  ตอนนี้ยังเป็นแบบภายในครัวเรือนเล็กๆ ค่ะ
อยากบอกน้องๆ หลายคนว่าอย่าท้อนะคะเกรดน้อยก็ประสบความสำเร็จได้ แค่เราต้องพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: