วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สธ.ประกาศ ปี 59 เด็กไทยต้องไอคิวเกิน 100



นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดงาน “รวมพลังสร้างชาติ แม่และเด็ก ไม่ขาดไอโอดีน” พร้อมประกาศเจตนารมณ์ส่งเสริมสุขภาพหญิงตั้งครรภ์และเด็ก ได้รับไอโอดีนคุณภาพอย่างต่อเนื่องและเพียงพอ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการเสริมสร้างสติปัญญาเด็กไทยให้เฉลียวฉลาด
นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอนามัยแม่และเด็ก  เน้นป้องกันเด็กปัญญาอ่อน เร่พัฒนาระดับสติปัญญาการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก
จากการสำรวจพัฒนาการเด็กไทยโดยกรมอนามัย สมวัยเพียงร้อยละ73 และการสำรวจ  ไอคิวของเด็กนักเรียนไทยอายุ 6-15 ปี โดยกรมสุขภาพจิต พบไอคิวเฉลี่ย 99 จุด โดยสูงสุดที่กทม. 105 จุด  ต่ำสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 96 จุด ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานสากลคือ 100 จุด สาเหตุหลักเกิดจากการขาดสารไอโอดีน ซึ่งสำคัญต่อการพัฒนาสมอง ตลอดจนการเลี้ยงดูของพ่อแม่
มาตรการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าจะให้เด็กปฐมวัยมีพัฒนาการสมวัยร้อยละ 90 และมีไอคิวเกิน 100 จุด ภายในปี 2559 การดำเนินการใน 4 ปีนี้ จะเน้นหนัก 3 เรื่อง ได้แก่
1.การส่งเสริมสุขภาพในประชากร 5 กลุ่ม ได้แก่  หญิงตั้งครรภ์  หญิงให้นมบุตร  เด็กทารก เด็กปฐมวัย และ เด็กวัยเรียน  รวมปีละ 14 ล้านคน  โดยในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ปีละ 8 แสนคน จะเน้นให้ฝากครรภ์ทันที ที่รู้ว่าตั้งครรภ์หรือายุครรภ์น้อยกว่า  12 สัปดาห์ให้ได้มากกว่าร้อยละ 80 เพื่อที่จะป้องกันแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที และจัดระบบเฝ้าระวังระดับไอโอดีนในปัสสาวะของหญิงตั้งครรภ์ให้อยู่ระหว่าง150-249 ไมโครกรัมต่อเดซิลิตร โดยสนับสนุนให้ได้รับยาเม็ดเสริมไอโอดีน เหล็กและโฟเลต ทุกคนตลอดการตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด 6 เดือน ซึ่งขณะนี้ให้บริการฟรีในโรงพยาบาลทุกแห่งครอบคลุมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศ ในกลุ่ม   เด็กทารกให้โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและ เอกชนได้เจาะเลือดเมื่ออายุครบ48 ชั่วโมง เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์เพื่อได้รับการรักษาให้ทันท่วงที อีกทั้งผลักดันนโยบาย “กิน กอด เล่น เล่า” โดยส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และโภชนาการสมวัย พ่อแม่กอดลูกและเล่านิทานให้ลูกฟัง รวมทั้งให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ
2. กำหนดให้เกลือบริโภคทั้งคนและสัตว์ทุกชนิด ต้องเป็นเกลือเสริมไอโอดีน  โดยได้ออกกฎหมายให้เกลือบริโภคต้องมีปริมาณไอโอดีน 20-40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม สร้างศูนย์เรียนรู้การผลิตเกลือบริโภค     เสริมไอโอดีนในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในปีนี้ได้สนับสนุนเครื่องผสมเกลือไอโอดีนที่ได้มาตรฐานให้กับผู้ประกอบการเกลือบริโภคเสริมไอโอดีนทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก จำนวน 100 เครื่อง และสนับสนุนสารโพแทสเซียมไอโอเดท เพื่อให้ผู้ประกอบการผลิตเกลือเสริมไอโอดีนที่มีคุณภาพและเป็นไปตามหลักกฎหมายที่กำหนด ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนร่วมพัฒนาชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศซึ่งมี 77,000 แห่งให้เป็นชุมชน/หมู่บ้านไอโอดีน และพัฒนาสู่ความยั่งยืนเป็นจังหวัดไอโอดีนทั้งหมด ภายในปี 2558
3.เสริมไอโอดีนในน้ำดื่มในพื้นที่ทุรกันดาร ในโครงการพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และรณรงค์สร้างกระแส ความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักเรื่องไอโอดีนที่มีผลต่อพัฒนาการสมวัยและสติปัญญา
สำหรับการจัดงานรวมพลังสร้างชาติ แม่และเด็กไม่ขาดไอโอดีนในครั้งนี้ เป็นการประกาศเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่น ของประเทศไทยในการขจัดโรคขาดสารไอโอดีน โดยนายกรัฐมนตรี ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติอย่างมีพลัง ทั้งกลุ่มผู้ผลิต ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์เกลือเสริมไอโอดีนและผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีนมีคุณภาพตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด กลุ่มผู้บริโภค กลุ่มผู้ประกอบการด้านอาหาร     ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียน และครัวเรือน มีการใช้เกลือบริโภคเสริมไอโอดีนและผลิตภัณฑ์เสริมไอโอดีนคุณภาพทุกครั้งที่ปรุงและประกอบอาหาร รวมทั้งเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆที่มีไอโอดีน เช่น  ไข่ไก่เสริมไอโอดีน  อาหารทะเล เป็นประจำจนอยู่ในวิถีชีวิตของประชาชนทุกกลุ่มวัย
นอกจากนี้ยังได้มอบโล่เกียรติคุณแก่องค์กรระหว่างประเทศ และหน่วยงานที่สนับสนุนการควบคุมป้องกันโรคขาดสารไอโอดีน จำนวน 10 หน่วยงาน การลงนามข้อตกลงหรือเอ็มโอยู (MOU) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับชมรมผู้ประกอบการเกลือเสริมไอโอดีนภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ นิทรรศการให้ความรู้  เวทีเสวนาวิชาการ “รวมพลังภาคีร่วมใจ แม่และเด็กไทยไม่ขาดไอโอดีน”
ขอบคุณ ข้อมูล Thanonline / ภาพ เฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra

ไม่มีความคิดเห็น: