วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

เรื่องจริง ของคนเรียนพยาบาล ใครจะเรียนเข้ามาอ่านด่วน


ตอนที่ 1
ย้อนนึกกลับไป วัยมัธยม
ชีวิตอันบัดซบ งี่เง่า (ทำตัวเอง) ได้ดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง
"เอนทรานซ์"

เราพยายามเร่งอ่านหนังสือ มีเวลาเหลือแค่ 6 เดือน
ซึ่งเราไม่เคยตั้งใจเรียนอะไรเลย
ไปโรงเรียน 9 โมง
กลับบ้านสี่ทุ่ม-เที่ยงคืน เที่ยวเล่นทุกวัน
มาสะดุดใจตอนเพื่อนถามว่า "แกจะเรียนอะไรต่อวะ"
เรา "ไม่รู้ง่ะ แกคิดแล้วเหรอ"
เพื่อน "คิดมาตั้งนานแล้ว ฉันจะเรียนวิศวะ"
เรา "เหรอ วิศวะทำอะไรมั่งวะ"
เพื่อน "ก็แล้วแต่สาย ก่อสร้าง เคมี คอมพิวเตอร์ไรเงี้ย"
เรา "แกรู้สายด้วยเหรอ วิศวะคืออะไรเรายังไม่รู้เลย รู้แต่ว่าใส่หมวกสีเหลือง (คิดไปเอง)"
เพื่อน "อือ เนี่ย เดี๋ยวเราต้องไปสอบวิชาเฉพาะ"
เรา "เฮ้ย เราสอบมั่งดิ สมัครยัง"
เพื่อน "เค้าปิดไปแล้ว ไอ้บ้า"
..........

นี่เราละเลยอนาคตตัวเองมากขนาดนี้เลยเหรอ
ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ผลการสอบ จะเป็นตัววัด ตัวกำหนดชีวิตเราได้
ทำให้เราต่อต้านการเอนทรานซ์มาตลอด
แต่สุดท้าย วันนี้ก็ต้องยอมรับ
เราก็เป็นแค่เด็กมัธยม ที่ไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนัก
คิดได้แค่ "เอนทรานซ์" เท่านั้น

ทุกวันนี้ฉันก็ยังสงสัย
พวกที่เอนทรานซ์ไม่ติดเค้าทำยังไงต่อ
เค้ารู้สึกยังไง
แล้วชีวิตเขาดีกว่าฉัน หรือแย่กว่าฉันยังไง
แต่ตอนนั้น แฉันรู้แค่ว่า หากเอนทรานซ์ไม่ติด ชิวิตต้องวิบัติ

ฉันตะบี้ตะบันอ่านมันทุกวิชา ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ
ไม่สามารถเก็บวิชาเลขได้ เพราะมันซับซ้อนเกินไป
ภาษาไทย-สังคม สายวิทย์ ไม่เน้นอยู่แล้ว ไม่อ่าน
ภาษาอังกฤษ รร. ฉัน ขึ้นชื่อเรื่องนี้ ขี้หมูขี้หมา ฉันก็ได้มาเกือบ 80 แต้ม (เต็ม 100)
ผลออกมา ฉันมีคะแนนตุนมากพอดู
เลือกเรียนคณะต่างๆได้ดังใจ

ระหว่างนั่งแปะคณะที่ต้องการลงในใบเลือกคณะ
1. วนศาสตร์ (หนูรักต้นไม้ค่ะ รักสืบ นาคเสถียร รักป่าชายเลน)
2. ประมง (รักปลามากกกก)
3. ปิโครเคมี (มันคืออะไรอ่ะ ท่าทางจะสนุก)
4.วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม (เรารักสิ่งแวดล้อม)

เป็นการเลือกแบบไม่มีหลักการ ไม่มีเกณฑ์คะแนน ใดๆทั้งสิ้น
ตามใจ และอุปนิสัยลุยๆอย่างเดียว

คุณแม่กลับมาจากที่ทำงานพอดี เห็นท่าไม่ดี รีบตัดมาแย่งแปะ
1. พยาบาลที่นี่
2.พยาบาลที่นั่น
3.พยาบาลที่โน่น
4.แกเลือกเองก็ละกัน

เราน้ำตาคลอเบ้า
"หนูจะอยู่ป่า หนูจะเลี้ยงปลา หนูอยากดูแลสิ่งแวดล้อม"

"โถลูก จบมาแล้วต้องไปร่อนเร่ที่ไหนเล่า ไม่ห่วงตัวเองรึ เป็นผู้หญิง ตัวเท่าลูกหมา" แม่เริ่มหว่านล้อม

"เป็นพยาบาลสิลูก สบ๊าย สบาย นั่งเฉยๆ ระหว่างเวรก็ถักนิตติ้ง เอาหนังสือมาอ่าน รู้วิธีดูแลตัวเอง ได้บุญ บลา บลา บลา" แม่เริ่มหว่านล้อมหนัก

ตอนนั้นไม่รู้อะไรเข้าสิง + เคลิบเคลิ้มคำแม่ไปเต็มเปา
และตอนนี้
ลูกตระหนักแล้ว
ที่แม่พูดนั้น มันไม่จริงเลยซักคำเดียว!
ชีวิตพยาบาลไทย มันไม่เหมือนที่คนอื่นเข้าใจเลยแม่แต่นิดเดียว
คุณแม่เข้าใจผิดอย่างแรง

ตอนที่ 2
ด้วยประสบการณ์หลงผิด คิดจนตัวตาย
จึงได้เขียนเป็นบลอคเตือนภัย
"เลือกเอนท์ (ตอนนี้เค้าเป็นแอดมิดชั่นแล้ว) เรียนคณะพยาบาล!"
มาเห็นแง่มุมที่แท้จริงกันนะคะ
คนที่ได้เรียนแล้วหน้าชื่นตาบานก็มาก
คนที่เรียนแล้วน้ำตาตกในก็มาก


เริ่มกันที่

พยาบาลคืออะไร? 
พยาบาลคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่คอยดูแลคนที่กำลัง เกิด แก่ เจ็บ หรือตาย เครื่องแบบพยาบาลจะเป็นสีขาว สะอาด ให้ความรู้สึกถึงนักบวชหรือนางฟ้า ผู้มีเมตตาอันเปี่ยมล้น เนื่องจากงานชนิดนี้ต้องอาศัยคุณธรรมเป็นจำนวนมาก อนึ่งหมวกพยาบาลนั้น ไม่มีประโยชน์ในการทำงานเลย แต่ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเครื่องแบบบังคับ บ้างว่าเป็นเพราะชวนให้นึกถึงมิสฟลอร์เรนซ์ ไนติงเกล ผู้ให้กำเนิดวิชาชีพพยาบาล บ้างว่าเป็นให้นึกถึงความมีเมตตาแบบแม่ชี

หน้าที่ของพยาบาล
เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของการดูแล เหมือนแม่ดูแลลูก ลูกดูแลพ่อ ที่ป่วย
พิเศษกว่าตรงที่มีทักษะในการฉีดยา ทำแผล ดูแลเครื่องมือช่วยชีวิตต่างๆ ฯลฯ
อ่านค่าสัญญาณชีพ แปลค่าผลทางการตรวจ รู้การดำเนินของโรค คอยตรวจสอบไม่ให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะอันตราย ทำการแก้ไขเบื้องต้น หรือแจ้งแพทย์ให้ตัดสินใจ

ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ ห้องยา ห้องแลป แผนกเอกซเรย์ ห้องผ่าตัด แพทย์ แม่บ้าน คนส่งของ คนซ่อมแอร์ แผนกฉุกเฉิน ญาติผู้ป่วย งานเอกสารต่างๆ ควบคุมคุณภาพหอพักผู้ป่วย ฯลฯ ซึ่งงานตรงนี้ทำให้ปวดกบาลมากที่สุด กินเวลามาก (แต่ผู้ป่วยไม่เห็น อาจคิดว่าเราว่าง)

เคยมีอีเพื่อนบอกว่า "อี๋ พยาบาล ได้แต่เช็ดขี้เยี่ยว"
ตอนนั้นได้แต่ตอบไปว่า "ถ้ากรูทำแค่นั้น กูไม่ต้องจบตรี ต่อโท ต่อเอกหรอกมึง จบป.4 ก็ทำได้"
ตอนนี้ถ้ามันพูดอีก จะตอบไปว่า "ใครว่าล่ะมึง เลือดหนอง หวัดนก วัณโรค เอดส์ กูก็คลุกคลีมาหมดแล้ว แค่ขี้เยี่ยวเนี่ย สบ๊าย" 

เกียรติยศ
สมัยนี้ คนไข้ไม่ค่อยนับถือเราเหมือนแต่ก่อน
จากอาชีพที่ต้องเสียสละ ต้องเรียนเก่งถึงจะทำได้
กลายเป็น "กรูเป็นคนจ่ายตัง มึงกินภาษีประชาชน กูมีสิทธิผู้ป่วยฯลฯ"
อยากถามมันว่า "มึงประกอบอาชีพอะไรกันมั่งวะเนี่ย มึงไม่เคยใช้ภาษีประชาชนเลยเหรอ "
ด้วยสื่อที่ประโคมแต่ข่าวฉาว "พยาบาลโฉดฉีดยาผิด ทำขาเดี้ยง"
ทีข่าว "พยาบาลช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันท่วงที" มันไม่สนใจ

แต่ว่าจะร้องขอเกียรติ หรือความนับถือจากผู้อื่นไปทำไม
ในเมื่อทำงานไปทุกวัน คนป่วยหายเจ็บไข้ได้ก็เพราะเรา
ยังไม่ภูมิใจในตนเองอีกหรือ
เมื่อพราวสุดๆแล้ว รัศมีมันมาเอง ความสุขเกิดขึ้นที่ใจ

โอย ยาว เหนื่อย เดี๋ยววันหลังมาแจกแจงต่อ

ตอนที่3
เอาล่ะ
พูดถึงเรื่องอะไรอีกดีฟะ
ค่าตอบแทน

แน่นอนว่าทุกอาชีพต้องมีค่าตอบแทน
ถ้า advance หน่อยก็ไปเมืองนอกค่ะ รายได้สูงมากจนอยากจะกรี๊ด แต่ไม่รู้จะเหลือตังส่งกลับบ้านรึึป่าว ทำงาน smart กว่าเรามาก เทคโนโลยีก้าวหน้า งานก้ไม่หนักเท่าเรา แต่ต้องเก่งจริงจัง มีการสอบยุ่งยากมาก ภาษาอังกฤษต้องแหล่ม

รายได้รองลงมาก็โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ เดี๋ยวเข้าวงการมาก็จะรู้เองว่าอันไหนชั้นนำ ไอ้ รพ. แพงๆนั่นแหละค่ะ
รพ.เหล่านี้จ้างพยาบาลราคาสูงมากค่ะ เด็กจบใหม่แบบตาสีตาสาก็ได้รายได้ start ไปแล้ว 19,000 - 23,000 บาท ขึ้นอยุ่กับแผนกที่เลือก ยังไม่รวมค่าเวร ค่าโอทีอีกต่างหาก และความสามารถด้านภาษา ที่ทราบเพราะดิฉันอยู่ รพ. นี้น่ะค่ะ
แต่ต้องแลกกับความถึกนะคะ วันไหนทีมพยาบาลของดิฉันไม่โดนญาติผู้ป่วยด่าไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง (ในเรื่องบ้าๆบอชวนปวดกบาล) ดิฉันจะนึกถึงหลวงพ่อวัดลานบุญขึ้นมาทันทีค่ะ คงเป็นบุญของดิฉันที่ถวายเพลหลวงพ่อมั่ง ไม่ถวายมั่ง บุญเลยไม่สม่ำเสมอ ท่านสามารถหาเงื่อนไขมาให้พวกดิฉันโดนด่าได้เรื่อยๆ เช่น ผมมีเมีย 20 คน ให้แค่ คนนี้ๆๆๆ เยี่ยมได้เท่านั้น คนอื่นห้ามเยี่ยม ห้ามบอกว่าผมสั่ง สรุปแล้ววันนั้นดิฉันโดนด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง จำไม่ได้ว่าคนไหนเมีย คนไหนแม่มัน แป่ว ได้แต่ไม่ตอบโต้ค่ะ คิดเอาเองว่าในเงินเดือนมันคงรวมค่าโดนด่าเอาไว้แล้ว

แต่ รพ เหล่านี้จะมีเทคโนโลยี -ความรู้ บุคลิค และได้รับการอบรมพัฒนาตัวเองได้ดีค่ะ ดิฉันรู้สึกว่ายิ่งอยู่ยิ่งฉลาดขึ้นทุกวัน ทุกวัน

รพ. เอกชนทั่วไป
รายได้ลดหลั่นลงมา ที่เคยเห็นน้อยที่สุดก็ 15,000 บาท
เพื่อนดิฉันเคยโดนผู้ป่วยถีบกระเด็นติดข้างฝามาแล้ว เนื่องจากอิเปรตนี่มันเมา มอเตอร์ไซค์คว่ำหัวแหกมา แล้วเพื่อนฉันพยายามไปห้ามเลือดให้มัน มันทั้งเมาทั้งเจ็บ เลยถีบซะเลย ดิฉันเลือดขึ้นหน้าอย่างแรง แต่โปรดอย่าถามว่าดิฉันทำอะไรตอบโต้มันไปบ้าง อิอิ ความลับ 

รพ เหล่านี้ เลือกย่านให้ดี
ที่ดิฉันเคยอยู่เป็นย่านอุตสาหกรรม มีแต่คนงาน
งานอดิเรกของคนเหล่านี้คือกินเหล้าแล้วตีกัน หรือไม่ก็ขับมอเตอร์ไซค์แหกโค้ง
มีแต่เก๋าๆทั้งนั้น ดิฉันควงเวรจนกินหญ้าแทนข้าว อยู่จนเซ็งตัวเอง แล้วก็ลาออกไป 

รับจ้างเฝ้าไข้ตามบ้าน
งานสบาย แต่น่าเบื่อ เป็นพยาบาลฟรีแลนซ์ หลายๆคนชอบ รายได้งามแต่ไม่มีการรับประกันแน่นอน ถ้าผู้ป่วยเสียชีวิต ก็ต้องหานายจ้างใหม่ หรือถ้านายจ้างไม่พอใจก็ไล่ออกซะงั้น รายได้แล้วแต่ตกลง แต่ขอบอกว่างามอร่ามจิตมั่กๆ
ดิฉันเคยฟังมาแล้วขนลุก แต่ไม่รู้ว่าเค้าโม้อ๊ะป่าว หลายหมื่นบาท ฟังแล้วอยากจะถอดเสื้อแล้วร้องกรี๊ด (ขึ้นอยู่กับนายจ้างและความยากง่ายของผู้ป่วย) 

พยาบาลตามโรงงาน
บางโรงงานนั้นจริงจังในเรื่องสวัสดิการพนักงานมาก ถึงขนาดเปิดคลินิคใน รพ.
มีพยาบาล และแพทย์มาเข้าเวรสม่ำเสมอ พยาบาลเหล่านี้แต่งตัวสวยงาม ทำงานสบาย เงินเดือน ไม่รู้ แล้วแต่ความไฮโซของโรงงาน

เคยมีพนักงานที่มาพูดเชิงกระแนะกระแหนว่า "ชิ พวกพยาบาลมันสบาย-ว่างกันจังเลยเนอะ" (ไม่รู้ว่าอารมณ์เสียอะไรมา แต่มาเห็นพยาบาลนั่งกันว่างๆเลยอารมณ์ขึ้นซะงั้น) มี จนท. ออฟฟิส ช่วยสวนกลับไปว่า "ก็ตอนเรียนพวกมึงรีบมีผัวกันทำไมล่ะ ไม่งั้นก็ได้มานั่งว่างๆแบบเค้าแล้ว" แรงมากค่า กรี๊ดดดดดดด หนูไม่ได้พูดนะค๊าาาา

โอ๊ยทำไมเล่าแล้วเหนื่อยจัง วันนี้แค่นี้ก่อนนะคะ
ที่เล่ามานี่ ปสก. ส่วนตัวนะคะ ถือว่าฟังเพื่อนเล่าเรื่องอะไรให้ฟังละกันนะ

ไม่มีความคิดเห็น: