ตอนนี้กำลังเรียน คณะเทคนิคการแพทย์ สาขากายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อยู่ค่ะ
กายภาพบำบัดไม่ได้เรียนหนักถึงขั้นหมอหรอกค่ะ
แต่ก็มีหลายตัวที่ไปเรียนของคณะแพทย์ (จะขอพูดถึงของม.เชียงใหม่นะคะ เพราะม.อื่นก็มีหลักสูตรต่างๆกันไป)
แล้วก็มีหลายๆตัวที่เป็นวิชาพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ถ้าใครแน่นเป็นทุนเดิมก็ดีไป
มีวิชาของวิทยาศาสตร์สุขภาพทั่วไป รวมทั้งวิชา แปลกๆที่เหมือนจะไม่เกี่ยวข้อง แค่ลงให้หน่วยกิตเยอะๆรึเปล่า อันนี้ไม่แน่ใจ
ถ้าเป็นวิชาของทางกายภาพเลยจะเน้นแบบที่ต้องปฏิบัติทั้งนั้น
มาดูค่ะว่ามีอะไรบ้าง
- เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา สถิติ ภาษาอังกฤษ จิตวิทยาทั่วไป ฯลฯ
- Gross Anatomy (ผ่าอาจารย์ใหญ่) Basic Anatomy Neuroanatomy (ประสาท) สรีรวิทยา จิตวิทยา
- Manual therapy (หัตถบำบัด) พวก Exercise ต่างๆ การบำบัดในแขนงต่างๆ และสาขาเฉพาะ
- ว่ายน้ำ? ลีลาศ!! ประกอบคอม!!??
สาขากายภาพบำบัดเรียนก็เพื่อไปบำบัดผู้ป่วยไงคะ (เออ! จะรู้ไหมนั่น) :P
กายภาพเป็นการรักษาในเชิงฟื้นฟูค่ะ ไมใช่แบบที่ต้องมาทำให้หายจากโรค (เอ๊ะ แต่ก็ไม่เชิงนะ)
เคยไหมคะที่แขนหักขาหักแล้วต้องใส่เฝือกเป็นเดือนๆ ต้องมาให้ใครก็ไม่รู้มาสั่งให้ฝึกเดินฝึกยืดน่ะค่ะ
ไอ้ใครนั่นแหละค่ะที่เป็นนักกายภาพบำบัด(ต่อไปจะขอเรียกว่า PT นะคะ) คนที่เคยเป็นคงจะรู้จัก
แต่ถ้าเป็นในโรงพยาบาลชุมชนเล็กๆ อาจจะไม่มี PT มาฝึกให้ก็ได้ค่ะ เพราะคนไม่พอ
หรือคนเป็นอัมพาต เด็กสมองพิการ (ที่คนเข้าใจว่าเป็นเอ๋อนั่นแหละค่ะ แต่เขาไม่เอ๋อนะ
ฉลาดด้วยซ้ำ แค่สมองสั่งการให้ควบคุมร่างกายไม่ได้เท่านั้นเอง) แม้แต่การคิดโปรแกรม
การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยก่อนหรือหลังผ่าตัดก็ใช่ค่ะ เราทำงานเป็นทีมกับหมอ พยาบาล
และวิชาชีพอื่นๆที่เกี่ยวข้องค่ะ ถ้าเป็นสาขาเฉพาะก็มีอีก 4 สาขาที่ได้นำไปใช้แน่นอน
Sport -> จำเป็นค่ะ เพราะนักกีฬาต้องมีสมรรถภาพที่ดี ได้ข่าวว่าที่ต่างประเทศรุ่งมาก อา..สมองไหล
SPA -> นวดเล้ย ยังไงก็ได้เรียนนวดมาอยู่แล้ว แต่ส่วนมาก PT จะไม่เป็นคนนวดนะคะ จะเป็นผู้ฝึกสอนและควบคุมคนนวดอีกที ว่าจะลงน้ำหนักเท่าไหร่ ใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย แต่ไม่คลายเกินไปจนขยับไม่ได้ ประมาณนี้ล่ะมั้งคะ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เรียนค่ะ ผ่านไปก่อน
ธาราบำบัด -> กายภาพบำบัดในสระน้ำอุ่น อบซาวน่า อ่างจากุชชี่ ...สุดยอดดด
Women -> ดูแลคุณแม่ก่อนคลอด ...ประมาณนี้มั้งคะ อันนี้ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่
เคล็ดลับในการเรียน...ไม่บอกค่ะ อย่าเพิ่งหาว่าเนียนขี้เกียจนะคะ (แต่จริงๆก็ใช่ :D)
จริงๆแล้วไม่ว่าสาขาวิชานี้ คณะนี้ หรือคณะไหนก็มีเทคนิคการเรียนเหมือนๆกันนั่นแหละค่ะ
คือต้องขยันและฝึกปฏิบัติ โดยส่วนตัวแล้วต้องเรียนแล้วนำไปใช้ถึงจะจำเข้าหัวค่ะ
บอกตัวเองว่าเรียนเพื่อรู้ ไม่ใช่เพื่อมุ่งเอาแต่คะแนน แล้วนำความรู้นั้นไปต่อยอดวิชาอื่นๆ
วิชาที่ไม่ชอบก็มี แต่ก็ถือว่าจำเป็นที่จะต้องนำไปใช้ (หรือลีลาศนี่จะนำไปใช้ออกงานสังคม?)
ไม่ชอบได้ บ่นได้ แต่ก็ต้องพยายามถูไถไปให้รอดค่ะ ไม่งั้นก็กลายเป็นเด็กรักเรียน
เรียนวิชาเดิมซ้ำทุกปีๆ
อยากฝากน้องๆว่า...สายวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพเป็นเหมือนค่านิยม คนทั่วไปมักจะคิดว่า
มาสายนี้แหละดี โก้เก๋ ยังไงก็ไม่ตกงาน (ถ้าทำในโรงพยาบาล) ซึ่งก็จริง (อะป่อยยยย)
แต่ก็ไม่สบายเลยนะคะ งานหนัก เงินพอใช้ถ้าไม่สุรุ่ยสุร่าย ถ้าได้เงินมากงานก็เยอะ
ไม่มีเวลาใช้หรอกค่ะ แถมยังเสี่ยงต่อชีวิตเขา (ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมา) และชีวิตเรา
(จะโดนฟ้องติดคุก) ได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นใครที่หลุดมาทางนี้แล้วล่ะก็ ถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนก็ขอให้ปรับตัว เปิดใจกว้างๆนะคะ
PT อาจถูกมองว่ามีความสำคัญน้อย เป็นแค่บุคลากรเล็กๆของโรงพยาบาล ไม่ยิ่งใหญ่
เท่าหมอ ไม่มากมายเท่าพยาบาล แต่เราก็สำคัญค่ะ อย่าดูถูกสาขาและคณะที่ตัวเองเรียน
Credit http://taz-13.exteen.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น