วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

ก้าวย่างสู่วิชาชีพ....พยาบาล.... ประสบการณ์ที่ยากยิ่ง

  
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ย้อนนึกถึงวันวาน
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้สัมผัสความรู้สึกในครั้งก่อน
ดวงประทีปที่สว่างไปทั่วก้นห้วงสมุทร
แม้หมู่เมฆที่มืดครึ้มจะพัดผ่าน....
เส้นทางที่เลือกเดินลึกล้ำยากใครเทียม
ความรู้สึกนี้ ความเมตตาเอื้อเฟื้อนี้
คือความภาคภูมิที่มิอาจค้นหาจากที่ใดใดได้อีก  

           จากพระอาทิตย์ขึ้น  สู่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ผู้คนดำเนินชีวิตในเมืองน้อยใหญ่ ใช้ชีวิตประจำวันแตกต่างกันไป บ้างมีความสุขกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างก็ใช้เวลาครุ่นคิดกับความทุกข์และปัญหาให้แก้อยู่ตลอดเวลา จะมีคนอยู่ไม่มากมายนักที่มีความสำคัญต่อประชาชน มีคนไม่มากนักที่จะได้รับการเยินยอให้อยู่เหนือคำว่าคนธรรมดา           
         ‘นางฟ้าชุดขาว’ หนึ่งวลีที่งดงามในความหมาย ส่วนใหญ่วลีนี้ถูกใช้แทน'พยาบาล' วิชาชีพซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้เสียสละ...เป็นดั่งนางฟ้า...เป็นผู้ให้ชีวิต...เป็นวิชาชีพหนึ่งที่ในวัยเด็กต่างก็มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็น

   òคนที่'มี'ความฝันกับคนที่'ไม่มี'ความฝัน
            เพื่อที่จะเป็นพยาบาล เราก็ต้องผ่านจุดที่เหมือน ๆ กับการก้าวสู่อาชีพอื่น ๆ นั่นคือการเรียนรู้ การกักเก็บประสบการณ์  เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาขั้นสูงต่อไป ซึ่งต้องใช้เกรดเฉลี่ยในการสอบเข้าที่ค่อนข้างสูง เป็นผลให้ต้องตั้งใจเรียน‘คนมีฝัน’ เป็นเรื่องจริงที่อาชีพนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผู้ชายด้วย ด้วยภาพลักษณ์อันงดงามของผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสว่าง ใบหน้างดงาม อ่อนน้อม เสียสละ ใจดีมีเมตตา การพูดจาที่ไพเราะและเคารพในผู้ป่วยและญาติอีกทั้งยังเป็นอาชีพที่ได้พูดคุยและบริการผู้อื่น เอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้เองที่ดึงดูดให้ ‘ฝัน’ที่จะเป็นพยาบาลเกิดขึ้น ในอีกส่วนหนึ่งคือการได้มีประสบการณ์โดยตรงกับวิชาชีพพยาบาลนี้ อาทิ ตนเองเคยหรือมีญาติเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วได้รับการดูแลรักษาจากพยาบาลจนหายดี รู้สึกซาบซึ้ง เกิดความรู้สึกอยากที่จะเป็นเช่นนั้นบ้างจึงกลายเป็นเป้าหมายให้มุ่งไปในอนาคต เมื่อเราอยู่ในวัยเรียนนี้จุดมุ่งหมายที่มั่นคงทำให้เรามีความตั้งใจและมีความสุข ตื่นเต้น ที่จะเดินก้าวไปตามฝัน เมื่อเข้าสู่รั้วฟ้าขาวพวกเขาจะไปรับความชื่นชมในความฝันซึ่งจะกลายมาเป็นผู้เสียสละในคราบนางฟ้าชุดขาวอย่างยินดี‘คนไม่มีฝัน’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่พระปกเกล้ากลับมีพื้นหลังเช่นนี้ แต่ใช่ว่าพวกเราจะเติบโตกลายเป็นพยาบาลที่ดีไม่ได้ อย่างน้อยส่วนหนึ่งการที่เราก้าวเข้าสู่วิชาชีพนี้ก็เพราะคนที่บุคคลสำคัญที่คอยหนุนหลังประคับประคองเราซึ่งก็คือพ่อแม่ผู้เป็นดั่งทุกสิ่งที่หวังให้เราเป็นพยาบาลคอยดูแลผู้เจ็บป่วย คอยดูแลท่าน เป็นแรงกำลังสำคัญที่ทำให้เราก้าวเข้าสู่วิชาชีพต่อไป ต้องฝ่าฝันและอดทนกับการเรียนรู้และประสบการณ์ยากยิ่งให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และเพราะพยาบาลคือวิชาชีพที่ประเสริฐยิ่ง แม้ไม่มีฝัน เราก็ยินดีและมีความสุขไม่น้อยกว่าคนที่มีฝันเลย

ò ช่วงชีวิตแห่งการช่วงชิง           
            เส้นทางที่จะทำให้ ‘ความฝัน’ หรือ ‘ความหวัง’ สำเร็จได้ จำเป็นต้องผ่านกำแพงรั้วนี้ไปให้ได้ เหมือนกับทหารที่ต้องตีฝ่ากำแพงข้ามไปเพื่อบุกยึดพื้นที่ ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ คนที่พร้อมและเก่งเท่านั้นที่ทำสำเร็จ แต่กลับบางคนแล้วพวกเขาต้องทิ้ง ‘ความฝัน’ และ‘ความหวัง’ ลงด้วยน้ำตา 
            เมื่อมาถึงช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่างคนต่างขวนขวายหาที่เรียนต่อเฉพาะทางเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพที่อยากจะเป็นและอยากจะทำ ต้องทุ่มเทเรียนอย่างหนัก หาที่เรียนเสริม หาที่สมัครเข้าเรียน หาช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่วุ่นวายและเครียดอย่างมากเลยทีเดียว เราจะไม่ได้เป็นเด็กที่นั่งคุยเล่นกันเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้ไร้จุดหมายหรืออะไรก็ได้กับชีวิต เมื่อยามถึงเวลาว่าง หนังสือเตรียมสอบจะกลายเป็นอาวุธคู่มือ วันหยุดที่ควรจะได้นอนสบายอยู่บ้านหรือได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูง ก็ต้องจับเจ่านั่งอ่านหนังสืออยู่บ้านหรือไม่ก็ออกไปติวข้อสอบข้างนอก เพราะมันสำคัญกับชีวิตของเราและยังต้องช่วงชิงโอกาสอันน้อยนิดในสถานที่เรียนที่หนึ่ง ซึ่งจะรับนักศึกษาในจำนวนจำกัด            จากคะแนนเกรดเฉลี่ยที่ผ่านไปได้แล้วก็เข้ามาสู่การสอบตรง ความรู้ใหม่ ๆ ที่ใช้ในการสอบแตกต่างไปจากความรู้ทั่ว ๆ ไปที่เรียนมาในระดับมัธยมทำเอาหัวหมุนอยู่เหมือนกัน ทำให้ต้องหาความรู้อ่านเพิ่มเติมและใช้ความคิดวิเคราะห์และการบริหารเวลาทำข้อสอบให้เสร็จตามจำนวนข้อในเวลาที่กำหนด เหล่าบรรดาเพื่อนนักเรียนเองต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อ นั่งทำข้อสอบกันอย่างคร่ำเคร่ง และแล้วเมื่อเวลาหมดลงทุกคนก็เดินออกมาจากห้องสอบด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ โดยไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วชื่อของตนเองจะได้ เพื่อเป็นพื้นฐานในการศึกษาขั้นสูงต่อไป ซึ่งต้องใช้เกรดเฉลี่ยในการสอบเข้าที่ค่อนข้างสูง เป็นผลให้ต้องตั้งใจเรียน‘คนมีฝัน’ เป็นเรื่องจริงที่อาชีพนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นผู้ชายด้วย ด้วยภาพลักษณ์อันงดงามของผู้หญิงในชุดยูนิฟอร์มสีขาวสว่าง ใบหน้างดงาม อ่อนน้อม เสียสละ ใจดีมีเมตตา การพูดจาที่ไพเราะและเคารพในผู้ป่วยและญาติอีกทั้งยังเป็นอาชีพที่ได้พูดคุยและบริการผู้อื่น เอกลักษณ์เฉพาะตัวนี้เองที่ดึงดูดให้ ‘ฝัน’ที่จะเป็นพยาบาลเกิดขึ้น ในอีกส่วนหนึ่งคือการได้มีประสบการณ์โดยตรงกับวิชาชีพพยาบาลนี้ อาทิ ตนเองเคยหรือมีญาติเจ็บป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลแล้วได้รับการดูแลรักษาจากพยาบาลจนหายดี รู้สึกซาบซึ้ง เกิดความรู้สึกอยากที่จะเป็นเช่นนั้นบ้างจึงกลายเป็นเป้าหมายให้มุ่งไปในอนาคต เมื่อเราอยู่ในวัยเรียนนี้จุดมุ่งหมายที่มั่นคงทำให้เรามีความตั้งใจและมีความสุข ตื่นเต้น ที่จะเดินก้าวไปตามฝัน เมื่อเข้าสู่รั้วฟ้าขาวพวกเขาจะไปรับความชื่นชมในความฝันซึ่งจะกลายมาเป็นผู้เสียสละในคราบนางฟ้าชุดขาวอย่างยินดี‘คนไม่มีฝัน’ นักเรียนส่วนใหญ่ที่พระปกเกล้ากลับมีพื้นหลังเช่นนี้ แต่ใช่ว่าพวกเราจะเติบโตกลายเป็นพยาบาลที่ดีไม่ได้ อย่างน้อยส่วนหนึ่งการที่เราก้าวเข้าสู่วิชาชีพนี้ก็เพราะคนที่บุคคลสำคัญที่คอยหนุนหลังประคับประคองเราซึ่งก็คือพ่อแม่ผู้เป็นดั่งทุกสิ่งที่หวังให้เราเป็นพยาบาลคอยดูแลผู้เจ็บป่วย คอยดูแลท่าน เป็นแรงกำลังสำคัญที่ทำให้เราก้าวเข้าสู่วิชาชีพต่อไป ต้องฝ่าฝันและอดทนกับการเรียนรู้และประสบการณ์ยากยิ่งให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และเพราะพยาบาลคือวิชาชีพที่ประเสริฐยิ่ง แม้ไม่มีฝัน เราก็ยินดีและมีความสุขไม่น้อยกว่าคนที่มีฝันเลย

ò ช่วงชีวิตแห่งการช่วงชิง           
            เส้นทางที่จะทำให้ ‘ความฝัน’ หรือ ‘ความหวัง’ สำเร็จได้ จำเป็นต้องผ่านกำแพงรั้วนี้ไปให้ได้ เหมือนกับทหารที่ต้องตีฝ่ากำแพงข้ามไปเพื่อบุกยึดพื้นที่ ไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ คนที่พร้อมและเก่งเท่านั้นที่ทำสำเร็จ แต่กลับบางคนแล้วพวกเขาต้องทิ้ง ‘ความฝัน’ และ‘ความหวัง’ ลงด้วยน้ำตา 
            เมื่อมาถึงช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ต่างคนต่างขวนขวายหาที่เรียนต่อเฉพาะทางเพื่อก้าวเข้าสู่อาชีพที่อยากจะเป็นและอยากจะทำ ต้องทุ่มเทเรียนอย่างหนัก หาที่เรียนเสริม หาที่สมัครเข้าเรียน หาช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่วุ่นวายและเครียดอย่างมากเลยทีเดียว เราจะไม่ได้เป็นเด็กที่นั่งคุยเล่นกันเหมือนแต่ก่อน ไม่ได้ไร้จุดหมายหรืออะไรก็ได้กับชีวิต เมื่อยามถึงเวลาว่าง หนังสือเตรียมสอบจะกลายเป็นอาวุธคู่มือ วันหยุดที่ควรจะได้นอนสบายอยู่บ้านหรือได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนฝูง ก็ต้องจับเจ่านั่งอ่านหนังสืออยู่บ้านหรือไม่ก็ออกไปติวข้อสอบข้างนอก เพราะมันสำคัญกับชีวิตของเราและยังต้องช่วงชิงโอกาสอันน้อยนิดในสถานที่เรียนที่หนึ่ง ซึ่งจะรับนักศึกษาในจำนวนจำกัด            จากคะแนนเกรดเฉลี่ยที่ผ่านไปได้แล้วก็เข้ามาสู่การสอบตรง ความรู้ใหม่ ๆ ที่ใช้ในการสอบแตกต่างไปจากความรู้ทั่ว ๆ ไปที่เรียนมาในระดับมัธยมทำเอาหัวหมุนอยู่เหมือนกัน ทำให้ต้องหาความรู้อ่านเพิ่มเติมและใช้ความคิดวิเคราะห์และการบริหารเวลาทำข้อสอบให้เสร็จตามจำนวนข้อในเวลาที่กำหนด เหล่าบรรดาเพื่อนนักเรียนเองต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อ นั่งทำข้อสอบกันอย่างคร่ำเคร่ง และแล้วเมื่อเวลาหมดลงทุกคนก็เดินออกมาจากห้องสอบด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ โดยไม่รู้เลยว่าสุดท้ายแล้วชื่อของตนเองจะได้มีอยู่บนกระดาษแผ่นหนึ่งหรือไม่ การรอคอยจบลงเมื่อช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดมาถึง....วันประกาศผลสอบ พวกเรานั่งเฝ้าจอคอมพิวเตอร์กันตั้งแต่เช้าจรดเย็นเพื่อดูรายชื่อผู้ผ่านการสอบข้อเขียนทางเว็บไซต์ บ้างก็เดินทางมาดูผลที่กระดานประกาศในรั้ววิทยาลัย จากผู้คนนับร้อยที่เข้าแข่งขันจะถูกคัดให้เหลือไม่ถึงครึ่ง เส้นทางของบางคนอาจจบลงตรงนี้ แต่ก็ไม่ใช่เสมอไป....พวกเขายังมีโอกาสจากข้อสอบข้อเขียนมาสู่การสอบสัมภาษณ์ พวกเราไม่รู้เลยว่าภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่มีอาจารย์พยาบาลนั่งอยู่สามถึงสี่คนนั้นจะพูดคุยกับเราในเรื่องอะไรบ้าง ด้วยความตื่นเต้นนี้เองทำให้เราเริ่มเข้าหาและทำความรู้จักกับเพื่อน ๆ ว่าที่พยาบาลด้วยกันมากขึ้น ๆ ได้รับคำแนะนำและเห็นถึงความเอื้อเฟื้อต่อกัน และหนึ่งในสามเท่านั้นที่จะผ่านพ้นเข้าสู่การเป็นนักศึกษาพยาบาลเต็มตัวทว่าอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เส้นทางของบางคนไม่ได้จบลงเพียงตรงนี้ พวกเขายังมีโอกาสในการยื่นคะแนนแอดมิชชั่นซึ่งส่วนใหญ่วิทยาลัยจะรับนักศึกษาเข้าจากโควตานี้แต่จำนวนคนในการแข่งขันก็สูงเช่นกัน คนที่มีคะแนนดีในระดับสูงกว่าจึงจะได้รับเข้าศึกษาก่อนตามลำดับ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ กับการช่วงชิงโอกาสแห่งความสำเร็จมาไว้ในกำมือ

ò ปรับเปลี่ยนตนเองเพื่อเข้าสู่วิชาชีพพยาบาล
          
มีพฤติกรรมมากมายที่จำเป็นต้องปลูกฝังให้มีอยู่ในวิชาชีพ ‘พยาบาล’ ทำให้เราได้ตระหนักและภาคภูมิอยู่เสมอว่าเพราะพฤติกรรมนี้ล่ะ เพราะสิ่งนี้ล่ะ คือเราเหล่าพยาบาล ในการศึกษาเรียนรู้ขณะเป็นนักศึกษาจึงต้องมีการฝึกให้เกิดพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ควรมีอยู่ในวิชาชีพ  พวกเราจึงได้รับการปลูกฝังให้ปฏิบัติเป็นนิสัย อาทิ เช่น การอยู่ในกฎระเบียบที่เข้มงวด ในช่วงแรกเริ่มนั้นพวกเราต่างโอดครวญรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ที่ถูกจำกัดในเรื่องเกือบทุก ๆ เรื่อง รู้สึกอิจฉานักศึกษาในมหาลัยที่สามารถทำอะไรได้มากมายต่างจากพวกเราที่ไม่สามารถทำได้ แต่ในขณะนี้พวกเราต่างไม่รู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป พวกเราได้รู้ซึ้งดีแล้วว่า เพราะระเบียบวินัยนี้ล่ะ ทำให้เรามีวินัย มีกรอบในการทำงาน ฝึกให้เราเป็นคนตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ รอบคอบ มีเอกลักษณ์ในตัวเองและวิชาชีพนั่นเองสิ่งต่อ ๆ มาที่สำคัญไม่แพ้กันคือความตรงต่อเวลา ‘เพียรมาให้ถึงก่อน 15 นาที’ การบริหารเวลา ความรับผิดชอบ ความอดทนทั้งทางร่างกายและจิตใจเพื่อเข้าสู่วิชาชีพพยาบาล พวกเราต่างต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองมากมาย ยกตนเองจากระดับหนึ่งสู่อีกระดับหนึ่ง เพราะในฐานะผู้นำทางสุขภาพ การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละอย่างจึงต้องถูกปรับเปลี่ยนเพื่อเป็นแบบอย่างและสามารถนำไปสอนประชาชนได้ จากชีวิตที่เคยเรียบง่าย รับประทานอะไรก็ได้ที่อยากรับประทาน ตอนนี้พวกเราต้องเลือกสิ่งที่มีประโยชน์และเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย พวกเราต้องใช้เวลาและต่อสู้ต่อความเคยชินหรือพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ต้องคอยระมัดระวังพฤติกรรมของตนเอง สังเกตตนเอง วิเคราะห์ตนเอง จนกระทั่งมีพฤติกรรมที่เหมาะสม เพียงพอต่อการเป็นต้นแบบและนำไปสอนประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงเรื่องของพฤติกรรมทางสุขภาพเท่านั้น การสื่อสารและมารยาททางสังคมก็ถูกปลูกฝังไว้กับพวกเราเช่นกัน เพราะวิชาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่ต้องพบปะพูดคุยกับผู้คนการสื่อสารให้เข้าใจจึงมักเกิดขึ้นเสมอ ๆ และในฐานะวิชาชีพที่ให้การบริการมารยาททางสังคมจึงเป็นสิ่งจำเป็น........เราได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อวิชาชีพ ‘พยาบาล’ 
ò หนังสือคือชีวิต
           ใครจะรู้เล่าว่าหนังสือสำคัญกับเราเพียงไหน พวกเราไม่เคยจมอยู่กับกองหนังสือมากมายเท่านี้มาก่อน ทุกวันหลังจากการเรียนที่หนักหน่วง เวลาที่เรามีให้คือการทบทวนบทเรียนแต่กระนั้นเราก็ยังมีกิจกรรมผ่อนคลายเหมือนกับชีวิตนักศึกษาทั่ว ๆ ไป ยิ่งช่วงใกล้สอบ บรรดา Sheet และหนังสือ แทบอยู่ไม่ห่างกาย ไม่มีใครนั่งหายใจทิ้ง แต่จะใช้ชีวิตอยู่กับหนังสืออันเป็นคลังความรู้ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ‘ขาดไม่ได้’.......ยามนอนเรายังนอนหลับไปเคียงข้างกัน หากซึมซับข้อความเนื้อในในหนังสือนั้นได้คงจะซึมซับได้อย่างมากมายเลยทีเดียว เมื่อเราผ่านพ้นไปยังชั้นปีที่สูงขึ้น ต้องออกฝึกในโรงพยาบาลหรือชุมชน ความรู้คู่กันย่อมต้องมีมากขึ้น เรื่องบางเรื่อง โรคบางโรคไม่สามารถหาได้ในห้องเรียน หนังสือเหล่านี้คือกุญแจและคำตอบที่จะสามารถทำให้เราพร้อมที่จะสามารถทำงานได้ต่อไป เรียนรู้ได้ต่อไป ทุกวันที่นักศึกษาพยาบาลถือหนังสือประมาณ 5 เล่ม เดินจากห้องสมุดกลับสู่หอ หนังสือเล่มหนึ่งก็ประมาณ 600 หน้า กับความมุ่งมั่นที่จะหาความรู้ที่ต้องการจากมันด้วยน้ำหนักไม่ใช่เล่น ๆ ยามที่นึกภาพ ใครเล่าจะนึกมาก่อนว่าจะมีภาพเช่นนี้ในวันหนึ่งของเราได้ ‘ขาดไม่ได้’.......เพราะหนังสือคือชีวิต 
 ò ประสบการณ์มือใหม่
           ความสำเร็จจะเกิดได้นั้น ย่อมต้องมีจุดเริ่มต้น......หลังจากผ่านช่วงเวลาทั้งหลายอันเป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยได้สัมผัส จากทฤษฎีสู่ปฏิบัติการให้การพยาบาลผู้ป่วยจริง ๆ จึงจำเป็นต้องมีการฝึกและนั่น.....คือประสบการณ์ครั้งแรกของมือใหม่อย่างพวกเราเมื่อสวมชุดฝึกปฏิบัติงานฟ้าขาว วันแรกที่ยังจำได้ดีถึงความตื่นเต้นอันล้มหลาม ความกลัว ความกล้า และความพร้อมหลั่งไหลเข้ามาพร้อม ๆ กัน ในเมื่อมันคือครั้งแรก กิจกรรมแต่ละอย่างย่อมต้องไม่ธรรมดาและเป็นที่น่าจดจำผู้ป่วยที่เป็นดั่งครู ได้สอนเราหลายอย่าง การอ่านคำสั่งแพทย์ ระเบียบของตึกอาคารปฏิบัติงานในโรงพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์การพยาบาลอันไม่คุ้นชิน เพียงแค่นี้ พวกเราก็วิ่งกันหัวหมุน  กล้าๆกลัว ๆ ที่จะทำอะไรสักอย่างให้ผู้ป่วย มือที่สั่นเทา หัวใจที่ตื่นเต้นกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ต้องอาศัยความกล้าและความถูกต้อง การจะทำอะไรแต่ล่ะอย่างจึงต้องคอยให้อาจารย์มาดูแลอย่างใกล้ชิดราวกับไม่เคยได้ฝึกฝนล่ำเรียนมา ความกังวลจากงานต่าง ๆ ที่เกิดนี้ไฉนเลยจะทำให้เรามองเห็นสิ่งรอบข้างอันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการปัญหาสุขภาพและมองเห็นผู้ป่วยจากหัวใจ ทุก ๆ วันที่ปฏิบัติงาน เจอกับผู้ป่วย ญาติ แพทย์ พยาบาลด้วยกันและเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ประสบพบกับโรคของผู้ป่วยมากมายให้เรียนรู้ มีเรื่องใหม่ ๆ ให้เจออยู่ตลอดเวลา เมื่อสามารถปรับตัวได้ มีความมั่นใจในการทำงาน ความกว้างในการรับรู้จึงเริ่มขยายออก เราเริ่มที่จะเรียนรู้และมองดู ‘ชีวิต’ มองเห็นผู้ป่วยที่ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ และกำลังรอคอยให้ใครสักคนมาดูแลด้วยความอ่อนโยน มองเห็นสิ่งรอบข้าง ความกังวลภายในใจ ลึก ๆ เข้าไป ซึ่งทำให้เราเข้าใจพวกเขาที่ยิ้มต้อนรับเราที่จะไปดูแลให้การพยาบาล พร้อมจะบอกและสอนทั้งด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจในสิ่งที่เขาเป็นก็ตาม ได้เห็นถึงสาเหตุและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบซึ่งจะกลายเป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่จะเป็นพื้นฐานต่อ ๆ ไปในภายภาคหน้า และแม้ไม่ว่าพวกเราจะเคยมีฝันหรือไม่มีฝันก็ตาม เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้หลุดพ้นจากความทรมาน ความทุกข์ตรม พวกเราจึงมีความตั้งใจจริงที่จะดูแลผู้ป่วยนี้ด้วยคำนี้....‘พยาบาลด้วยใจ’ò ความภาคภูมิที่ได้รับ
          จากก้าวแรกมาสู่บัดนี้ เริ่มจากกล้าที่จะฝัน สู่การฝ่าฟัน มีความมุ่งมั่น เรียนรู้ที่จะอดทน ต้องตั้งใจ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน รอบคอบในการทำงาน ต้องเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อสิ่งดีดี.....ทุก ๆ อย่างผ่านเรื่องราวหลากหลายที่บางครั้งก็รับได้ บางครั้งก็เกินกว่าจะรับได้แต่กระนั้นท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับ ทั้งยังผ่านการฝึกฝนอันแสนหนักหน่วง แม้จะเหนื่อย แม้จะท้อ แต่พวกเรากลับมีความยินดีและภาคภูมิที่ ได้ทำให้คนคนหนึ่งที่กำลังดิ่งสู่ก้นเหวกลับมาสู่ผืนดินอีกครั้ง ได้ทำให้คนคนหนึ่งกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยสองมือเล็ก ๆ นี้ และยิ่งไปกว่านั้นเพียงคำพูดสั้น ๆ ที่สร้างแรงกำลังให้พวกเราสามารถหลั่งหยดน้ำตาด้วยความตื้นตันและภาคภูมิ มีแรงกำลังที่จะตั้งใจและทำงานอย่างเต็มที่จากผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลให้การพยาบาลจากเรา นั่นก็คือ...
รอยยิ้ม อวยพรให้เราเรียนจบประสบความสำเร็จ และคำสั้น ๆ ว่า“ขอบคุณ”.........


  

ไม่มีความคิดเห็น: