วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

สอบตกก็เคย!แต่วันนี้สอบแพทย์ได้อันดับ1ของประเทศ

คนเก่งเปิดใจ "เด็กมหิดลวิทยานุสรณ์" ผู้ทำคะแนนสูงสุดแพทยศาสตร์กสพท.ของประเทศ ชี้เคล็ดพิชิตอันดับ 1 ตั้งใจเรียนในห้องเรียนพร้อมแบ่งเวลาทำกิจกรรมให้เป็น  แนะรุ่นน้องถ้าอยากเรียนดีต้องอ่านหนังสือทุกวัน พร้อมขยันทบทวนข้อสอบเก่าและทำแบบฝึกหัดไปด้วย

คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล นำนักเรียนที่ได้คะแนนสอบของ สถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย มาเผยเคล็บลับการเรียน จนสอบได้คะแนนสอบแพทย์อันดับ1 ของประเทศไทย

หลังจากประกาศผลการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิต ปีการศึกษา 2558 ของกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.)ไปแล้วนั้น วันนี้(2 มี.ค.) ที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล(มม.)ได้มีการสอบสัมภาษณ์และตรวจร่างกายนักเรียนที่สอบผ่านการคัดเลือกดังกล่าว ซึ่งพบว่า ผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดของประเทศและเป็นอันดับหนึ่งของ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล คือ นายกิจเกษม เกียรติกุลวัฒนา นักเรียน รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ ทำคะแนนได้ 84.6511 คะแนน ขณะที่ผู้ที่ทำคะแนนได้เป็นอันอัน 2 ของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช คือ นายอัคคภัทร์ จารุชัยยง ได้ 83.2700 คะแนน และอันดับ 3 นายปารินทร์ วงศ์สานุภา ของคณะแพทยศาสตร์ ศิริราช ได้ 83.2500 คะแนน

นายกิจเกษม เกียรติกุลวัฒนา นักเรียนโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ที่ได้รับคะแนนสอบสูงสุด 84.6511 ของสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) กล่าวว่า ชีวิตตัวเองไม่ใช่เด็กเรียนมากนัก มีทั้งสอบตกก็เคย แต่เป็นเพราะสามารถปรับตัวได้ทัน บวกกับมีความสนใจด้านแพทย์หลังจากได้รับฟังรุ่นพี่ ที่มาให้คำแนะนำพูดคุยถึงประสบการณ์การเรียนแพทย์ แม้จะทราบว่างานหนัก แต่ก็ได้ช่วยคน โดยสนใจอยากเป็นแพทย์ด้านโลหิตวิทยา เพราะร่างกายต้องเกี่ยวพันกับเลือด การเรียนที่ผ่านมา เคยตกฟิสิกส์ด้วยซ้ำ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติของโรงเรียน แต่มีความชอบด้านชีววิทยา เริ่มปรับตัวในช่วง ม. 6 หันมาอ่านหนังสือจริงจังตั้งแต่ 1 ทุ่มถึงเที่ยงคืน อ่านแบบไม่เครียด เมื่อยก็นอน เครียดก็คุยกับเพื่อน เพียง 5-10 นาที แล้วกลับมาอ่านใหม่ ต้องมีวินัยกับตัวเอง พ่อแม่ไม่เคยกดดัน มีแต่ให้กำลังใจ และก็ไม่เคยชมให้เกิดความหลงตัวเอง บอกแค่ให้สอบพอผ่านพอ คิดว่าการสอบให้ได้คะแนนสูง คือ พยายามทำข้อสอบเก่าและแบบฝึกหัดให้มาก ๆ ไม่ได้มุ่งแต่เรียนอย่างเดียวแต่จะทำกิจกรรมควบคู่ไปด้วย เพราะกิจกรรมทำให้เรามีสังคม รู้จักแบ่งเวลาเรียน 

นายอัคคภัทร์ จารุชัยยง กล่าวว่า ที่เลือกเรียนหมอ เพราะอยากช่วยเหลือผู้อื่น ต้องทบทวนบทเรียน ฝึกทำโจทย์บ่อย ๆ ที่สำคัญต้องกำหนดตารางชีวิตว่าต้องอ่านหนังสือทุกวัน แต่ต้องไม่เครียด เพราะอยู่ที่โรงเรียนตนก็เป็นคณะกรรมการของโรงเรียน หลังเลิกเรียนก็เล่นกีฬากับเพื่อน ๆ อนาคตอยากเป็นหมอรักษาโรคมะเร็ง หรือทำงานวิจัยเกี่ยวกับด้านมะเร็ง เพราะอยากช่วยผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีความสุขในการใช้ชีวิต

นางสาวปารินทร์ วงศ์สานุภา กล่าวว่า แรงจูงใจที่มาเรียนแพทย์ เพราะเป็นอาชีพที่ท้าทาย ได้รักษาและบำบัดทุกข์ให้คนไข้เทคนิคการทำข้อสอบที่ทำให้ได้คะแนนมาก ๆ คือ ต้องหมั่นทบทวนเนื้อหาวิชาที่เรียน และต้องบริหารเวลาให้เป็นใช้อย่างคุ้มค่า ในอนาคตอยากให้มีแพทย์ทางด้านวิจัยมากขึ้น เพื่อพัฒนาวงการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น

           

ด้าน นางสาวภัทรศยา วีระโชติสกุล นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา กล่าวว่า มีอาม่าป่วยเป็นอัลไซล์เมอร์ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเรียนแพทย์ เพราะทุกคนที่อายุมากขึ้นมีโอกาสป่วย จึงอยากเรียนหมอ ชื่นชอบอาชีพหมอตั้งแต่เรียน ม.4 จากแต่ก่อนไม่ชอบโรงพยาบาล เห็นหมอพยาบาลรักษาคนไข้จำนวนมากก็อยากช่วยคนบ้าง การเรียนเน้นการอ่านหนังสือด้วยตนเอง และชอบที่จะติวจะย่อให้เพื่อน เพราะได้เป็นการทบทวนบทเรียนด้วยตัวเอง เน้นการอ่านหนังสือตั้งแต่ 1 ทุ่ม ถึง เที่ยงคืน เช่นกัน 

...................................
ภาพประกอบจากhttp://www.thaitv3.com/

ไม่มีความคิดเห็น: