วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ก่อนสอบ GAT PAT... เรื่องอะไรที่เด็กแอดฯ โคตร "กลัว"!!

สวัสดีค่า ... เหลือเวลาอีกไม่นานที่น้อง ๆ เด็กแอดฯปี 56 จะสอบ GAT PAT กันแล้วนะคะ (ไม่เต็มเดือนเรยเพ่!!) และที่สำคัญผลคะแนน GAT PAT รอบนี้จะเป็นกำละงสำคัญในการแอดมิชชั่นเลยก็ว่าได้ ถ้าใครสอบรอบแรกมาแล้วก็มีโอกาสแก้ตัวในรอบนี้ ส่วนใครที่ไม่ได้สอบรอบแรกมาล่ะก็ ... หึหึ รอบนี้เป็นรอบวัดใจกันไปเลย เพราะผลรอบสองจะไม่ได้นำไปใช้ในการรับตรงที่ไหนแล้วจ้าาา

          ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว... ยิ่งใกล้เวลาเท่าไหร่ก็ยิ่งกลัวเท่านั้น และยิ่งมีการผิดพลาดหลายต่อหลายครั้งในการสอบที่ผ่านมายิ่งทำให้กลัวมากขึ้นไปอีก แต่ตราบใดที่การสอบยังไม่เกิดขึ้นก็อย่าเพิ่งไปกลัวค่ะ เรามาเรียกขวัญและกำลังใจก่อนสอบกันดีกว่าเนาะ >< น้องๆ กลัวอะไรกันบ้าง แล้วมันบั่นทอนกำลังใจก่อนสอบอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ



กลัวอ่านไม่ทัน!!!
          อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกเลยก็ว่าได้กับการอ่านไม่ทัน ไม่ว่าจะรู้ก่อนนานแค่ไหนว่าจะมีสอบก็อ่านไม่ทันซักที เหตุผลมีร้อยแปดเลยใช่ไหมล่ะคะ? เช่น เนื้อหาเยอะเกินไป งานที่โรงเรียนเยอะเกินไป หรือเราไม่ถนัดวิชานั้นวิชานี้จึงทำให้เกิดอาการกลัวไปแล้วว่า อ่านไม่ทันแน่ๆ งั้นเราลองมาลองมองมุมใหม่กันนะคะว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เราอ่านไม่ทันกันแน่ พี่แป้งยกตัวอย่างแบบนี้ล่ะกัน เนื้อหาที่ออกสอบครอบคลุมทั้งจักรวาล : เราไม่จำเป็นต้องอ่านเนื้อหาทั้งหมดเพื่อไปสอบ แต่เก็บให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่าไหม? เอาแต่บทที่สำคัญที่ฟันคะแนนได้ชัวร์ เพราะถ้าเอาซะทุกเรื่องจะเข้าข่ายสำนวน โลภมาก ลาภหาย นะคะ ติดสื่อ ติดเกม ติดโซเชียล : น้องๆ อาจบอกว่า ไม่ติ๊ดดดด ไม่ติดนะ แต่ว่าถ้าใครว่างปุ๊บเข้าเฟสบุค ทวิตเตอร์ IG Line BB ปั๊บ นั้นแหละ!! ติดเข้าแล้ว แล้วจะบอกว่าพวกโซเชียลนี่แหละที่กลืนกินเวลาเราไปเยอะมาก จนทำให้เราอ่านไม่ทัน อันนี้อาจยากที่จะเลิกได้ พี่แป้งก็เคยเป็นแบบนี้ วิธีที่แก้คือ จับโซเชียลให้มีประโยชน์ เปิดกลุ่มคุยเรื่องเตรียมสอบกับเพื่อนซะเลย ช่วยกันติวมันในนั้นนั่นแหละ          แต่ละเหตุผลที่ทำให้เราเสียเวลาจนอ่านไม่ทันมันมีทางแก้ได้ ขั้นแรกต้องสำรวจตัวเองก่อนเลยว่าเวลาเราหายไปไหน หายไปกับอะไร แล้วเปลี่ยนซะ เรียกเวลาคืนมา ทุกคนมีเวลาวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากันนะคะ แต่การบริหารไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นกลับไปนอนคิดดี ๆ แล้วใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มนะคะ



กลัวไม่ทันข่าวสารบ้านเมืองเรื่องการสอบ
          หลายๆ คนอยู่ในสภาวะโรคจิตกันเลยทีเดียวกับการตามข่าวสารการเตรียมสอบ กลัวพลาด กลัวไม่ทันคนอื่น กลัวว่าบ้านชั้นอยู่ต่างจังหวัด ข่าวคราวจะสู้เพื่อนในเมืองได้อย่างไร กลัวจนตัดกำลังใจตัวเองในการอ่านหนังสือ ... "คิดมากไปป่ะ?"
          พี่แป้งอยากให้ใจเย็นๆ แล้วมานั่งดูว่าแหล่งข่าวอยู่ที่ไหน แหล่งข่าวทางการศึกษามีเยอะมาก เว็บหลักของ สทศ. เว็บของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรือถ้าเกิดว่าไม่รู้แหล่งจริง ๆ ก็ข้ามาเลยที่ www.dek-d.com/admission/ แค่นี้ก็ตามติดทุกข่าวสารในวงการแอดมิชชั่นได้แล้ว เอาเวลาไปเตรียมสอบดีกว่าเนาะ ^__^




กลัวคนที่เก่งกว่าโดยเฉพาะคนที่สอบติดแล้ว
          อันนี้ถือเป็นอะไรที่กว่า 75% ของเด็กแอดฯเป็น มันก็ต้องมีบ้างแหละอารมณ์อิจฉาหง่ะ เธอติดแล้ว ฉันยังไม่มีทิศทางเลย เธอเก่งจังเลยสอบโน้นนี่ก็ได้ แต่ทำไมน้องๆ ไม่กลับมามองคนที่เขายังไม่มีที่เรียนเหมือนกันบ้างคะ? คนที่ไม่มีที่เรียนมากกว่าคนที่มีที่เรียนซะอีก เรายังเป็นคนส่วนมากนะ!!! อย่าให้คนส่วนน้อยมาลดกำลังใจเราซิคะ (ไซโคสุด ๆ) การที่เรามานั่งอิจฉา นั่งมองคนที่เขาคะแนนดีกว่า เขามีที่เรียนแล้ว ถ้าเกิดเปลี่ยนให้มันเป็นแรงฮึกเหิมในการอ่านหนังสือเพื่อจะได้สอบติดบ้างมันจะดีมากเลย แต่นี่น้องๆ ส่วนใหญ่กลับเสียเวลาไปกับการบั่นทอนกำลังใจตัวเอง คำพูดและความคิดเหล่านี้มันผลาญเวลาในการเตรียมสอบมากเลยนะคะ แล้วมันก็จะเข้าสู่วงจรข้อแรกคืออ่านไม่ทัน!! แล้วก็ไม่เริ่มอะไรซักที เปลี่ยนซะนะคะ เริ่มตั้งแต่อ่านบทความนี้จบ เราจะสู้ไปพร้อมกันกับเพื่อนๆ เด็กแอดฯ 56 


กลัวทำไม่ได้ ฝนไม่ทัน บลาๆๆ
          ความกลัวนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในห้องสอบนะคะ กว่า 80% ที่กลัวอาการทำไม่ได้และฝนไม่ทันคือคนที่เคยเกิดเหตุการณ์ "ทำไม่ได้ ฝนไม่ทัน" ขึ่นแล้วในห้องสอบจนคะแนนอาจจะออกมาน้อยนิด และประสบการณ์อันเลวร้ายนั้นแหละกลับมาทำให้เกิดอาการกลัว ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แต่ทำไงได้ล่ะคะมันเกิดขึ้นไปแล้ว!!
          สิ่งที่ควรทำคือเอาความผิดพลาดมาแก้ไขไม่ใช่หรอคะ ถ้ามัวแต่นั่งคิดว่า ฉันทำไม่ทันแน่ ๆ ยังไงก็ไม่ทันแน่ ๆ มันก็จะไม่มีกำลังใจในการอ่านหนังสือหรือการสอบไปเลยนะ แต่ถ้าลองเปลี่ยนความคิดซะใหม่ ฉันต้องทำให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทันไม่ทันช่างมัน!! แบบนี้จะมีกำลังใจมากกว่าไหมคะ เพราะอย่างน้อยเราก็ทำเต็มที่แล้ว ดีกว่ามานั่งเสียเวลากับการกลัวจนไม่เตรียมสอบ พอสอบก็สอบไม่ได้ ชีวิตจบเลยนะเออ .....  


กลัวหนักหนา .... เด็กซิ่ว
           ด้วยความที่เด็กซิ่วในแต่ละปีมีไม่น้อยเลยทีเดียว และสิ่งที่เด็กซิ่วมีแล้วเด็ก ม.6 ไม่มีคือ เวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นในการเตรียมตัวสอบ(เพราะซิ่วมา) จึงทำให้คิดว่า เฮ้ย!!! มีเวลามากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า ที่สำคัญมีจำนวนครั้งของคะแนนสอบ GAT PAT ให้เลือกมากกว่า เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่จะมาแย่งที่นั่งของม.6 ไปจริง ๆ
           แต่ก็อยากให้น้องๆ มองมุมมกลับบ้าง ทุกคนที่ซิ่วไม่ได้อยากเป็นเด็กซิ่วนะคะ เขาคือตัวอย่างความผิดพลาดของการเลือกเรียนเลือกสอบและติดในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของเขา พี่แป้งว่าดีซะอีกที่ยอมซิ่วเพื่อหาทางเดินของตัวเองให้เจอ สุดท้ายก็กลับมาเป็นเด็กแอดฯรุ่นเดียวกันที่ทำตามความฝันตัวเองเหมือนกัน พี่แป้งว่าเดินไปด้วยกันดีกว่า เอาประสบการณ์ผิดพลาดของเขามาเป็นแรงให้เราจะได้ไม่พลาดเหมือนกัน ดีกว่าไหม??? เนาะ >___<


กลัวสอบไม่ติด ไม่มีที่เรียน อนิจจาน้อยใจชีวิต
           นี่เขาเรียกว่า "ตีตนไปก่อนไข้" ประเมินค่าตัวเองต่ำมากว่า "ฉันต้องสอบไม่ติดแน่ ๆ เลย" "ฉันต้องไม่มีที่เรียนแน่ ๆ เลย" "ทำไมฉันถึงเกิดมาโง่ได้ขนาดนี้หล่ะ" กลัวๆๆๆๆ กลัวไปเรื่อย ถามว่ามันเกิดขึ้นหรือยังคะ? .... สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหารค่ะ วิตกจริตไปมากๆ รับรองไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแน่ ๆ เสียเวลาเปล่า ๆ โดยไร้ประโยชน์มากเลยค่ะ ในช่วงเวลาโค้งสุดท้ายก่อนสอบ GAT PAT เช่นนี้ สิ่งที่ควรทำคือเต็มที่กับการสอบครั้งนี้ให้มากที่สุด ไม่ว่าผลมันจะเป็นยังไงจงภูมิใจในสิ่งที่ทำเต็มที่ ทำเต็มที่แล้วไม่ได้ดีกว่าพลาดเพราะทำไม่เต็มที่นะคะ (เข้าใจม่ะ?) 

กลัวพ่อแม่ว่า หาว่าไม่มีความสามารถ
           บุคคลที่มีอิทธิพลต่อชีวิตและความน้อยใจของเรามากที่สุดก็คือ คุณพ่อคุณแม่ ญาติๆ พี่แป้งเคยเจอเหตุการณ์หนึ่งสมัยสอบตรงเข้ามหาลัย(นานมากกกกก) คือลงมาก็เจอผู้ปกครองรออยู่ข้างล่างมีผู้ปกครองคนนึงถามลูกว่า "ทำได้ไหมลูก" สิ่งที่คนนั้นตอบคือ "ทำไม่ได้ครับ มันยากมากเลย สงสัยจะไม่ได้" ผู้ปกครองท่านนั้นก็โมโหมาก พูดว่า "ขับรถมาตั้งไกล เสียค่าเรียนพิเศษตั้งเยอะเพื่อฟังคำว่าทำไม่ได้หรอ?" เสียงดังมาก ... นี่คือตัวอย่างเดียวที่เป็นจุดเริ่มต้นของความกลัวว่าผู้ปกครองจะว่าแน่ๆ ถ้าเกิดทำไม่ได้ จึงกลายเป็นความกดดันตัวเองจนไม่เป็นอันทำอะไร
            วิธีที่จะแก้ได้คือ กลับไปนั่งคุยกันถึงระบบการศึกษาของเราก่อน ว่าทำไมตอนนี้เรายังไม่มีที่เรียน ทำไมคนอื่นเขามีประมาณนี้ แล้วขอเวลาท่านเพื่อพิสูจน์ตัวเอง เอาแรงกดดันเป็นแรงผลักดันให้ทำข้อสอบให้ได้ เชื่อ พี่แป้ง เถอะค่ะว่า พ่อแม่ทุกคนรักลูก อยากเห็นลูกได้ดีกันทั้งนั้น แต่การแสดงออกต่างกันแค่นั้นเอง ^_^


         สุดท้ายแล้วสิ่งที่มาบั่นทอนกำลังใจในการสอบของเราก็คือตัวเราเองนะคะ ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าแต่ละเรื่องที่เรากลัวมันบั่นทอนกำลังใจเราอย่างไร น้องๆ ต้องเริ่มจากการปรับมุมมอง เรียกกำลังใจของเรากลับมาแล้วสู้ไปพร้อมกัน ชะตากรรมเด็กแอดฯ เป็นเหมือนกันทุกรุ่น ขอให้น้องๆ จำไว้ว่าไม่ได้เดินอยู่ท่ามกลางสนามรบคนเดียวแน่นอน ยังมีเพื่อนๆ อีกเป็นแสนที่เผชิญความรู้สึกเดียวกัน ไม่โดดเดี่ยวนะ 
         มาแชร์กันเถอะว่าสิ่งที่เด็กแอดฯรุ่นนี้กลัวมากที่สุด คืออะไร ????
แล้วจะรู้ว่าเราไม่เดียวดายนะเออออออออ 

credit:Eduzone

ไม่มีความคิดเห็น: