วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

วิธีการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ

กรณีท่านที่ต้องการโหลดไปอ่าน ให้ไปโหลดที่ www.kamonenglish.com เมนูซ้าย ข้อสอบและเฉลย
เรื่อง How to interview 

เทคนิคสอบสัมภาษณ์ โดย อ.กมล  จันทร์ดวง - ต่อ

การสอบสัมภาษณ์เข้ามหาวิทยาลัย มีเทคนิคไม่ยากจนเกินไปนัก หลักการอยู่ที่ผู้ถาม และ
ผู้ตอบ ต้องตอบได้ตรงคำถามมากกว่าเหลวไหล
อาจารย์ที่มาสัมภาษณ์ มักมาจาก 3 คณะ
1. คณะที่ตนเองสอน หรือ คณะที่คุณไปสอบติดนั่นละ
2. คณะศึกษาศาสตร์ หรือ สังคมศาสตร์
3. คณะจิตวิทยา หรือ คณะภาษาต่างๆ
นอกจากนั้นกรรมการที่เหลือ มาจาก 1 ใน 3 โดยในระบบทุนการศึกษาจะต้องยึดตามกฎด้านบนเป็นหลัก เพื่อวัดด้านพุทธิศึกษา ด้านจิตใจอารมณ์ และ ด้านการสื่อสาร ไม่ใช่ระบบโรงเรียนหรือสำนักงานที่มีกรรมการไม่ครบ และ คำถามภาวนาว่าอย่าให้โดน อ.จากคณะจิตวิทยาหรือสังคม
เพราะพวกนี้จะเป็นคำถามที่ไม่ต้องเก็งคำถาม หรือ คำถามที่ไม่มีคำตอบแต่เป็นใบหน้าและน้ำเสียง
          ผมเห็นนักเรียนจำนวนมาก จบ ม.6 สอบติดนึกว่าตนเองเก่ง พวกนี้จะคุมอารมณ์ไม่เก่งตาม
พวกนี้ไม่รู้แม้ว่า หน้าตาตนเองตอนยิ้มเป็นอย่างไร เสียเวลาโพสรูปหน้าเบี้ยวๆใน fakebook เลยไม่รู้ว่า
ตอนยิ้มเมื่อตอบผิดต้องแสดงออกอย่างไร  ฟังให้ดี ให้คุณไปหากระจกหน้าเต็มและฝึกยิ้ม ดูมุมปากให้ยกขึ้น อย่าให้เห็นฟัน จำไว้ มุมปากสองด้าน** ยกขึ้น ไม่ใช่ยิ้มเห็นฟันเห็นคอ แบบนี้เรียกว่ามาล้อเล่น
หรือ ไม่เคารพกรรมการ  และ เมื่อตอบผิดต้องยิ้ม เขาด่าให้ยิ้ม แสดงถึงที่บ้านผ่านการอบรมมาดี
เด็กบางคนน่าสงสารมาก นึกว่าตนแน่ ทำหน้าตาคิ้วผูกโบประมาณว่าตนแน่ ส่วนมากพวกนี้ก็ได้เหมือนกันถ้าอาจารย์ที่รับสัมภาษณ์มาจากคณะอื่นๆ เขามองว่าสะใจดี แต่ถ้าเป็นอาจารย์ประจำคณะ
เขาตัดชื่อทิ้ง ติดไฟตั้งแต่ต้นลม --  ดังนั้น ก่อนจะเปรี้ยวให้ไปดูรูปภาพอาจารย์ประจำคณะก่อน
สอบสัมภาษณ์และให้จดชื่อภาษาอังกฤษคณะที่ตนเลือกเรียนให้ดี
 
1. ถามเรื่องส่วนตัว
คำถาม .......... จำคำเหล่านี้ไว้ให้ดี
1.1      หมวดงานอาชีพ พ่อแม่ / ตัวเรา
ฟัง      job -- work -- occupation -- career --- father / mother ?
ตอบ    เตรียมชุดคำตอบด้วย
          My father works at …………………………….
          His job is about ……………………………….
          My mother does ……………………………..
          Her job is ……………………………………..
          In the future, I think my decision to choose this university will make
          me right way for my future career. I think a ..อาชีพ... is my beloved.
 
 
 
1.2      คำถามที่อยู่
ฟัง      address -- where - location - province - how far -- house
          resident - Chonburi - etc.
ตอบ    From the University , I take the bus number …… to ……..
          Then I walk to my house only 5 minutes. บอกเป็นเวลาอย่าบอกเป็นกิโล
          อย่าตอบให้มันละเอียดมากนัก จำไว้ว่า ไม่มีใครไปบ้านคุณ
          เอาแค่ ขึ้นรถเมลหมายเลขนี้ ........ และ เดินต่อไปประมาณ ........
          ก็ถึงบ้านของฉันแล้ว อย่าพยายามมาโชว์ขึ้นรถไฟฟ้าต่อนั่นต่อนี้
          ต่อแมงกะไช แถมรถกะป้อ ยิ่งฟังยิ่งเบื่อ สั้นๆ อีกทั้งภาพลักษณ์
          ฟังง่าย บ้านใกล้มาเรียนไม่สาย ก็โอเค หรือ ไม่ลำบากที่มาจากเรียน
 
1.3      ถามเรื่องค่าครองชีพ ถามว่าพ่อแม่มีปัญญาส่งเรียนหรือเปล่า
ฟัง      expenditure - cost - miscellaneous - money - pay - paid
          expend - stipend -  spend - worth
ตอบ    My father and mother can support me because their jobs pay well.
          My dad and mom have total 50,000 baht per months and we haven’t
          some debts. I think everything will be fine.
          I’m really sure. Myfamily agrees on me to deciding this faculty
          and they can pay my tuition until the end.
 
1.4      ถามว่าทำไมมาเรียน หรือ เลือกคณะนี้
ฟัง      why - interest - ชื่อคณะเป็นอังกฤษ - what do you think about ชื่อคณะ
          choose - entrance - enter - quota - like
ตอบ    I think …ชื่อคณะ + มหาวิทยาลัย is accredited and is my favorite major.
          I would like to study in here. Besides วิชาที่เรียนหรือวิชาคณะ is so interesting
          and it is my favor also.
 
1.5      ถามว่าจบแล้วจะทำอะไร จะหางานอย่างไร
ฟัง      after - finish - graduated - find the job - in the future -
ตอบ    I will be a / an  อาชีพ and this university gives me a lot of chances. I don’t worry about my job in the future - that’s ok for me. Honestly I care only my grades more than my jobs.                 I think in the future there will be its own way. Now I think how to study in here first.
 
 
 
1.6      คุณชอบเรียนวิชาอะไร และ ทำไม
ฟัง      subject - good at - favorite - interesting - love - easy - like
ตอบ    Actually, วิชา......... is my favorite subjects and I can do it well.
          So hard is my favorite วิชา... and I have only grades B or C, but I love this subject.
          Every time I learn …………..  It makes me more interested. I never sleep and I do all of my assignment.
 
1.7      คุณไม่ชอบ หรือ วิชาอะไรที่ยาก
ฟัง      subject - not good at - unflavored - uninteresting - hate - difficult -boring - don’t like
ตอบ    Actually, วิชา......... isn’t  my favorite subjects and I can’t do it well but I will do my best.
          So hard is my favorite วิชา... and I have only grades C or D, but I will try more this subject.
          Every time I learn …………..  It makes me feel difficult. I never sleep and I do all of my assignment but I think it not enough. I will do it better for next time.
 
1.8      ถามเหตุการณ์ การเมือง เศรษฐกิจ น้ำท่วม ข่าวต่างๆ
ฟัง      what do you think - How about - suggestion - event - situation - news - flooding -           economic - politic - Prime minister - Yinluk - Abihsit - inundate - big flood -
          Ecology - etc.
ตอบ    คงต้องเลี่ยง หรือ เบี่ยงประเด็นดังนี้ เนื่องจาก ผู้ถามอยากฟังเราพูดยาวๆๆ หรือ อยากฟังการใช้ภาษาการแสดงสีหน้า เมื่อเจอของหนัก ดังนั้น เราต้องอัดหนักจัดเต็ม แบบเบี่ยงเบนประเด็น
          There’re many problems in our society cause we come from different places and different culture or knowledge.  You know everything will happen; I am not sure it will be good or bad only time to see it. So I recommend myself do best for my life: taking care of my study, ecology, good moral and learning how to protect environment and love the King. This will be short way for Thai people to live in harmony with men and nature.
         
 
--------- The end ------------
เมื่อจบควรอำลาด้วยคำว่า
          Thanks  ArJarn very much.  I wish I’m in this University. See you soon
          แล้วก็ ยกมืองามๆ สวยๆ และพูดว่า “สวัสดีค่ะ”
 
 
 
         
มาดูบางส่วนที่ผมได้นำมาจากเวปอื่นๆ บ้างครับ
เนื่องจากบางมหาวิทยาลัย อาจารย์โดดงานประจำ ไปเที่ยว ไปสัมมนา และ เบื่อขี้หน้าเด็กเมื่อวานซืนเป็นส่วนมาก จึงได้เปิดประเด็นง่ายๆๆ ว่า  ไหนลองแนะนำตัวเองหน่อยสิ
ฟัง      Could- Would - Can - you introduce yourself
ตอบ    ตัวอย่างนี้ผมนำมาจากเวป ที่มีนักเรียนได้โพสถาม น่ารักเลยนำมาให้อ่าน
Please let me introduce myself. 
My name is Sireethon Wandee. My friends call me "Mim". I'm 18 years old and I recently graduated from TaphanhinSchool. My parents are both teachers at TapmhunSchool. They are kind and friendly. I dream of being an air hostess because I like helping people and I love foreign languages. In addition I enjoy fashion designing. One of my strongest dislikes in sexual discriination because it does not allow women to advance and is not fair to women all over the world.

To me, my family and my education are the two most important things in my life. 
Thank you very much for your time. 

I am applying because I like foreign languages and would like to be able to improve my English. I would like to work abroad where English would be necessary bedcause it is spoken around the world. 

ที่มา http://www.sudipan.net/phpBB2/viewtopic.php?p=47948
 
ส่วนที่เหลือ ไปนำมามั่วไปหมด ................. เครดิตต้องขออภัยอย่างแรง หากลืมยกย่องพวกท่าน
การทักทาย (Greeting) ส่วนนี้เป็น part แรกในการสนทนา.
Q : Good morning / afternoon
A : Good morning / afternoon – sir / mam.
Q : How are you today? 
How are you doing? ** ทั้งหมดความหมายเดียวกัน ว่า สบายดีไหม**
How do you do?
A : I’m fine / I’m good ..thanks and you?
Q : ก็แล้วแต่เค้าจะตอบ

การสัมภาษณ์ ( interview ) ส่วนนี้เป็นการเข้าเรื่องการสัมภาษณ์
Q : Would you like to tell me about yourself? อยากให้เล่าเกี่ยวกับตัวเอง
A : I was born in … 
I graduated from …. In …ปีที่จบ
Major …. 
When I was student. I have experienced sum part time jobs as …. (ถ้ามี / ถ้าไม่มีข้ามไป) 
On my free time. I like to surf net and ….(งานอดิเรก) เช่น reading, movies, แต่ควรจะเป็น เรื่องที่เกี่ยวข้องกะงานเอาไว้จะดีกว่า ....
Q : Would you like to tell me about your wok experiences? เล่าการทำงาน
A : After graduated in 2000 (สมมติ) I have got a first job at ….ชื่อบ. 
Worked as … ตำแหน่งงาน
My responsibility are …. ทำอะไรบ้าง ....
Second job ….งานที่ 2 …
** ให้เล่าอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะครบตามประสบการณ์ของเรา **
คำถามเพิ่มเติม จากการเล่าประสบการณ์ของเรา Following questions
Q : Do you have a computer skill ? ทักษะคอม
Can you speak other language? พูดภาษาอื่นได้อีกไหม
Can you use internet? ใช้อินเตอร์เน็ต
Can you use office material? เครื่องใช้สำนักงานเป็นไหม 
- Yes I can .
Do you stay alone in Bangkok? อยู่กรุงเทพคนเดียวเหรอ 
- Yes / No, with friends,relatives
Do you have sister or brother? อันนี้โดนเองเลย .. ไม่รู้จะถามทำไม 
- Yes,1 sister / No am the only one child.
** คำถามมีอีกมากมาย แต่เท่าที่พบด้วยตัวเองก็จะประมาณนี้ **
          หลังจากนั้นผู้สัมภาษณ์จะเล่าเกี่ยวกับบริษัทของเขา เช่น ลักษณะธุรกิจ เปิดมากี่ปีแล้ว บริษัทแม่อยู่ที่ไหน วัตถุประสงค์ อื่นๆ แล้วก็จะวกเข้ามาที่ตำแหน่งที่เราสมัครว่า ทำไมเขาจึงมีความต้องการรับคนเข้าทำงานในตำแหน่งนี้ ซึ่งคุณนายไม่สามารถเขียนบรรยายได้เพราะมันมากมาย ... เอาเป็นว่าเขาจะถามเราแล้วหล่ะว่า
Q : Do you have any questions?
Any questions? 
About our business, do you have a questions?
ซึ่งถ้าเราไม่แน่จัย ก็ให้บอกว่า
A : No, I will have more question after I’ll see you again. ยังไม่มีตอนนี้ เอาไว้ร่วมงานกันแล้วมีแน่ๆ ประมาณนั้น
หรือถ้าเราเกิดสงสัยต่างๆ ก็ตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับตัวงาน เพื่อให้เขารู้สึกว่า เราสนจัย
A : How many staffs are working in this section? มีพนักงานทำงานตำแหน่งนี้กี่คน

** ถ้าเราไม่มีคำถามแล้ว เขาอาจจะปิดการสัมภาษณ์ **
Q : Well,we will need to talk together then will give you feedback later.
We will call you later.
We will get back to you as soon as possible. 
** อีกมากมาย ** 
A : Yes .. Thank you very much I will look forward to hear from you ขอบคุณ ฉันจะรอ .. ในที่นี่หมายถึง โทรศัพท์
Q : Sure .. thanks for coming แน่นอน .... ขอบคุณที่แวะมา
A : Thanks for your time and opportunity ขอบคุณที่ให้โอกาศและเสียสละเวลามาสัมภาษณ์

Q : Have a nice day … Goodbye / Goodluck
A : Thanks , same to you .. ถ้าเราไม่อยากพูดยาว หรือไม่ก็พูดเหมือนเขานั่นแหละ

          เอาหล่ะ .. คงจะได้ไอเดียกันบ้าง คุณนายไม่ได้ลอกที่ไหนมานะพยายามเขียนออกจากประสบการณ์( ที่นานมาแล้ว ) มาแบ่งปันกันเผื่อว่าจะได้เป็นแนวทางให้เพื่อนๆได้ลองศึกษาดูและนำไปใช้ในแบบที่ตัวเองถนัด.. สำหรับการตั้งคำถามของผู้สัมภาษณ์ เท่าที่สัมผัสมา มันไม่น่าจะเกินนี้ ยิ่งถ้าเป็นคนไทยสัมภาษณ์หล่ะก็ จะเป็นอย่างนี้เลยแต่ถ้าเป็นฝรั่งก็อาจจะมีนอกเหนือแต่ก็ไม่ออกนอกโลกไปมากมาย ถ้าเราไม่เข้าจัยในคำถามหรือฟังไม่ทัน เราสามารถบอกเขาได้เลยว่า
- Pardon me / excuse me can u repeat it again? ขอโทษนะ พูดอีกทีได้ไหม 
- Sorry, I can’t catch it, can you speak slowly? ขอโทษนะฟังไม่ทัน พูดช้าๆหน่อยได้ไหม
- Sorry , think my Eng is not so good, can you speak again please? ขอโทษนะภาษาไม่ค่อยดีพูดอีกทีได้ไหม
 
เอาละต่อไปก็ไปลองอ่าน ครูเคท บ้าง ได้ใจมากครับ
คำถามยอดฮิตติดอันดับที่มีคนถามครูเคทอยู่บ่อยๆ คือ “ครูเคทขาหนูจะต้องไปสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษอาทิตย์หน้า แต่หนูพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ทำยังไงดีคะ” ครูเคทก็สามารถตอบได้ทันทีเช่นเดียวกันว่า “ก็ทำใจซิคะ…” เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยคุณเธอได้อย่างไรไปมากกว่านั้น 

ความจริงคำตอบของครูเคทไม่ใช่คำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่เป็นคำตอบที่ให้คุณๆ ทั้งหลายได้คิด ทักษะและความสามารถของมนุษย์เราเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการสะสมมาเป็นเวลาพอสมควร ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเสกให้เกิดขึ้นได้ในพริบตา

คุณๆ ที่จะต้องไปสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นสัมภาษณ์สมัครงาน สมัครขอทุน สมัครเรียนต่อ สมัครขอวีซ่า หรือแม้แต่สัมภาษณ์ประกวดนางงาม ขอให้ทำใจไว้ก่อนว่า คนที่เขาสัมภาษณ์เรา เขาต้องการคัดคนดีมีความสามารถมุ่งมาดพัฒนาตน มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อองค์กรของเขา หรือในกรณีสมัครเรียนหรือขอวีซ่า เขาก็จะดูว่าคุณใช้ภาษาได้ในระดับเอาตัวรอด ไม่ก่อให้เกิดปัญหา ไม่มีใครเขาอยากจะคัดคนที่พูดภาษาอังกฤษได้น้ำไหลไฟดับ แต่กลับไม่มีสมอง เอาไปทำยาอะไรหรอก

ดังนั้น คุณๆ ที่ภาษาอังกฤษยังไม่ดีถึงขั้น ก็ไม่ต้องกังวลใจ แต่อย่างน้อยก็ต้องลงมือทำอะไรบางอย่าง เพื่อการเตรียมตัวก่อนสัมภาษณ์ ไม่ใช่ทำใจดีสู้เสือแล้วไปตายเอาดาบหน้า 

การเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์อันดับแรก คือการสำรวจตนเองเสียก่อนว่า คุณเป็นใคร มีความรู้ ความสามารถพิเศษอะไร ทำไมหน่วยงานต่างๆ จึงควรรับคุณมากกว่าผู้สมัครคนอื่น ลองทำรายการออกมาเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ เสียก่อน จากนั้น จึงค่อยๆ หาคำพูดที่เหมาะสมเตรียมไว้ใช้เวลาถูกสัมภาษณ์ แล้วก็ขอทีเถอะค่ะ พวกคำพูดแนะนำตัวแบบเด็กๆ เช่น “My name is Somsri Somjainuek. I am 24 years old. I graduated from XYZ University with a bachelor degree in marketing.” ลองมาดูว่าคุณจะสามารถขยับคำพูดเล็กน้อยที่ไม่ยากจนเกินไป พูดแล้วคล่องปาก ได้ว่าอย่างไรบ้าง

“ Good Afternoon. Let me introduce myself to you. I”m Sonsir Somjainuek . I recently graduated form XYZ University with a marketing background ”

หรือ 

“ Hi, I’m Somsir somjainuek. It’s been a great honor for me to meet all of you. Let me take a few minutes to tell you about my backgrounds. ”

ไม่ยากใช่มั้ยคะ แต่ฟังดูเป็น professional มากกว่าประโยคแรกซึ่งเหมือนเด็กท่องในห้องเรียน 

แต่ข้อควรระวังก็คือว่า หลายคนชอบที่จะหาประโยคเด็ดสวยหรูจากในหนังสือหรืออินเทอร์เน็ต แล้วเอามาท่องไว้ พอเวลาเอามาพูดจริง หากคำถามเป็นไปอย่างที่เก็งมา ก็ตอบได้สวยหรู (เพราะท่องมา) แต่พอเจอคำถามอื่นที่ต้องตอบสดผู้สัมภาษณ์จะรู้ได้ทันทีว่า แท้ที่จริงความสามารถภาษาอังกฤษของคุณอยู่ในระดับใด และรู้ด้วยว่าคุณท่องประโยคอะไรมา ซึ่งการท่องประโยคเด็ดที่เกินความสามารถของคุณไม่ได้ช่วยอะไรเลย มิหนำซ้ำยังส่งผลทางลบเพราะผู้สัมภาษณ์จะรู้ว่าคุณเป็นคนไส้กลวง แต่ถ้าคุณตอบคำถามตามความคิดขอคุณเองถึงแม้ภาษาอาจจะถูกบ้างผิดบ้างแบบไม่ค่อยโปร แต่ตอบด้วยความเข้าใจและแสดงให้เห็นถึงสมองของคุณ อย่างนี้ ผู้สัมภาษณ์ยังจะให้ความสนใจคุณมากกว่า

ลอง list ต่อไปซิคะ เช่น ถ้าคุณเป็นคนเรียนเก่ง ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง ไม่ต้องพยายามไปบอกเขาว่า “I graduated with first honor in ….” เพราะเขาจะหมั่นไส้เอา เพราะก่อนเขาสัมภาษณ์คุณเขาก็ต้องอ่านประวัติและ transcript ของคุณก่อนแล้ว หรือแม้เขาไม่อ่าน ก็ไม่ต้องพยายามบอกตรงๆ ต้องมีเทคนิคเลี่ยงให้ดูดี เช่น “When I was in the university, I really enjoyed learning new things and participating in all kinds of activity. Marketing and finance are my strengths.” 

ถ้าคุณเป็นคนเพื่อนมาก เรียกว่า popular ว่างั้นเถอะ แต่ก็อย่าพูดออกไปว่า “I am very popular in school.” แต่พูดให้มันสร้างสรรค์หน่อยว่า 

“ I love meeting people.” 

หรือ

. “ I am very well accepted among friends.”

หรือ

“ I get along well with people.”

ถ้าคุณเป็นคนขยัน แทนที่จะพูดว่า “I work very hard.” ลองพูด 

“ I’m responsible for my work and enjoy challenging jobs.”

ลองเขียนออกมาดูนะคะว่าคุณมีอะไรดี ที่อีกฝ่ายหนึ่งเขาสมควรจะรับคุณมากกว่าคนอื่น
 
 

สำหรับท่าน ที่อยากจะอ่านให้ง่ายๆๆๆๆๆๆ  ไปดาวน์โหลดได้ทั่ www.kamonenglish.com  เมนู ข้อสอบและเฉลย
credit:Eduzone

ไม่มีความคิดเห็น: