วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2557

รุ่นพี่ เล่าประสบการณ์จริง จากสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ PIM

ผมเป็นนักศึกษาของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยในเครือ บริษัท CP Allในขณะนี้ผมกำลังศึกษาอยู่ในคณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาจีนธุรกิจ ชั้นปีที่ 3 ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ในเรื่องระบบการเรียนนั้นไม่เหมือนมหาวิทยาลัยแห่งอื่น เพราะใช้ระบบ Work based Learning ระบบ Work based Learningคือระบบที่เรียนทฤษฎีควบคู่กับการฝึกปฎิบัติงานตลอดตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 จนถึงชั้นปีที่ 4ในช่วงแรกก็ทำให้รู้สึกเหนื่อย ว่าทำไมเราต้องมาทำแบบนี้ไม่ได้พักเหมือนเพื่อนๆ แต่ก็ทำให้ผมได้รู้ว่าสิ่งที่รับกลับมาจากการศึกษาในรูปแบบนี้มีคุณค่ามหาศาลมาก เพราะ เราได้เรียนรู้จากการทำงานจริง สังคมการทำงานจริง ว่าเป็นอย่างไร ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ผมได้มีโอกาสฝึกงานที่บริษัท CP All และในชั้นปีที่ 2 ผมได้มีโอกาสฝึกที่บริษัท King Power ในขณะนี้ผมกำลังฝึกงานอยู่ที่ Bank of China ก็จะเห็นได้ว่าจากการฝึกงานทั้ง 3 ที่นั้น การทำงานของแต่ละบริษัทก็จะไม่เหมือนกัน วัฒนธรรมองค์กรของแต่ละบริษัทก็จะไม่เหมือนกัน ตัวเรานั้นก็จะต้องปรับตัวเข้ากับสังคมแต่ละที่ หน้าที่ในการรับผิดชอบที่ได้ทำก็ไม่เหมือนกัน ก็จะทำให้ตัวเรานั้นมีทักษะงานในด้านต่างๆเพิ่มมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น รู้ว่าชีวิตการทำงานจริงๆนั้นมันไม่ได้ง่าย รู้ว่าการทำงานจริงๆนั้นเป็นอย่างไร ไม่ได้เรียนรู้เพียงแต่ด้านทฤษฎีแค่ด้านเดียวเราได้รู้ในการฝึกปฎิบัติซึ่งจะเป็นประโยชน์มากในการทำงานอนาคต
อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น ณ ขณะนี้ ได้ฝึกงาน ณ Bank of Chinaการที่ได้ฝึกงาน ณ ที่นี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาฝึกที่นี้ เพราะการที่เด็กคณะ ศิลปศาสตร์จะได้มาฝึกเกี่ยวกับการเงินนั้นค่อนข้างยาก เหตุผลเพราะไม่ได้เรียนเกี่ยวกับทางด้านบัญชีหรือทางเศรษฐศาสตร์โดยตรง ผมได้ฝึกอยู่ในแผนก สินเชื่อบ้าน รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้โอกาสฝึกที่แผนกนี้ เพราะพี่ๆที่แผนกได้สอนงานให้ความรู้ทั้งในงานและการดำเนินชีวิต การวางแผนการเงิน การลงทุนต่างๆด้วย ไม่ได้เพียงแต่บอกกล่าวสอนแต่งานเพียงอย่างเดียว เหมือนเป็นพี่ที่ให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่อง และในส่วนของการเรียนรู้เราจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการเงิน การวิเคราะห์สินเชื่อ และการไปพบปะลูกค้า ในการที่ได้ไปพบปะลูกค้าทำให้ผมได้รู้ว่ายังมีอะไรที่เรานั้นต้องเรียนรู้อีกมาก ได้เปิดโลกทักศน์ของตัวผมเองนั้นให้กว้างขึ้น และที่สำคัญไปกว่านั้นยิ่งทำให้รู้ว่า ภาษาจีนนั้นมีความสำคัญขนาดไหน ทำให้ผมคิดว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว เพราะจากการที่ได้ไปพบปะลูกค้าหลายๆบริษัท ทุกๆบริษัทมีความคิดที่จะไปเจาะตลาดจีนแทบทั้งสิ้น เช่นบริษัทในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการไปเจาะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนเพราะเนื่องจาก Supply ในประเทศไทยนั้นมีเยอะเกินไปเกินกว่าDemand หลายๆบริษัทจึงเล็งเห็นช่องทางที่จะทำธุรกิจกับประเทศจีนที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นทุกๆปีและจากประชากรที่มหาศาลของประเทศจีน เป็นต้น
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้นการฝึกงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นการเตรียมความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การทำงานจริง สุดท้ายต้องขอบคุณ คุณพ่อที่คอยชี้ทางให้เรียนภาษาจีน ขอบคุณอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ และขอบคุณพี่ๆที่สถานประกอบการทุกที่ทุกคนที่คอยสอนงานชี้แนะเสมอมา
นายพงศกร ตรงปัญญาโชติ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชา ภาษาจีนธุรกิจ ชั้นปีที่ 3

ไม่มีความคิดเห็น: