ไม่เชื่อ...ได้โปรดอย่าลบหลู่ Life on campus ขอรับน้องในช่วงรับเทศกาลเปิดเทอมใหม่ ด้วยเรื่องเล่าสุดสยองในหอพัก สิ่งลี้ลับ ความน่าสะพรึงกลัวที่ใครๆ ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า ที่นี่มีจริงหรือไม่ บางเรื่องถูกกล่าวขานกันว่า หลอนจริง! ขนหัวลุกกันมานักต่อนัก น้องๆ เฟรชชี่คนใด กำลังต้องหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่หอพัก โปรดระวัง! หอพักดังต่อไปนี้...
หอพักสยองเรื่องที่หนึ่ง : ป๊อก…ป๊อก ครืด (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
เรื่องผีสุดสยองอันดับหนึ่งของมหาลัยเชียงใหม่ที่ใครๆ ต้องเคยได้ยิน เพราะความน่ากลัวถึงขั้นนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาโดยไม่ทราบระยะเวลาเกิดเหตุที่แน่นอน แต่เรื่องราวสุดสยองเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้นที่หอหญิงในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่รู้จักกันดีว่า “หอที่ 7” ซึ่งในสมัยนั้นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนหนทางยังไม่ค่อยดีนัก การเดินทางค่อนข้างลำบากเพราะเป็นถนนลูกรัง เวลาฝนตกก็เต็มไปด้วยโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนก็ไม่ค่อยมีแสงไฟ...
เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอ 7 ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบพอดีนักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้อง ตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหวอยากพักผ่อน รูมเมทอีกคนเห็นเพื่อนสาวไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่า “เดี๋ยวจะไปทานข้าวเอง แล้วจะซื้อข้าวมาฝาก”
หลังจากนั้นนักศึกษาสาวที่ป่วยก็เผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นมาอีกทีกลางดึก ก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องยังไม่กลับมา สักพักก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่างจากทางบันได
หอพักสยองเรื่องที่หนึ่ง : ป๊อก…ป๊อก ครืด (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
เรื่องผีสุดสยองอันดับหนึ่งของมหาลัยเชียงใหม่ที่ใครๆ ต้องเคยได้ยิน เพราะความน่ากลัวถึงขั้นนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้ว เรื่องราวที่เล่าต่อๆ กันมาโดยไม่ทราบระยะเวลาเกิดเหตุที่แน่นอน แต่เรื่องราวสุดสยองเรื่องนี้ได้เริ่มต้นขึ้นที่หอหญิงในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่รู้จักกันดีว่า “หอที่ 7” ซึ่งในสมัยนั้นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนหนทางยังไม่ค่อยดีนัก การเดินทางค่อนข้างลำบากเพราะเป็นถนนลูกรัง เวลาฝนตกก็เต็มไปด้วยโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนก็ไม่ค่อยมีแสงไฟ...
เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอ 7 ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบพอดีนักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้อง ตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหวอยากพักผ่อน รูมเมทอีกคนเห็นเพื่อนสาวไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่า “เดี๋ยวจะไปทานข้าวเอง แล้วจะซื้อข้าวมาฝาก”
หลังจากนั้นนักศึกษาสาวที่ป่วยก็เผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นมาอีกทีกลางดึก ก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องยังไม่กลับมา สักพักก็ได้ยินเสียงดังมาจากชั้นล่างจากทางบันได
"ป๊อก…ป๊อก…ป๊อก...ครืด...ครืด...ค..รื…ด" เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ เสียงใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง สักพักหนึ่งก็มีเสียงเคาะห้อง "ก๊อก ก๊อก ก๊อก" แล้วเงียบไป
นักศึกษาตกใจคิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลยจึงเดินไปเปิดประตู ก็พบว่าตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ข้าวแขวนอยู่ ก็แปลกใจว่า “แล้วเพื่อนอยู่ไหน? ทำไมไม่กลับมา?” มีแต่รอยเปียกน้ำ เป็นทางจากบันได คิดต่างๆ นานา แต่แล้วก็แกะข้าวออกมาทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็หลับไป
รุ่งเช้า...มีคนมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทางคาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ สภาพศพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหิน หรือตลาดต้นพยอม หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ "แล้วอาหารที่มาแขวนหน้าห้องเมื่อคืนล่ะ?"
นักศึกษาตกใจคิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลยจึงเดินไปเปิดประตู ก็พบว่าตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ข้าวแขวนอยู่ ก็แปลกใจว่า “แล้วเพื่อนอยู่ไหน? ทำไมไม่กลับมา?” มีแต่รอยเปียกน้ำ เป็นทางจากบันได คิดต่างๆ นานา แต่แล้วก็แกะข้าวออกมาทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็หลับไป
รุ่งเช้า...มีคนมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทางคาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ สภาพศพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหิน หรือตลาดต้นพยอม หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ "แล้วอาหารที่มาแขวนหน้าห้องเมื่อคืนล่ะ?"
ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมา คือหลังจากที่ตายไปแล้วด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ที่ไม่สบายและยังไม่ได้รับประทานอาหาร จึงนำอาหารที่เพื่อนฝากซื้อไปส่งให้ แต่แขนหักขาหักหมดแล้ว จึงใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพัก และลากตัวเองขึ้นบันไดมา เป็นเสียง ป๊อก…ป๊อก และเสียง...ครืด ที่ได้ยินคือ เสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน หลังจากส่งข้าวให้ได้แล้วก็หมดห่วง ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาหญิงคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา ทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ และทำให้เรารู้ว่า “มิตรภาพอยู่เหนือความตาย”
หอพักสยองเรื่องที่สอง : ห้องสีชมพู (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ห้องสีชมพูตำนานอันลือลั่นของเด็กใหม่ปี 1 ทุกคน โดยเฉพาะ นักศึกษาหญิงที่จะต้องพักที่หอ 8 โดยรุ่นพี่ที่เคยอยู่หอนี่จะบอกและย้ำเสมอว่า เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเอาเพื่อนไปด้วยเสมอ ห้ามลืมเด็ดขาด!! นี่คือคำเตือนของรุ่นพี่ประจำหอ ที่เพื่อนได้ฟังตอนปีหนึ่ง
แล้วรุ่นพี่อีกคนก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติของห้องสีชมพูนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วปี 32 ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ซึ่งประเพณีหรือเรียกว่ากฏของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือเด็กปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอใน เพื่อที่เวลาพี่เรียกมาทำกิจกรรมรับน้องจะได้พร้อมกันอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่อยู่เชียงใหม่ส่วนมากจะกลับบ้านเย็นวันศุกร์กลับเข้าหอก่อนเย็นวันอาทิตย์
หอพักสยองเรื่องที่สอง : ห้องสีชมพู (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)
ห้องสีชมพูตำนานอันลือลั่นของเด็กใหม่ปี 1 ทุกคน โดยเฉพาะ นักศึกษาหญิงที่จะต้องพักที่หอ 8 โดยรุ่นพี่ที่เคยอยู่หอนี่จะบอกและย้ำเสมอว่า เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องเอาเพื่อนไปด้วยเสมอ ห้ามลืมเด็ดขาด!! นี่คือคำเตือนของรุ่นพี่ประจำหอ ที่เพื่อนได้ฟังตอนปีหนึ่ง
แล้วรุ่นพี่อีกคนก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติของห้องสีชมพูนี้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วปี 32 ของนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง ซึ่งประเพณีหรือเรียกว่ากฏของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คือเด็กปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอใน เพื่อที่เวลาพี่เรียกมาทำกิจกรรมรับน้องจะได้พร้อมกันอย่างรวดเร็ว ส่วนคนที่อยู่เชียงใหม่ส่วนมากจะกลับบ้านเย็นวันศุกร์กลับเข้าหอก่อนเย็นวันอาทิตย์
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อรุ่นพี่ต่างคณะเกิดมาชอบ นักศึกษาหญิงน้องใหม่คนหนึ่ง ความสัมพันธ์ก็ได้ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รุ่นพี่คนนี้เลยชวนนักศึกษาหญิงไปอยู่ด้วยกันที่หอหลัง มช. ทุกเย็นวันศุกร์หน้าหอ 8 จะมีรุ่นพี่คนนี้มาจอดรถรอ นักศึกษาหญิงคนนี้ และจะมาส่งตอนเย็นวันอาทิตย์ทุกครั้ง
แล้ววันที่นักศึกษาสาวคนนี้เสียใจที่สุดและได้สร้างตำนานอันลือลั่นก็มาถึง เมื่อนักศึกษาสาวได้บอกกับรุ่นพี่อันเป็นที่รักว่าเธอตั้งครรภ์เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว รุ่นพี่หนุ่มก็กล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับผิดชอบหาว่า เธอนอกใจไปคบชายอื่น พอท้องแล้วจึงมาอ้างว่าตนเป็นคนทำ ก็เลยบอกเลิกเธอในทันที และปล่อยให้เธอเดินจากหลัง มช.กลับมาที่หอตามลำพัง
ระหว่างทางนักศึกษาสาวคนนี้ก็คิดเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้สึกเสียใจปนความเคียดแค้นต่อชายหนุ่มที่ทิ้งเธอไป บวกกับกลัวทางบ้านจะรู้ความจริง และทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้เธอตัดสินใจเอาเด็กออก แต่เธอไม่กล้าพอที่จะไปที่โรงพยาบาลหรือบอกให้ใครทราบ พอมาถึงห้องเมทไม่อยู่เพราะกลับบ้านกันหมด เธอเลยเอาเด็กออกด้วยตัวเอง โดยการเอาไม้บรรทัดเหล็กกระทุ้งจนมดลูกฉีกเธอทำไปโดยไม่รู้วิธีการที่ถูกต้อง ทำให้เธอเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอได้เขียนข้อความไว้บนกำแพงห้องนั้นว่า 'กูมีมึงคนเดียว'
แล้ววันที่นักศึกษาสาวคนนี้เสียใจที่สุดและได้สร้างตำนานอันลือลั่นก็มาถึง เมื่อนักศึกษาสาวได้บอกกับรุ่นพี่อันเป็นที่รักว่าเธอตั้งครรภ์เป็นเวลา 3 เดือนแล้ว รุ่นพี่หนุ่มก็กล่าวปฏิเสธไม่ยอมรับผิดชอบหาว่า เธอนอกใจไปคบชายอื่น พอท้องแล้วจึงมาอ้างว่าตนเป็นคนทำ ก็เลยบอกเลิกเธอในทันที และปล่อยให้เธอเดินจากหลัง มช.กลับมาที่หอตามลำพัง
ระหว่างทางนักศึกษาสาวคนนี้ก็คิดเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งความรู้สึกเสียใจปนความเคียดแค้นต่อชายหนุ่มที่ทิ้งเธอไป บวกกับกลัวทางบ้านจะรู้ความจริง และทำให้พ่อแม่ผิดหวัง ทำให้เธอตัดสินใจเอาเด็กออก แต่เธอไม่กล้าพอที่จะไปที่โรงพยาบาลหรือบอกให้ใครทราบ พอมาถึงห้องเมทไม่อยู่เพราะกลับบ้านกันหมด เธอเลยเอาเด็กออกด้วยตัวเอง โดยการเอาไม้บรรทัดเหล็กกระทุ้งจนมดลูกฉีกเธอทำไปโดยไม่รู้วิธีการที่ถูกต้อง ทำให้เธอเกิดอาการตกเลือดอย่างรุนแรง ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตเธอได้เขียนข้อความไว้บนกำแพงห้องนั้นว่า 'กูมีมึงคนเดียว'
วันรุ่งขึ้นรูมเมทก็ได้กลับมาที่ห้องพักและได้พบกับศพของหญิงสาว พร้อมกับรอยเลือกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง หลังจากจัดการเรื่องศพและงานศพเรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการทำความสะอาด ห้องนั้นโดยใช้ผ้าชุดน้ำเช็ดรอยเลือดให้สีจางลง แต่รุ่งขึ้นสิ่งที่ทำให้ทุกคนขนลุกก็คือ
...ทั้งรอยเลือดและข้อความที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งไว้ไม่ได้หายไป แต่รอยเลือดกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ...
ทางหอเลยตัดสินใจเอาสีใหม่มาทาทับไม่ให้เห็นรอยเลือด แต่แล้วพอวันรุ่งขึ้นรอยต่างๆ ก็กลับมาอยู่ดังเดิมเหมือนกับไม่ได้มีการนำสีมาทาแต่อย่างใด เลยได้เชิญพระที่วัดฝายหินมาทำพิธีแต่พระท่านบอกว่าทำพิธีไล่ไปคงไม่ได้เพราะวิญญาณนี้เฮี้ยนมาก ยังมีความอาฆาตและมีลูกในท้องอีกด้วย เลยได้แต่ทำการสะกดวิญญาณไม่ให้ไปหลอกคนในหอเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ได้ทาสีห้องใหม่คราวนี้ใช้ “สีชมพู” เพราะจะได้มองไม่เห็นคราบเลือดบนกำแพง จนกลายมาเป็นตำนานห้องสีชมพู และปัจจุบันได้กลายเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง!!!
...ทั้งรอยเลือดและข้อความที่หญิงสาวคนนั้นทิ้งไว้ไม่ได้หายไป แต่รอยเลือดกลับเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ...
ทางหอเลยตัดสินใจเอาสีใหม่มาทาทับไม่ให้เห็นรอยเลือด แต่แล้วพอวันรุ่งขึ้นรอยต่างๆ ก็กลับมาอยู่ดังเดิมเหมือนกับไม่ได้มีการนำสีมาทาแต่อย่างใด เลยได้เชิญพระที่วัดฝายหินมาทำพิธีแต่พระท่านบอกว่าทำพิธีไล่ไปคงไม่ได้เพราะวิญญาณนี้เฮี้ยนมาก ยังมีความอาฆาตและมีลูกในท้องอีกด้วย เลยได้แต่ทำการสะกดวิญญาณไม่ให้ไปหลอกคนในหอเพียงเท่านั้น
หลังจากนั้นก็ได้ทาสีห้องใหม่คราวนี้ใช้ “สีชมพู” เพราะจะได้มองไม่เห็นคราบเลือดบนกำแพง จนกลายมาเป็นตำนานห้องสีชมพู และปัจจุบันได้กลายเป็นห้องเก็บของที่ปิดตาย เคยมีแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนี้แล้วออกจากห้องไม่ได้ เพราะลูกบิดถูกล๊อค ทั้งที่ตัวล๊อคอยู่ในห้อง!!!
หอพักสยองเรื่องที่สาม : SI วันมหิดล เตียง C (มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา)
เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆ ของความเฮี้ยนสุดยอดของมหาวิทยาลัยมหิดล อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญ ซึ่งกล่าวถึง นักศึกษาคณะแพทย์ศิริราช ที่เราจะขอเรียกสั้นๆว่า “SI” ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียน หอพักในวันนี้ของทุกๆ ปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผล…
เรื่องเล่านี้เกิดจากในวิทยาเขตศาลายา มีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งได้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัย เสียชีวิตแต่นักศึกษาคนนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ในห้องพักของเขา นั่นก็คือ “เตียง C” ก็จะพบกับดวงวิญญาณความเฮี้ยนของนักศึกษาคนนี้ได้ในคืนวันมหิดล ที่มาในสภาพชุดนักศึกษาที่เปื้อนเลือด และร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เท่านั้น
บางคำบอกเล่าก็บอกว่าเรื่องนี้ ไม่มีการยืนยันโดยตรง แต่มีเรื่องแบบนี้จริง ไม่ใช่เตียง C เป็นเรื่องที่เกิดกับห้องๆ หนึ่งในหอ ซึ่งติดเลขห้องหนึ่งตัวกลับหัว โดยมีนักศึกษาฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอในท่านั่ง จากห้องนี้มีการแตกออกมาเป็นเรื่องผีถึง 3 เรื่อง ด้วยกัน???
เรื่องนี้จัดเป็นอันดับต้นๆ ของความเฮี้ยนสุดยอดของมหาวิทยาลัยมหิดล อีกหนึ่งความเชื่อเกี่ยวกับวันสำคัญ ซึ่งกล่าวถึง นักศึกษาคณะแพทย์ศิริราช ที่เราจะขอเรียกสั้นๆว่า “SI” ที่จะกลับมาเยี่ยมเยียน หอพักในวันนี้ของทุกๆ ปี แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา เสื้อนั้นย้อมด้วยเลือด และร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผล…
เรื่องเล่านี้เกิดจากในวิทยาเขตศาลายา มีนักศึกษาแพทย์คนหนึ่งได้ประสบอุบัติเหตุรถชนขณะข้ามถนนมายังมหาวิทยาลัย เสียชีวิตแต่นักศึกษาคนนั้นไม่รู้ตัวว่าตนเองได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว วิญญาณยังคงวนเวียนอยู่ในห้องพักของเขา นั่นก็คือ “เตียง C” ก็จะพบกับดวงวิญญาณความเฮี้ยนของนักศึกษาคนนี้ได้ในคืนวันมหิดล ที่มาในสภาพชุดนักศึกษาที่เปื้อนเลือด และร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เท่านั้น
บางคำบอกเล่าก็บอกว่าเรื่องนี้ ไม่มีการยืนยันโดยตรง แต่มีเรื่องแบบนี้จริง ไม่ใช่เตียง C เป็นเรื่องที่เกิดกับห้องๆ หนึ่งในหอ ซึ่งติดเลขห้องหนึ่งตัวกลับหัว โดยมีนักศึกษาฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอในท่านั่ง จากห้องนี้มีการแตกออกมาเป็นเรื่องผีถึง 3 เรื่อง ด้วยกัน???
หอพักสยองเรื่องที่สี่ : หอชาย (มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา)
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา เคยเป็นหอหญิงมาก่อน ซึ่งหอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ10) และมีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตาย ภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวนมากที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพักเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆที่จะพบได้ก็คือ
1. บันไดหนีไฟ ใครที่ชอบเดิน ทางนี้บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชนหรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง
2. ทางเชื่อมระหว่างหอ เมื่อมองจากระเบียง หรือด้านล่าง ของหอ นี่คือสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน
หอพักสยองเรื่องที่ห้า : คอนโด C ห้องxxxx (มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา)
คอนโดบริเวณประตูสาม จะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษา แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโด C ซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์ และประไว้ที่หน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี ประวัติของห้องนี้ก็มีอยู่ว่า
ช่วงปิดเทอมเมื่อ 4-5 ปีก่อน มีนักศึกษาหญิงภาคอินเตอร์ปี 2 คนหนึ่ง น้อยใจแฟนก็เลยประชดรักด้วยการกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบศพก็ อืด เน่า เฟะ เละจน แทบจำไม่ได้ พองานศพเสร็จ เพื่อนๆ ทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตกกลางคืนก็มักจะได้ยินเสียงเปิดก็อกในห้องน้ำบ างครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆ ที่ไม่มีใคร แต่นั่นไม่ร้ายแรงเท่า...
หลายคนอาจไม่รู้ว่าในสมัยก่อนหอชายของมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา เคยเป็นหอหญิงมาก่อน ซึ่งหอชายในปัจจุบันนั้นมีสภาพค่อนข้างใหม่กว่าหอหญิง (ยกเว้นแต่หอ10) และมีเรื่องเล่ากันว่า นักศึกษาหญิงคนหนึ่งได้ฆ่าตัวตาย ภายในหอพัก วิญญาณก็ยังวนเวียนไม่ไปไหน คอยปรากฏตัวให้นักศึกษารุ่นหลังได้ประสาทกินเป็นพักๆ และในแต่ละปีจะมีนักศึกษาชายจำนวนมากที่โวยวายกับเจ้าหน้าที่หอพักเรื่องผู้หญิงชุดขาวที่เดินไปมาในบริเวณหอพัก ส่วนสถานที่หลักๆที่จะพบได้ก็คือ
1. บันไดหนีไฟ ใครที่ชอบเดิน ทางนี้บ่อยๆ ระวังให้ดี คุณไม่มีทางหนี นอกจากวิ่งชนหรือลงไปติดแหง็กอยู่ด้านล่าง
2. ทางเชื่อมระหว่างหอ เมื่อมองจากระเบียง หรือด้านล่าง ของหอ นี่คือสามแพร่งที่ทุกคนต้องผ่านเข้าออกในแต่ละวัน
หอพักสยองเรื่องที่ห้า : คอนโด C ห้องxxxx (มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา)
คอนโดบริเวณประตูสาม จะถูกจองตั้งแต่เดือนเมษา แต่จะมีอยู่ห้องหนึ่งในคอนโด C ซึ่งปิดขอบประตูโดยรอบด้วยยันต์ และประไว้ที่หน้าประตูอีกหนึ่งแผ่น ลองนึกภาพดูว่าบรรยากาศของห้องจะหม่นๆ เหมือนมีสายตาเฝ้ามองอยู่ตลอด ใครที่เคยอาศัยอยู่ย่อมรู้ถึงความกดดันได้เป็นอย่างดี ประวัติของห้องนี้ก็มีอยู่ว่า
ช่วงปิดเทอมเมื่อ 4-5 ปีก่อน มีนักศึกษาหญิงภาคอินเตอร์ปี 2 คนหนึ่ง น้อยใจแฟนก็เลยประชดรักด้วยการกรอกยาฆ่าตัวตาย กว่าเพื่อนจะไปพบศพก็ อืด เน่า เฟะ เละจน แทบจำไม่ได้ พองานศพเสร็จ เพื่อนๆ ทำใจไม่ได้ก็เลยขอย้ายไปพักที่อื่น คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว ตกกลางคืนก็มักจะได้ยินเสียงเปิดก็อกในห้องน้ำบ างครั้งก็ได้ยินเสียงกุกกักทั้งๆ ที่ไม่มีใคร แต่นั่นไม่ร้ายแรงเท่า...
นักศึกษาบางคนที่กำลังนอนหลับช่วงกึ่งหลับกึ่งตื่น แล้วเหลือบไปเห็นผู้หญิงหน้าตาบวมปูดเหมือนศพ จับขาและกระชากลงจากเตียง เพื่อนที่เคยไปอาศัยอยู่ในห้องเจ้าปัญหา การันตีความเฮี้ยนระดับห้าดาว!!! รูมเมทบางคนมองเห็นผู้หญิงเดินไปเดินมาในเวลากลางคืน และมักได้ยินเสียงร้องไห้ ปนโกรธแค้นที่ถูกทอดทิ้ง หลายคนก็ถูกผีอำจนอยู่ไม่ได้ เครื่องใช้ไฟฟ้า-ข้าวของเปิดปิด เคลื่อนที่ได้เองอย่างน่าสงสัย เป็นอีกเรื่องที่ฮอทสุดๆ และเฮี้ยนสุดๆ ในรั้วศาลายาก็ว่าได้...
หอพักสยองเรื่องที่หก : หอในหญิง (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน)
เชื่อกันว่าหอในหญิง ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน ด้วยความเฮี้ยนของเหล่าวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้ วันดีคืนดีคนในหอก็มักจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวนไปมา หรือในห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน
หอในหญิงมีตึกใหญ่ 2 ตึก ที่ตึกนึงชั้น 2 เคยมีเด็กตายเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดู ช่วงก่อนปิดเทอมซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนมาพบศพ ความเฮี้ยนของเธอคนนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหอพักแห่งนี้ เคยมีคนเห็นว่าหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
หอพักสยองเรื่องที่เจ็ด : ผีหอ 5 (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี)
หอ 5 เป็นหอหญิงที่ถูกดัดแปลงมาจากโรงแรมเก่า ใครเข้าไปจะเห็นได้ว่าการออกแบบนั้นออกแบบมาเพื่อเป็นโรงแรมอย่างชัดเจน เป็นหอเดียวที่มีลิฟท์ และที่ลิฟท์นี้เองก็เป็นที่มาของตำนาน "ผีหอ 5" ที่ว่ากันว่าเฮี้ยนสุดๆ ของ มอ.ปัตตานี
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงก่อนปิดเทอม มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปในลิฟท์ แล้วปรากาฏว่าลิฟท์ค้างร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยินจนเปิดเทอม... ภารโรงมาเปิดลิฟท์จึงพบศพญิงสาวนอนแห้งตาย มีรอยเลือดเปรอะเต็มที่ประตู มีเศษเล็บติดที่ประตู เหมือนพยายามจะเปิดประตูลิฟท์ว่ากันว่าใครอยู่ห้องใกล้ลิฟท์ก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนหรือบางครั้งอาจเห็นคนเดินเข้าออก ทั้งๆ ที่ลิฟท์ไม่เปิดให้ใช้ ยังไม่พอ หากใครไม่สบายก็มักจะมีใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยม หรือมาเฝ้าไข้อีกด้วย
หอพักสยองเรื่องที่แปด : ช่างทาสีหอ 11 (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี)
หอพักสยองเรื่องที่หก : หอในหญิง (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน)
เชื่อกันว่าหอในหญิง ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน เคยเป็นโรงพยาบาลสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน ด้วยความเฮี้ยนของเหล่าวิญญาณที่ยังคงวนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้ วันดีคืนดีคนในหอก็มักจะได้ยินเสียงคนเดินลากโซ่ตรวนไปมา หรือในห้องน้ำหญิงรวมบางคืนจะมีเสียงคนอาบน้ำ แต่พอเดินไปดูไม่มีคนเลยสักคน
หอในหญิงมีตึกใหญ่ 2 ตึก ที่ตึกนึงชั้น 2 เคยมีเด็กตายเนื่องจากเป็นไข้ทับฤดู ช่วงก่อนปิดเทอมซัมเมอร์ พอเปิดเทอมถึงมีคนมาพบศพ ความเฮี้ยนของเธอคนนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหอพักแห่งนี้ เคยมีคนเห็นว่าหลังจากที่เธอเสียชีวิตไปแล้วแต่ก็ยังมานั่งซักผ้าที่ห้องน้ำหน้าห้องอยู่เลย
หอพักสยองเรื่องที่เจ็ด : ผีหอ 5 (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี)
หอ 5 เป็นหอหญิงที่ถูกดัดแปลงมาจากโรงแรมเก่า ใครเข้าไปจะเห็นได้ว่าการออกแบบนั้นออกแบบมาเพื่อเป็นโรงแรมอย่างชัดเจน เป็นหอเดียวที่มีลิฟท์ และที่ลิฟท์นี้เองก็เป็นที่มาของตำนาน "ผีหอ 5" ที่ว่ากันว่าเฮี้ยนสุดๆ ของ มอ.ปัตตานี
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงก่อนปิดเทอม มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปในลิฟท์ แล้วปรากาฏว่าลิฟท์ค้างร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยินจนเปิดเทอม... ภารโรงมาเปิดลิฟท์จึงพบศพญิงสาวนอนแห้งตาย มีรอยเลือดเปรอะเต็มที่ประตู มีเศษเล็บติดที่ประตู เหมือนพยายามจะเปิดประตูลิฟท์ว่ากันว่าใครอยู่ห้องใกล้ลิฟท์ก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนหรือบางครั้งอาจเห็นคนเดินเข้าออก ทั้งๆ ที่ลิฟท์ไม่เปิดให้ใช้ ยังไม่พอ หากใครไม่สบายก็มักจะมีใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยม หรือมาเฝ้าไข้อีกด้วย
หอพักสยองเรื่องที่แปด : ช่างทาสีหอ 11 (มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี)
หอ 5 เป็นหอหญิงที่ถูกดัดแปลงมาจากโรงแรมเก่า ใครเข้าไปจะเห็นได้ว่าการออกแบบนั้นออกแบบมาเพื่อเป็นโรงแรมอย่างชัดเจน เป็นหอเดียวที่มีลิฟท์ และที่ลิฟท์นี้เองก็เป็นที่มาของตำนาน "ผีหอ 5" ที่ว่ากันว่าเฮี้ยนสุดๆ ของ มอ.ปัตตานี
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงก่อนปิดเทอม มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปในลิฟท์ แล้วปรากาฏว่าลิฟท์ค้างร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยินจนเปิดเทอม... ภารโรงมาเปิดลิฟท์จึงพบศพญิงสาวนอนแห้งตาย มีรอยเลือดเปรอะเต็มที่ประตู มีเศษเล็บติดที่ประตู เหมือนพยายามจะเปิดประตูลิฟท์ว่ากันว่าใครอยู่ห้องใกล้ลิฟท์ก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนหรือบางครั้งอาจเห็นคนเดินเข้าออก ทั้งๆ ที่ลิฟท์ไม่เปิดให้ใช้ ยังไม่พอ หากใครไม่สบายก็มักจะมีใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยม หรือมาเฝ้าไข้อีกด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงก่อนปิดเทอม มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเข้าไปในลิฟท์ แล้วปรากาฏว่าลิฟท์ค้างร้องให้คนช่วยก็ไม่มีใครได้ยินจนเปิดเทอม... ภารโรงมาเปิดลิฟท์จึงพบศพญิงสาวนอนแห้งตาย มีรอยเลือดเปรอะเต็มที่ประตู มีเศษเล็บติดที่ประตู เหมือนพยายามจะเปิดประตูลิฟท์ว่ากันว่าใครอยู่ห้องใกล้ลิฟท์ก็มักจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนหรือบางครั้งอาจเห็นคนเดินเข้าออก ทั้งๆ ที่ลิฟท์ไม่เปิดให้ใช้ ยังไม่พอ หากใครไม่สบายก็มักจะมีใครก็ไม่รู้เข้ามาเยี่ยม หรือมาเฝ้าไข้อีกด้วย
หอ 11 มีข่าวว่ามีช่างก่อสร้างกำลังทาสีอยู่แล้วตกลงมาตายที่ชั้น 7 แต่วิญญาณยังห่วงงานอยุ่ซึ่งดึกๆ เด็กหอนั้นจะเห็นแกห้อยตัวลงมาทาสีเป็นประจำ และเคยมีคนที่เคยอยู่ในหอนั้นเล่าให้ฟังว่า ในคืนหนึ่งที่เขาเกิดหิวน้ำขึ้นมาในกลางดึก และได้ลุกออกมาเพื่อจะไปกดน้ำกิน ขณะที่กำลังจะกดน้ำนั้น เขาก็ได้เห็นร่างเป็นเงาดำๆ เดินผ่านทะลุกำแพงไป...จึงกลายเป็นเรื่องเล่าที่มาสนับสนุนความเฮี้ยนของวิญญาณช่างทาสีคนนี้ เล่ากันสืบมาจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง จนกลายมาเป็นเรื่องหลอนๆ ในหอพักมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งเรื่องของ มอ.
หอพักสยองเรื่องที่เก้า : หอ 50 ปี (มหาวิทยาลัยบูรพา)
ที่หอ 50 ปี เทา-ทอง มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากประเทศจีนกระโดดตึกลงมาเสียชีวิต เล่ากันว่าเธอกลุ้มใจหลายๆ เรื่อง ก่อนจะโดดก็กินตะปูเข้าไปด้วย หลังจากนั้นมีคนทรงมาเชิญวิญญาณเธอไป แต่เธอไม่ยอมไป ต่อมารุ่นน้องเด็กปี 1 ที่ต้องอยู่หอนี้ ตอนกลางคืนมักจะมีเรื่องหลอนๆ เช่น เห็นประตูเปิด-ปิดเอง หรือบางคืนก็มีเด็กผู้หญิงที่ตายยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง หรือในบางวันเด็กผู้หญิงคนนี้ก็โดดขึ้นๆ ลงๆ ตึกอยู่อย่างนั้น…ทั้งคืน
แต่ก็ยังมีอีกกระแสถึงข่าวหรือเรื่องเล่าของนักศึกษาสาวชาวจีนคนนี้ จากเพื่อนที่เคยใกล้ชิดว่า เรื่องหอ 50 ไม่มีอะไรน่ากลัวคะ ถ้าฟังเรื่องจริงออกจะน่าเศร้าซะมากกว่า ที่คนประเทศเดียวกันกลับทำกันได้ลงคอ สาเหตุมาจากเพื่อนคนจีนด้วยกันก็ไม่คบ แถมยังล้อเรื่องพ่อแม่ที่ป่วยของเขาอีก เครียดมากเลยตัดสินใจกระโดดตึก ก่อนหน้านี้ก็มีโกนหัว กรีดข้อมือเท่านั้น
หลังจากที่ตายก็มีเรื่องความเฮี้ยนของเธอจากเพื่อนรูมเมทชาวจีนด้วยกันว่า ได้ยินเสียงคนร้องไห้...แล้วก็ไม่มีใครอยากอยู่ห้องนั้นอีกเลย หลังจากที่เค้าโดดหอมาก็มีพระจีนมาเชิญวิญญาณออกแต่ไม่ออก จนครั้งที่สองมาเชิญจึงออก แต่ตามที่เค้าว่ากันไว้ฆ่าตัวตายเป็นบาปอันใหญ่หลวงวิญญาณของเธออาจวนเวียนอยู่ในที่นี้ต่อไปก็ได้...
หอพักสยองเรื่องที่เก้า : หอ 50 ปี (มหาวิทยาลัยบูรพา)
ที่หอ 50 ปี เทา-ทอง มีนักศึกษาแลกเปลี่ยนจากประเทศจีนกระโดดตึกลงมาเสียชีวิต เล่ากันว่าเธอกลุ้มใจหลายๆ เรื่อง ก่อนจะโดดก็กินตะปูเข้าไปด้วย หลังจากนั้นมีคนทรงมาเชิญวิญญาณเธอไป แต่เธอไม่ยอมไป ต่อมารุ่นน้องเด็กปี 1 ที่ต้องอยู่หอนี้ ตอนกลางคืนมักจะมีเรื่องหลอนๆ เช่น เห็นประตูเปิด-ปิดเอง หรือบางคืนก็มีเด็กผู้หญิงที่ตายยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้อง หรือในบางวันเด็กผู้หญิงคนนี้ก็โดดขึ้นๆ ลงๆ ตึกอยู่อย่างนั้น…ทั้งคืน
แต่ก็ยังมีอีกกระแสถึงข่าวหรือเรื่องเล่าของนักศึกษาสาวชาวจีนคนนี้ จากเพื่อนที่เคยใกล้ชิดว่า เรื่องหอ 50 ไม่มีอะไรน่ากลัวคะ ถ้าฟังเรื่องจริงออกจะน่าเศร้าซะมากกว่า ที่คนประเทศเดียวกันกลับทำกันได้ลงคอ สาเหตุมาจากเพื่อนคนจีนด้วยกันก็ไม่คบ แถมยังล้อเรื่องพ่อแม่ที่ป่วยของเขาอีก เครียดมากเลยตัดสินใจกระโดดตึก ก่อนหน้านี้ก็มีโกนหัว กรีดข้อมือเท่านั้น
หลังจากที่ตายก็มีเรื่องความเฮี้ยนของเธอจากเพื่อนรูมเมทชาวจีนด้วยกันว่า ได้ยินเสียงคนร้องไห้...แล้วก็ไม่มีใครอยากอยู่ห้องนั้นอีกเลย หลังจากที่เค้าโดดหอมาก็มีพระจีนมาเชิญวิญญาณออกแต่ไม่ออก จนครั้งที่สองมาเชิญจึงออก แต่ตามที่เค้าว่ากันไว้ฆ่าตัวตายเป็นบาปอันใหญ่หลวงวิญญาณของเธออาจวนเวียนอยู่ในที่นี้ต่อไปก็ได้...
หอพักสยองเรื่องที่สิบ : หอพักหญิงตรงลานเกือกม้า (มหาวิทยาลัยบูรพา)
หอพักหญิงชวนขนหัวลุกนี้ มีเพื่อนสนิทที่เจอผีเข้าจังๆ ที่ห้อง 516 เตียง 7 เป็นเตียงชั้นบน (เตียง 2 ชั้น) เวลาเกิดเหตุอยู่ในช่วงตะวันใกล้โพล้เพล้แล้ว เพื่อนนอนหลับ แต่ระหว่างที่สะลึมสะลือจะตื่น ก็เห็นผู้หญิงไต่เตียงขึ้นไปหา ผู้หญิงที่เห็นใส่ชุดดำ ไว้ผมยาว กระโดดมาทับตัวเพื่อน ดิ้นไม่ได้เลย ทั้งยังบีบคอ จนต้องท่อง นะโมหลายจบ แล้วเขาก็หายไปในที่สุด พอสะดุ้งตื่นมาจริงๆ ไม่เจอใครในห้อง แล้วเตียงนั้นก็ไม่มีใครยอมมานอนอีกเลย
หอพักสยองเรื่องที่สิบเอ็ด : ผีในหอชาย (มหาวิทยาลัยบูรพา)
มีเรื่องเล่ามาเสมอว่าครั้งแต่รุ่น 1 ถึงรุ่น 45 เล่าว่าหอชาย ของมหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อสิบปีก่อนมีนิสิตชายผูกคอตายเหตุจากความล้มเหลวในการเรียน และความรัก หลังจากนั้นก็จะมีผู้พบเห็นเขาในห้องที่เขาผูกคอตายทุกคืน และอีกหอนิสิตชายประสบอุบัติเหตุ เวลา 4 ทุ่ม แต่ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งมีคนพบเขา กำลังนั่งอ่านหนังสือสอบอยู่ และบางคนได้ยินเหมือนมีเสียงคนอาบน้ำอยู่
หอพักหญิงชวนขนหัวลุกนี้ มีเพื่อนสนิทที่เจอผีเข้าจังๆ ที่ห้อง 516 เตียง 7 เป็นเตียงชั้นบน (เตียง 2 ชั้น) เวลาเกิดเหตุอยู่ในช่วงตะวันใกล้โพล้เพล้แล้ว เพื่อนนอนหลับ แต่ระหว่างที่สะลึมสะลือจะตื่น ก็เห็นผู้หญิงไต่เตียงขึ้นไปหา ผู้หญิงที่เห็นใส่ชุดดำ ไว้ผมยาว กระโดดมาทับตัวเพื่อน ดิ้นไม่ได้เลย ทั้งยังบีบคอ จนต้องท่อง นะโมหลายจบ แล้วเขาก็หายไปในที่สุด พอสะดุ้งตื่นมาจริงๆ ไม่เจอใครในห้อง แล้วเตียงนั้นก็ไม่มีใครยอมมานอนอีกเลย
หอพักสยองเรื่องที่สิบเอ็ด : ผีในหอชาย (มหาวิทยาลัยบูรพา)
มีเรื่องเล่ามาเสมอว่าครั้งแต่รุ่น 1 ถึงรุ่น 45 เล่าว่าหอชาย ของมหาวิทยาลัยบูรพา เมื่อสิบปีก่อนมีนิสิตชายผูกคอตายเหตุจากความล้มเหลวในการเรียน และความรัก หลังจากนั้นก็จะมีผู้พบเห็นเขาในห้องที่เขาผูกคอตายทุกคืน และอีกหอนิสิตชายประสบอุบัติเหตุ เวลา 4 ทุ่ม แต่ประมาณ 4 ทุ่มครึ่งมีคนพบเขา กำลังนั่งอ่านหนังสือสอบอยู่ และบางคนได้ยินเหมือนมีเสียงคนอาบน้ำอยู่
หอพักสยองเรื่องที่สิบสอง : หอเพชรรัตน์ (มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์)
ที่หอเพชรรัตน์มีเรื่องที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมี นักศึกษา นอนอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษา คนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป
หอพักสยองเรื่องที่สิบสาม : หอชายเก่า (มหาวิทยาลัยรังสิต)
ที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลาจึงมีนักศึกษาเข้า-ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมฝุ่นตลบ มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าอย่ายืนทับที่...หลังจากนั้นก็มีการทำบุญหอกันมาทุกๆ ปี
หลังจากที่ได้ฟังตำนาน เรื่องเล่าของหอพักจากมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ว อาจทำให้น้องๆ ขวัญผวากันได้ แต่น้องใหม่ก็อาจไม่รู้ทุกเรื่อง ใครที่อยู่ “หอใน” ก็ต้องทำใจว่ามีผีแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยคุ้มครองเราอยู่ อย่าลืมสวดมนต์ไหว้พระ พร้อมกับไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าไปอยู่ในหอนั้นๆ เพื่อความสบายใจ ใครไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะจะบอกให้!!!
ที่หอเพชรรัตน์มีเรื่องที่เล่าขานกันมาว่าครั้งหนึ่งมี นักศึกษา นอนอยู่ในห้องพักคนเดียวได้ยินเสียงคนเดินมาช้าๆ จนเสียงนั้นเดินเข้ามาใกล้ๆ ห้องพัก นักศึกษา คนนั้นจึงมองลอดช่องตาข่ายมุ้งลวดออกไปดู ปรากฏว่าเห็นคนนุ่งโจงกระเบนสีแดงลากโซ่ตรวนเดินผ่านไป
หอพักสยองเรื่องที่สิบสาม : หอชายเก่า (มหาวิทยาลัยรังสิต)
ที่หอชายเก่าในช่วงที่ใกล้จะสร้างหอเสร็จ มีการติดตั้งลิฟต์ และคืนนั้นมีคนงานกินเหล้ากันตามปกติ จนกระทั่งตี 1 มีคนงานคนหนึ่งตกลงไปที่ชั้นล่างใต้ลิฟต์แล้วปีนขึ้น มาไม่ได้ เพราะความเมา และคนงานคนนั้นก็เลยถูกลิฟต์ทับ ในเวลาต่อมาหลังจากที่หอเปิดได้ไม่นานก็มีนักศึกษาเข้าอยู่เต็ม และหอนี้ไม่เคยปิดเป็นเวลาจึงมีนักศึกษาเข้า-ออกเป็นประจำ จนตี 2 ของคืนหนึ่ง มีนักศึกษากลับมาจากข้างนอกแล้วเดินขึ้นลิฟต์ตามปกติ หลังจากกดชั้นที่พัก ลิฟต์ก็เคลื่อนที่ไปได้สักพักแล้วก็หยุด พร้อมๆ กับไฟดับและมีเสียงร้องดังออกมาข้างนอก จากนั้นลิฟต์ก็เปิดออกพร้อมฝุ่นตลบ มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าอย่ายืนทับที่...หลังจากนั้นก็มีการทำบุญหอกันมาทุกๆ ปี
หลังจากที่ได้ฟังตำนาน เรื่องเล่าของหอพักจากมหาวิทยาลัยต่างๆ แล้ว อาจทำให้น้องๆ ขวัญผวากันได้ แต่น้องใหม่ก็อาจไม่รู้ทุกเรื่อง ใครที่อยู่ “หอใน” ก็ต้องทำใจว่ามีผีแน่นอน แต่ก็อย่าลืมว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะช่วยคุ้มครองเราอยู่ อย่าลืมสวดมนต์ไหว้พระ พร้อมกับไหว้เจ้าที่เจ้าทางก่อนเข้าไปอยู่ในหอนั้นๆ เพื่อความสบายใจ ใครไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะจะบอกให้!!!
Credit Manager
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น