วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คุยกับพี่ทันตะสาวสวย มศว แรงบันดาลใจสู่ความจริง

วันนั้นก็เดินตามหาพี่มาพูดคุยแต่หาคนคุยด้วยมะได้เลย T___T ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปโรงพยาบาลของ มศวที่ประสามิตรเลย (เเอร์เย็นมาก 55 ) หลังจากนั้นก็มองหาเป้าหมาย( ฮาฮา )ละก็ได้พบกับ 2 สาวสุดสวยคือพี่นุชกับพี่เตย ^o^
แรงบันดาลใจ
ก็เริ่มมาจากตั้งแต่สมัยเด็กได้มีโอกาสไปหาหมอฟัน คุณหมอก็เป็นคนที่ใจดี อัธยาศัยดีเวลาคุณหมอทำงานก็ดูมีความสุขกับงานที่ทำงานมาก ก็เลยคิดว่าอาชีพนี้ว่าจะมีความสุขระหว่างทำงาน งานก็ไม่หนักด้วยและก็มีรายได้ที่มั่นคงจบไปก็คงมีอาชีพ และคิดว่าตัวเราก็เรียนไม่ได้แย่น่าจะสามารถเรียนได้ด้วย ข้อดีของทันตะแพทย์ที่พี่รู้สึกว่ามันดีกว่าหมอก็คือเวลา หมอต้องเข้าเวร แล้วเราก็เป็นผู้หญิงถ้าเราเข้าเวรเวลาที่ให้กับครอบครัวก็น่าจะน้องลง ในขณะที่ทันตะแพทย์สามารถแบ่งเวลาการทำงานได้อย่างชัดเจน 
หนทาง
พี่เป็นคนนึงที่มีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือคืออ่านหนังสือได้ช้ามาก ตอนนั้นก็เลยเล่นทางลัดเน้นไปที่กวดวิชาต่างๆเยอะมากเช้ายันเย็น พอติวขนาดนี้ก็ช่วยทำให้เราสอบแข่งขันกับคนอื่นได้ แต่พอได้เข้ามาในคณะนี้แล้วมันไม่มีติวเตอร์แล้วนะ พี่ก็แย่เหมือนกันเพราะเมื่อก่อนติวจากกวดวิชาอย่างเดียว นอกจากนั้นพี่ยังเป็นคนที่ชอบชีวะอีกแต่ก็ใช้วิชาอื่นช่วยดึงคะแนนเข้ามาได้ แต่พอเข้ามาแล้วก็ต้องบอกได้เลยว่า นรกมีจริง เพราะวิชาชีวะเราต้องใช้เยอะมากดังนั้นเราต้องเปิดใจรับมันให้ได้ 
การสัมภาษณ์
ตอนนั้นพี่ติดทันตแพทย์ที่เชียงใหม่ด้วยแต่ที่มศวเขารับนักศึกษาเพิ่ม พี่เลยมาสัมภาษณ์ที่มศวก่อนและวันรุ่งขึ้นก็ต้องไปมอบตัวที่เชียงใหม่ โดยเขาก็ถามว่าถ้าไม่ได้ที่นี่จะเอาที่นู้นมั้ย คำถามก็ลักษณะกดดันและลองใจเราด้วย สำหรับเวลาสัมภาษณ์ พี่ก็บอกเขาไปเลยว่ายังไงก็ไปมอบตัวที่เชียงใหม่อยู่ดี ถ้าเราจะบอกจะรอที่อย่างเดียวไม่ไปมอบตัวที่เชียงใหม่พี่ว่ามันดู Fake เกินไปยังไงคนสัมภาษณ์ก็น่าจะรู้อยู่แล้ว เรื่องการพูดความจริงก็ถือว่าเป็นจรรยบรรณสำหรับอาชีพแพทย์ด้วย 
ทันตแพทย์
สำหรับพี่แล้วตอนแรกพี่มีความเข้าใจว่าทันตะคือจะทำแต่เรื่องฟันอย่างเดียว แต่พอมีคำว่าหมอเข้ามาพ่วงจึงทำให้เราต้องศึกษาเรียนวิชาของแพทย์ด้วย เราต้องรู้ว่าคนไข้เป็นโรคหัวใจมาเราต้องระวังด้านไหนบ้าง เป็นเบาหวานมามักจะมีโรคในช่องปากอย่างไรบ้าง และเวลาที่เปิดปากออกไม่ก็ไม่ได้มีแต่ฟันอย่างเดียว (ยังมีกลิ่นปากด้วย) ยังมีความเกี่ยวข้องกับเหงือก เนื้อเยื่อ ลิ้นในช่องปาก และยังมีสาขาที่กว้างไปกว่านั้นคือทั้งศีรษะและใบหน้า 
คณะนี้เราไม่ได้เรียนแค่ด้านวิทยาศาสตร์อย่างเดียวนะคะ เราต้องเรียนด้านศิลปะอีกด้วยเพราะเราต้องทำงานด้านงานฝีมือด้วย เพราะเราทำต้องทำแลป แต่งแว๊ก การทำฟันปลอด หรือแม้กระทั่งถอนฟันอุดฟันทั่วไปก็ต้องใช้งานฝีมือเข้ามาดังนั้นต้องใจเย็นระประณีตมากเพราะต้องทำงานเสกลในระดับมิลลิเมตร คนเรียนทันตะมือต้องนิ่งมากถ้าใครมีปัญหาหามือสั่นก็คงเรียนคณะนี้ไม่ได้
การเรียนทันตะ
ปี 1 ก็จะเป็นวิทยาศาสตร์ทั่วไปและก็วิชาพื้นฐานของมหาวิทยาลัย โดยเราจะต้องไปเรียนที่องค์รักษณ์พอขึ้นปี 2 จะกลับมาเรียนที่กรุงเทพโดยจะเริ่มเรียนวิชาของคณะแพทย์เช่น anatomy (ผ่าอาจารย์ใหญ่) เรียนเกี่ยวกับร่างกายทั้งหมดและก็ฟันด้วย โดยเราก็มีการฝึกกับหุ่นก่อน ปี 3 ก็จะเรียนเกี่ยวกับฟันปลอม อุดฟัน กายภาพของฟัน ปี 4 ก็จะเป็นฟันปลอม ขากรรไกร และก็เรียนวิชาของฟันในด้านต่างที่เคยเรียนมาแต่จะเรียนแบบระเอียดขึ้น ปี 4เทอม 2 เราก็จะได้ทำคลินิกกับคนไข้แล้ว ปี 5-6 ก็จะเรียนเลกเชอร์พร้อมกับทำคลินิกกับคนไข้   การเรียนเลกเชอร์ตั้งแต่ปี2คนเรียนคณะนี้คนจะน้อยอาจารย์ก็จะรู้จักทุกคนเป็นอย่างดี โดยจะมีการเชคชื่อทุกครั้ง ถ้าใครขาดก็จะโดนอาจารย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และการขาดเรียนครั้งนึงก็อาจจะทำให้เราเรียนไม่รู้เรื่องเลย
ข้อสอบ
ถ้าเป็นวิชาเลกเชอร์ก็จะมีทั้งเขียนและช้อย แต่ถ้าเป็นวิชาแลปก็เป็นจะเป็นปฏิบัติเช่นแลปกริ๊ง ถ้าขึ้นคลีนิคแล้วก็จะมีการให้เคสคนไข้มาแล้วเราก็ต้องวิเคราะห์ว่าคนไข้เป็นอะไร พอหมดเวลาเราก็ต้องฉีกกระดาษลงฟื้น แล้วอาจารย์จะเฉลยข้อสอบข้อนั้นแล้วก็ทำข้อต่อไปเรื่อยๆโดยคำถามก็จะมีหลายรูปแบบมากยข้อสอบข้อนั้นแล้วก็ทำข้อต่อไป นอะไร พอหมดเวลาเราก็ต้องฉีกกระดาษลงฟื้น แล้วอาจารย์จะเฉลยข้อสอบข้อนั้นแล้วก็ทำข้อต่อไป ม่กล้าจับ
เรียนทันตะกับอาจารย์ใหญ่
ทันตะจะต้องเรียนอาจารย์ใหญ่ด้วยโดยจะเรียนตั้งแต่เหนือสะดือขึ้นไปส่วนล่างลงมาจะเรียนคร่าวๆ โดยครั้งแรกที่พี่เรียนก็ตกใจไม่กล้าจับไม่กล้าผ่ามีเพื่อนคนนึงถึงกับเป็นลมไปเลยเพราะกลิ่นแรงด้วยครั้งแรกก็กินข้าวไม่ลงกันไปหลายวัน ตอนเจออาจารย์ใหญ่ครั้งแรกอาจารย์ก็เหมือนคนที่นอนอยู่เฉยแต่พอเรียนไปเรื่อยๆก็จะต้องผ่าเป็นชิ้นๆ แต่การเรียนกับอาจารย์ใหญ่เราเรียนเพื่อให้รู้อวัยวะภายใน พอเริ่มท้ายๆเทอมก็เริ่มชินเริ่มอยากรู้มันก็ไม่ได้อันตรายอะไรและก็ได้ความรู้แก่ตัวเราเองด้วยและใช้ในการสอบด้วย เวลาเรียนเลกเชอร์แล้วมาเรียนกับอาจารย์ใหญ่มันทำให้เราเข้าใจร่างกายคนยิ่งขึ้น   หลังเรียนจบปีเราก็จะมีทำบุญอาจารย์ใหญ่โดยได้รับการพระราชทานเพลงศพให้อาจารย์ใหญ่ด้วย 
สำหรับคนที่ไม่ชอบด้านนี้จริงๆก็จะเป็นเหมือนพี่ที่พอเข้าไปเรียนแล้วไม่ได้สนใจแค่เข้าเรียนให้ครบเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากเรียนรู้ว่าอวัยวะอะไรคืออะไรแต่พอเรียนชั้นสูงๆขึ้นมาพื้นฐานตรงนั้นมันก็ต้องใช้ สุดท้ายเราก็ต้องกลับไปทบทวนเนื้อหาต่างๆอยู่ดี
ช่วงเวลาของวัยรุ่นกับคณะทันตแพทย์
พอได้เข้าคณะก็เหมือนกับว่าต้องถวายเวลาทั้งหมดให้กับคณะนี้เลยก็ว่าได้ อย่างอื่นก็ต้องระไว้ก่อนอีก 6 ปี ค่อยมาเจอกัน เพราะความเป็นหมอเลยต้องใช้เวลาบ่มเพราะนานด้วย T___T ถ้าเรียนเลกเชอร์ก็จะตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 4โมงเย็น พอขึ้นคลินิกเวลาเริ่มจริงคือ 9 โมงเช้าแต่เราต้องมาเตรียมอุปกรณ์ต่างๆตั้งแต่ 7โมงครึ่ง เรียน พอ 8โมงเช้าก็ต้องเข้าเรียนเลกเชอร์ พอถึง 9 โมงก็รีบวิ่งไปขึ้นคลินิกถึงเที่ยง และพัก 1 ชมหลังจากนั้นก็ทำคลินิกต่อจนถึง 4 โมงเย็น แล้วเราก็ต้องทำแลปต่อ เช่น แต่งแว๊ก ทำฟันปลอม จนถึง 1ทุ่มดึกปิดถ้างานยังไม่เสร็จก็ต้องเก็บงานไปทำที่บ้านต่อเพื่อสงอาจารย์จนบางครั้งโต้รุ่งก็มี สำหรับเสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำแลป ปีใหม่บางครั้งก็ต้องหอบงารไปทำหรือไม่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกับเพื่อนๆเลย T___T 
การขึ้นคลีนิคของหมอฟัน
การทำฟันให้กับผู้ป่วยกับนักศึกษาแพทย์จะแบ่งออกเป็นหลายครั้งเช่น 1.1 1.2 1.3 ดังนั้นคนไข้จะต้องเข้ามาใช้บริการบ่อยโดยกลุ่มคนที่เข้ามาทำฟันก็จะเป็นแม่บ้านที่เขามีเวลามาก โดยจะได้รับราคาที่ถูกมากเช่นอุดฟันปกติ 800 บาทถ้าทำกับนักศึกษาแพทย์แค่ 80 บาทเท่านั้น  โดยขั้นตอนในการทำพอเราทำขั้นตอนที่ 1 เสร็จเราก็จะมีอาจารย์มาตรวจถ้าถูกก็เริ่มสเตปที่ 2 ต่อไป  เหตุการณ์ผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้ค่ะแต่ถ้าผิดพลาดก็จะแก้ไขทันจะไม่อันตรายแก่ผู้ที่มาทำฟันเพราะอาจารย์ก็ช่วยดูแลตลอด โดยเราจะต้องชี้แจงแก่คนไข้ว่าเกิดจากอะไรและจะมีการเซนยินยอมก่อนการรักษาด้วย ถ้าผิดพลาดแล้วเราก็ต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย แต่กว่าเราจะขึ้นคลีนิคได้ก็ต้องเตรียมความรู้และความพร้อมมาก่อนแล้ว เพราะถ้าไม่พร้อมจริงอาจารย์จะไม่ให้รักษาคนไข้ 
เหตุการณ์ไม่คาดคิด
มีครั้งนึงที่พี่ต้องผ่าฟันคุตให้คนไข้ ตอนผ่าเราก็สามารถผ่าได้สบายไม่มีปัญหาอะไร พอเสร็จก็ให้คนไข้กัดผ้า ก็ให้คนไข้ทานยา ก็แนะนำไปว่าถ้าเลือดไม่หยุดก็ให้กัดผ้าใหม่ ตอนนั้นเองพี่ก็ประเมินว่าเดี๋ยวเลือดก็คงหยุด แต่ว่าอีก 2วันเขากลับเลือดคนไข้ไม่หยุดไหล แก้มบวม เหตุการณ์ครั้งนั้นก็สอนให้รู้ว่าเราต้องเตือนคนไข้เสมอ หลังผ่าฟันเสร็จห้ามบ้วนน้ำ ห้ามบ้วนน้ำลายออกมา เพราะว่าเลือดในช่องปากมันจะช่วยปิดแผลทำให้เลือดหยุดไหล คนไข้ก็ไม่ได้รู้วิธีการรักษาอะไรเท่าเรา เราก็ควรแนะนำคนไข้ให้มากไม่ควรประมาท
การใช้ทุน
ค่าอุปกรณ์ต่างทางด้านการแพทย์จริงจะสูงมากแต่ที่เราได้เรียนในราคาถูกก็เพราะว่ารัฐบาลช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอย่างที่ มศว ค่าเทอมละ 15,000 บาทถ้ารัฐไม่ช่วยก็คงจะสูงเหมือนม.รังสิตปะมาน 3 แสน ดังนั้นแล้วเราก็ต้องไปทำงานใช้ทุนเป็นเวลา 3 ปี โดนจะต้องจับฉลากว่าจะได้ไปจังหวัดไหนสำหรับรุ่นของพี่ถ้าไม่อยากไปก็จ่าย 4แสน แต่ถ้าเป็นรุ่นต่อไปค่าใช้ทุนก็จะแพงขึ้นมากเท่าที่ได้ยินข่าวมารุ่นน้องอาจจะต้องจ่ายหลักล้านเพราะเขาต้องการให้มีการกระจายของทันตแพทย์ให้ทั่วถึงประชาชนทุกจังหวัด ในความคิดของพี่การใช้ทุนเป็นเรื่องดีมากเพราะประสบการณ์บางอย่างเราไม่สามารถหาเรียนรู้ได้จากในกรุงเทพ 
หนทางหลังใช้ทุนจบ
ก็ส่วนใหญ่พอใช้ทุนจบแล้วก็จะทำงานโรงพยาบาลเอกชนเป็นส่วนใหญ่ อาจจะเป็นเพราะโรงพยาบาลรัฐรับแต่เด็กเหรียญทองทำให้การแข่งขันข่อนข้างจะสูงเหมือนกัน และก็เขาจะไม่รับนักศึกษาจบใหม่เพราะโรงพยาบาลใหญ่จะมีเคสยากๆเยอะก็เลยต้องรับคนที่มีประสบการณ์และเป็นหมอที่เรียนต่อจบเฉพาะทางมากกว่า  อย่างหมอจัดฟันหลายคนคงคิดว่าแค่ติดเหล็กขันน๊อตคงง่ายมากแต่ความจริงแล้วเราต้องดูองค์ประกอบของโครงสร้างฝันว่าที่ผิดปกติมาจากอะไรด้วย เช่นมาจาก ขากรรไกร และสุดท้ายเงินเดือนแพทย์รัฐบาลจะ 1 หมื่นต้นๆเท่านั้นเอง แต่ก็ขึ้นอยู่กับความขยันด้วยรุ่นพี่บางคนก็เงินเดือน 7 หมื่นแต่เขาทำงานหนักมากๆๆๆ
ความรู้สึกก่อนเข้าเรียนและตอนที่ได้เรียนแล้วต่างกันอย่างไรบ้าง
พี่ก็อยากเป็นหมอฟันมาตั้งนานแล้ว แต่พอเข้ามาก็มีปัญหาเรื่องการเรียนเลกเชอร์บ้าง บางช่วงก็ท้อแต่ก็ผ่านมาได้ แต่พอขึ้นคลินิกได้รักษาคนไข้ บอกได้เลยว่าสนุกและมีความสุขมาก พอเวลาเรารักษาคนไข้ทำให้คนไข้มีความสุขเราก็ดีใจไปด้วย
อยากฝากอะไรถึงน้องๆที่อยากเรียนทันตะแพทย์
ถึงคนจะมองว่าที่มศวจะว่าไม่ดังเหมือนที่อื่นเพราะคณะที่นี่เพ่งเปิดมาได้ไม่กี่ปี เราก็มีปัญหาก็ตรงที่จำนวนคนไข้ไม่เพียงพอเนื่องจากโรงพยาบาลของเราอยู่ลึกเขามาด้านในทำให้การเดินทางลำบาก แต่เราก็มีนโยบายออกหน่วยข้างนอกและมีการประชาสัมพันธ์ว่าที่มศวที่การทำฟันฟรีนะและก็มีการร่วมมือกับโรงพยาบาลอื่นด้วย แต่พี่ก็ขอยืนยันเลยว่าคุณภาพของเราก็ไม่แพ้ที่อื่น เพราะอาจารย์ที่นี่ไฟแรง กดดันทุกอย่าง ขนาดพี่เขามาแบบไม่ประสีประชาอะไรแต่อาจารย์ก็ช่วยเคี้ยวๆและก็ป้อนความรู้ให้ตลอด จนพี่สามารถยืนได้อยู่จนถึงปี6 ละคะอิอิ^ ^

ไม่มีความคิดเห็น: