วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แนวข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์ 2556


ทันตแพทย์สม สุจีรา  www.Tutorsom.com
บทความก่อนหน้าเคล็ดลับการทำข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์  http://www.unigang.com/Article/8789
         คะแนนวิชาเฉพาะแพทย์มีน้ำหนักสูงสุดในการสอบเข้าคณะแพทยศาสตร์  การทำได้เพิ่มขึ้นเพียงหนึ่งคะแนน อาจหมายถึงอนาคตเปลี่ยนไปทั้งชีวิต  แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่ คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนที่สอบเข้าค่อนข้างต่ำ
           ข้อสอบวิชาเฉพาะแพทย์แบ่งออกเป็นสามส่วน  ส่วนวัดไอคิวปีที่ผ่านมามี 45 ข้อ ให้เวลาทำ 75 นาที คะแนนเฉลี่ยของส่วนนี้ เพียง 34 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100  ข้อสอบจะเน้นไปที่การคำนวณค่อนข้างมากคือมีถึง 15ข้อ รองลงมาเป็นเรื่อง มิติสัมพันธ์ แผนภูมิ รูปภาพ 11ข้อ  ภาษาและการจับใจความสำคัญ 9ข้อ  การจัดกลุ่ม 3ข้อ  ที่เหลือก็เป็นเรื่องอื่นๆ
           คณิตศาสตร์ที่ใช้ในการหาคำตอบของส่วนวัดไอคิวไม่ยาก  ส่วนใหญ่เป็นเพียงบวก ลบ คูณ หาร ยกกำลัง แต่ที่ยากคือไหวพริบในการหาคำตอบ ทำนองเส้นผมบังภูเขา ถ้าทำได้ก็เสร็จภายในครึ่งนาที ถ้าทำไม่ได้บางทีครึ่งชั่วโมงก็คิดไม่ออก ดังนั้น ถ้าทำไม่ได้ให้ข้ามข้อนั้นไปก่อน สมองคนเราต้องวอร์มอัพ หลังจากสมองร้อนค่อยย้อนกลับไปทำอีกครั้ง
             ส่วนการจับใจความสำคัญ ต้องมีเทคนิคพิเศษซึ่งใช้เวลาสอนประมาณหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากผมเป็นนักเขียนด้วย จึงสามารถอธิบายเรื่องการจับใจความให้น้องๆเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
          ข้อสอบวัดไอคิวมีให้ทดลองทำมากมาย ตามหนังสือคู่มือทั่วไป ข้อสอบเก่า GAT   ข้อสอบเข้า กพ.  ความถนัดทางครู  ข้อสอบเข้าปริญญาโท  พยายามหามาทำให้มากที่สุด และซ้อมทำจนถึงนาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องสอบ
           ส่วนที่สอง คือส่วนวัดจริยธรรม ปีที่ผ่านมามีจำนวน 80ข้อ ให้เวลาทำ 75นาทีเช่นเดียวกัน  ส่วนนี้คะแนนเฉลี่ยทั้งประเทศเพียง52 จากคะแนนเต็ม 100  ข้อสอบส่วนใหญ่จะเป็นเหตุการณ์สมมติ แล้วถามความเห็นของนักเรียน  เคล็ดลับในการตอบคำถามส่วนนี้ก็คือ ในขณะสอบให้นักเรียนคิดว่าตัวเองกำลังเป็นแพทย์อยู่จริงๆ จะทำให้มุมมองในการตอบของนักเรียนใกล้เคียงกับแพทย์ที่ออกข้อสอบ  เช่นถ้าข้อสอบถามว่า ขณะนั่งรถไปกับเพื่อน แล้วเพื่อนขับรถชนเด็ก เพื่อนไม่ยอมจอดรถดู และกำลังจะหนี ท่านจะทำอย่างไร   ก.บังคับให้เพื่อนจอดรถ   ข.โทรศัพท์ไปแจ้งความ  ค.ขอลงจากรถไปช่วยเด็ก  ง.กล่อมเพื่อนให้ยอมรับผิด  คำตอบข้อนี้ ถ้านักเรียนเป็นแพทย์ จะตอบข้อ ค.ได้อย่างไม่ลังเล แต่ถ้านักเรียนคิดว่าตัวเองไม่ใช่แพทย์ การลงจากรถไปช่วยเด็กก็คงทำอะไรไม่เป็น  ข้อสอบข้อนี้เฉลยข้อ ค. เพราะคนที่จะเรียนแพทย์ต้องมีสัญชาตญาณของการช่วยชีวิตคน และรอไม่ได้ ยิ่งช่วยเร็วเท่าไรยิ่งดี
             ข้อสอบส่วนวัดจริยธรรม ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วิชาเฉพาะแพทย์แตกต่างจาก GATและข้อสอบจะหลอกถามความรู้สึกนักเรียนตามหลักทางจิตวิทยา เพราะฉะนั้น อย่าตอบแบบโกหกใจตัวเอง จะถูกตัดคะแนน  เช่น ถ้าท่านถูกขับรถปาดหน้าจนเกือบชน   ท่านรู้สึกอย่างไร  ก.เฉยๆ  ข.ไม่เป็นไรเขาคงรีบ  ค.โกรธแต่ข่มใจไว้ ง.อภัยให้   โดยธรรมชาติของคนที่ถูกขับรถปาดหน้า ต้องโกรธ ก็ตอบไปตามความจริง  ข้อสอบส่วนนี้คนออกข้อสอบรู้ดีว่า นักเรียนต้องพยายามตอบให้เป็นคนดีที่สุด แต่การตอบแบบเทพบุตร เทพธิดา กลับได้คะแนนไม่สูง นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คะแนนเฉลี่ยได้ครึ่งเดียวจากคะแนนเต็ม  (อีกอย่างหนึ่งที่ต้องระวังคือ การเฉลยของคู่มือที่พิมพ์ขาย  พาร์ทจริยธรรมมีเฉลยผิดหลายข้อ)
             ความจริงแล้วข้อสอบพาร์ทจริยธรรม ควรจะได้อย่างน้อย 70คะแนน ส่วนพาร์ทไอคิว ควรจะได้สัก 50คะแนน และพาร์ทเชื่อมโยงซึ่งง่ายที่สุด นักเรียนต้องได้ 100เต็มเท่านั้น  รวมสามพาร์ท 220 คะแนน เทียบเท่าคะแนนสอบเข้าแพทย์ 22คะแนน ซึ่งโอกาสสอบเข้าแพทย์ได้สูงมาก เพราะไปรวมกับวิชาสามัญให้ถึง 55คะแนนก็สามารถติดคณะแพทย์หรือทันตแพทย์แล้ว
              ส่วนสุดท้ายคือ พาร์ทเชื่อมโยง ปีที่ผ่านมาออกสอบสองเรื่อง คือเรื่องน้ำท่วมใหญ่  กับเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป  แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสอบจะออกเรื่องใดไม่ใช่สิ่งสำคัญ ที่สำคัญคือนักเรียนต้องรู้หลักการทำข้อสอบ ซึ่งผมได้สอนให้นักเรียนที่มาติวอย่างละเอียด เพราะทุกคนควรได้เต็มในพาร์ทนี้ (ดูรายละเอียดที่ www.Tutorsom.com)
             ข้อสอบจะออก 20ข้อ (บทความละ 10ข้อ) ข้อหนึ่งตอบได้ 1-5 คำตอบแล้วแต่การเชื่อมโยง (ถ้า99H ก็คำตอบเดียว) รวมแล้วประมาณ 25 – 30 คำตอบ  ถ้า25คำตอบ ก็คำตอบละ4คะแนน รวมเป็น 100คะแนน  ถ้าตอบผิดถูกหักคำตอบละ 3คะแนน (แต่ไม่หักข้ามข้อ)
             เนื่องจากพาร์ทนี้ค่อนข้างง่าย ในปี 2554มีนักเรียนทำได้ร้อยคะแนนเต็มถึงสองหมื่นกว่าคน จากนักเรียนที่สอบ กสพท. สามหมื่นกว่าคน  มาในปี 2555  กสพท.จึงตัดตัวหนาทิ้งทั้งหมด คือ ไม่มีตัวหนาเน้นให้เป็นหัวข้อเหมือนกับข้อสอบเชื่อมโยงของGAT นอกจากนั้นเวลากล่าวประโยคนั้นซ้ำอีกครั้ง ก็ไม่เหมือนเดิมแต่มีความหมายเดียวกัน  นักเรียนจึงต้องอ่านอย่างช้าๆและระมัดระวังที่สุด  เคล็ดลับก็คือ ให้เอากระดาษคำตอบที่มีหัวข้ออยู่ มาวางเทียบข้างๆบทความเลย อ่านไปถึงตรงไหนที่มีความหมายตรงกับหัวข้อก็ขีดเส้นใต้ไว้  
             แต่อย่างไรก็ตาม แม้ข้อสอบจะไม่พิมพ์ตัวหนาไว้ให้ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้นักเรียนทำได้เต็มร้อยไม่ได้  เพราะความจริงแล้วก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่นักเรียนต้องใช้สายตามองหาตัวหนาแล้วทำขึ้นมาเองด้วยการขีดเส้นใต้หรือวงล้อมรอบ (ที่จริงถ้าเขาไม่ห้ามเอาปากกาไฮท์ไลท์เข้าไป ก็น่าใช้เหมือนกัน)
            ปีที่ผ่านมา นักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดของประเทศในวิชาเฉพาะแพทย์อยู่ที่ 23.71 คะแนน  เฉลี่ยที่ 15.18คะแนน แต่นักเรียนจะได้คะแนนที่เฉลี่ยไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงอยู่ในลำดับที่ประมาณ 15,000จากผู้เข้าสอบ 30,000กว่าคน แต่การสอบเข้าแพทย์ รับที่ 1,400คนแรกเท่านั้น
           อีกไม่ถึงเดือน ก็จะถึงวันสอบวิชาเฉพาะแพทย์แล้ว นับแต่นี้ไปต้องตะลุยโจทย์ หาข้อสอบเก่ามาทำให้มากที่สุด ส่วนพาร์ทจริยธรรม แทบไม่ต้องอ่านเลยถ้ารู้หลักการตอบแล้ว  วิชาเฉพาะแพทย์ควรจะทำคะแนนได้ 20คะแนนขึ้นไป  พึงระลึกไว้ว่า การสอบที่ผ่านๆมานับแต่ ประถม 1ถึง มัธยม 6นับร้อยครั้ง เป็นเพียงการซ้อม เพื่อใช้ในการสอบจริง คือสอบเข้ามหาวิทยาลัยครั้งนี้  และการสอบเข้าแพทย์ยากกว่าสอบเข้าเตรียมอุดมฯ หรือ มหิดลวิทยานุสรณ์ เป็นสิบเท่า เพราะจะมีนักเรียนที่เก่งๆจากทั่วประเทศมาสอบพร้อมกัน แต่สอบเข้า ม.4มีนักเรียนเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มาสอบ
             ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงดลบันดาลให้น้องสอบเข้าได้สมความปรารถนา และพี่ขอยืนยันจากประสบการณ์ว่า เรียนแพทย์อนาคตสดใสแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์

ไม่มีความคิดเห็น: