เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ถ้ารู้อย่างนี้… ถ้าหาก… อีกหลายคำพูดที่แสดงถึงความเสียใจ หรือเสียดายโอกาสอะไรก็ตาม เราคงเคยได้ยินมานักต่อนักแล้ว และทุกครั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูดประโยคเหล่านี้ออกมา ก็คงเป็นบทเรียนชีวิตที่น่าจดจำ แต่ก็แปลกที่เรายังคงซ้ำรอยเดิมอยู่บ่อย ๆ จริงไหมคะ แต่ถ้าชีวิตนับต่อจากนี้ไป คุณไม่ต้องการจะเสียใจ หรือเสียดายกับสิ่งที่ทำอีกแล้ว ลองมาดู 10 อย่างที่ควรต้องเลี่ยง ก่อนเสียใจในภายหลังกันก่อนดีกว่า เรื่องแบบนี้รู้ไว้ก็ใช่ว่า อย่างน้อยก็น่าจะเตือนสติเราได้บ้างล่ะเนอะ
1. สวมหน้ากากเพื่อเอาใจคนอื่น
สังคมสมัยนี้อาจบีบบังคับให้คุณต้องยอมสวมหน้ากากเพื่อเอาใจใครต่อใครบ้าง แต่อย่าปล่อยให้หน้ากากที่ว่ามาปิดบังตัวตนคุณจนหมดสิ้น เพราะในวันหนึ่งคุณอาจจะหลงลืมความเป็นตัวเองอย่างหมดจด เพราะมัวแต่แสดงเป็นคนในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น จนในที่สุดก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร เนื้อแท้ของตนเป็นอย่างไร กลายเป็นคนที่ไร้หลักยึดที่แน่นอน ต้องคอยโอนเอียงไปทางนั้นที ทางนี้ที แล้วแต่คนอื่นจะชี้ทาง หรือจูงจมูก ซึ่งก็แน่นอนว่า คุณคงมีความสุขอยู่บนโลกที่หลอกตัวเองได้ไม่นานนัก
ฉะนั้นหากไม่อยากต้องเสียดายช่วงเวลาของการใช้ชีวิตอย่างอิสระ ก็อย่าใส่ใจความคิดเห็นของคนอื่นมากนัก เป็นตัวเองในแบบที่คุณอยากเป็นจะดีกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครด้วยนะคะ
2. ปล่อยให้คนอื่นวาดความฝันให้
การมีความฝันและจุดมุ่งหมายเป็นของตัวเอง เป็นแรงบันดาลใจที่ดีที่สุดในชีวิตคนคนหนึ่ง แต่หากว่าคุณไขว้เขว และปล่อยให้บุคคลอื่นมาร่างความฝันให้ แล้วความภาคภูมิใจที่ได้หาตัวเองเจอ และเดินตามล่าฝันจะหาได้จากไหนล่ะ
ดังนั้นหากอยากใช้ชีวิตให้คุ้ม ก็ควรต้องรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองซะก่อน แล้วออกเดินทางตามฝันที่ตัวเองขีดไว้ ไม่ว่าสุดท้ายปลายทางจะเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยคุณก็จะยังมีรอยยิ้มฉาบใบหน้าตลอด เพราะสิ่งที่คุณถือติดมาด้วยก็คือพลังใจ และความภาคภูมิใจในตัวเองยังไงล่ะ
สังเกตไหมคะว่า คนที่มองโลกในแง่ร้ายมักจะหาความสุขได้ยาก นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่รู้จักปล่อยวาง แต่กลับถือความโกรธแค้น และความคิดในแง่ที่ไม่สร้างสรรค์ให้วนเวียนอยู่ในสมอง ลามมาทำให้จิตใจขุ่นมัวไปด้วย ในที่สุดก็เลยฝังตัวเองอยู่กับโลกที่ต้องขมวดคิ้ว หารอยยิ้มมอบให้กันลำบากเหลือแสน ในเมื่อรู้ว่าต้องเป็นอย่างนี้ แล้วยังจะมีคนอยากมองโลกในแง่ร้ายอยู่อีกไหมล่ะ ?
4. เห็นแก่ตัว อีโก้จัด
คนที่เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง และกักเก็บมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อยให้ใคร ชั่วชีวิตของคนคนนั้นก็คงไม่มีทางได้รู้จักความสุขของการแบ่งปัน รอยยิ้มที่จริงใจ และอาการตัวเบาที่ได้มอบความสุขให้บุคคลอื่นแน่ ๆ ส่วนคนที่อีโก้สูงจัด เขาก็คงไม่มีทางได้พบกับความรู้ใหม่ ๆ ในแง่ที่เขาไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อนในชีวิต เพราะไม่เคยฟังใคร อีกทั้งไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นด้วย จับตัวเองขังอยู่ในกะลาที่หลงคิดว่าใหญ่คับโลก ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงกะลาใบเล็ก ๆ ที่บดบังแสงสว่างในชีวิตเขาทั้งหมด แบบนี้ชีวิตก็คงพลาดอะไรหลายอย่างเลยทีเดียวเนอะ
5. ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่อยากเติบโต
ขนาดโลกยังหมุนไปทุก ๆ วัน นาฬิกาก็เดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง (ถ้าถ่านไม่หมดก่อนอ่ะนะ) แล้วเราจะมัวย่ำอยู่กับที่เพื่ออะไร หากคุณไม่อยากเปลี่ยนแปลงเพราะกลัวความไม่แน่นอน แต่อดีตก็เป็นสิ่งที่ย้อนกลับมาไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นหากมัวเสียเวลาไปกับความขลาดกลัว จนไม่ยอมเดินหน้า หรือเรียนรู้โลกเพื่อให้ตัวเองโตขึ้น คุณก็คงไม่ต่างอะไรกับไดโนเสาร์ ที่เมื่อถึงเวลาก็ล้าสมัย และหมดยุคไปในที่สุด
6. ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค
จำไว้ว่าชีวิตไม่มีคำว่าแพ้ ไม่ว่าคุณจะเจอกับความยากลำบากอะไร ให้ถือว่าทุกอย่างเป็นแบบทดสอบ ที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้วิธีเอาตัวรอดในระดับสูงขึ้นไปอีกขั้นเสมอ ดังนั้นหากคุณถอดใจยอมแพ้ตั้งแต่เห็นอุปสรรคลาง ๆ คุณคงพลาดโอกาสทดสอบศักยภาพของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย และถ้าคิดว่าค่อยไปหาประสบการณ์ในวันที่พร้อม บางทีกว่าจะถึงวันนั้นก็อาจจะสายไปแล้วก็ได้
7. เก็บรายละเอียดยิบย่อย
มีคนจำนวนไม่น้อยชอบความเพอร์เฟคท์ในชีวิต ทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาจะต้องเนี้ยบหาที่ติไม่ได้ แต่เอาจริง ๆ ในโลกนี้หาสิ่งที่สมบูรณ์พร้อมแทบจะไม่มีเลย ฉะนั้นหากคุณมัวแต่มานั่งเก็บรายละเอียด และเจ้าระเบียบกับชีวิตไปซะทุกเรื่อง ก็คงปวดหัวเปล่า ๆ ถ้าอย่างนั้นลองเปลี่ยนนิยามความสมบูรณ์แบบ เป็นความพอใจ และเข้าใจในความไม่สมบูรณ์แบบของสิ่งต่าง ๆ น่าจะเวิร์กกว่านะ
8. มานะบากบั่นไม่พอ
บางอย่างในชีวิตเราต้องใช้ความอดทนกับมันอย่างมาก จนกว่าจะถึงจุดที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จก็ใช้เวลานานพอดู แต่สำหรับคนที่ความอดทนไม่ถึงขีดสุด ความมานะและความบากบั่นไม่เพียงพอ ก็อาจจะพลาดโอกาสได้เห็นเส้นชัยไปได้ ทั้ง ๆ ที่แค่อดทนอีกนิด พยายามอีกหน่อย ก็จะเดินเข้าสู่เส้นชัยแล้ว แต่เขากลับเลือกที่จะหยุดเดิน และหันหลังกลับไปทั้ง ๆ ที่ในมือยังคว้าอะไรไปได้ไม่เท่าไร เป็นแบบนี้ก็เสียดายโอกาสได้ลิ้มรสชาติของความสำเร็จที่หอมหวานนะคะ
9. ผัดวันประกันพรุ่ง
นิสัยแบบนี้คงเคยเกิดขึ้นกับเราทุกคน แต่อย่าลืมนะคะว่า เวลาไม่เคยรอใคร และทุกวันนี้เราก็ใช้ชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอนตลอดเวลา ซึ่งนั่นก็หมายความว่า คุณไม่มีทางรู้ได้เลย ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราบ้าง บางครั้งเราอาจจะเจอเรื่องที่ไม่คาดฝัน หรือเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกเสียดายโอกาสที่ผ่านมา ซึ่งเราไม่สามารถย้อนกลับไปยืนตรงจุดนั้นได้อีกแล้ว ดังนั้นเลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง แล้วใส่ความกระตือรือร้นให้ชีวิตดีกว่า
10. ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ
ชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องจริงจังไปกับทุกเรื่อง แต่จะใช้ชีวิตแบบไร้แก่นสารก็คงไม่ไหวเหมือนกันเนอะ เพราะคนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไม่วิ่งตามความฝัน และนั่งรอโอกาสให้หล่นมาอยู่ในมือ ก็คงไม่ต่างอะไรกับคนที่นั่งรอให้ลมพัดผ่านไป เผาเวลาชีวิตไปวัน ๆ อย่างไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันกลับมา สุดท้ายเมื่อถึงบั้นปลายชีวิตที่พอจะตระหนักได้ วันนั้นก็คงสายไปแล้วล่ะ
10 พฤติกรรม และความคิดทั้งหมดนี้ ก็เป็นเพียงอุปสรรคเล็ก ๆ ที่คอยขัดขวางความก้าวหน้าของเรา ซึ่งหากคุณไม่อยากเป็นคนล้าหลัง และจมอยู่กับคำว่าเสียดาย ก็พยายามเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมซะใหม่ดีกว่าจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น