Name : Elle
University : Mahidol University International College
Major : Comunication Design
University : Mahidol University International College
Major : Comunication Design
Communication Design นิเทศน์ศิลป์
เราจะได้เรียนเกี่ยวกับ การออกแบบทุกอย่าง ออกแบบตัวอักษร ออกแบบผลิตภัณฑ์ กราฟฟิกดีไซน์ สำหรับคนเรียนทางด้านนี้ก็ควรจะมีใจรักทางด้านศิลปะ ไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่เราก็ต้องขวนขวายและพัฒนาตัวเองระหว่างเรียนเสมอ
การค้นหาตัวเอง
สำหรับคนที่ยังไม่รุ้ว่าตัวเองชอบอะไร ก็ขอแนะนำให้อยู่กับตัวเองมากขึ้น และถามตัวเองว่าเราชอบอะไร ถนัดด้านไหน อยากให้ลองสังเกตุตัวเองว่าสามารถทำสิ่งไหนได้ดี หรือไม่ก็ถามเพื่อน ว่าเพื่อนมองเห็นอะไรในตัวเราบ้าง
บุคลิกของนักออกแบบ
ต้องเป็นคนเปิดเผยและยอมรับสิ่งใหม่ๆที่เขามา และเป็นคนช่างสังเกตุ คอยสังเกตุสิ่งเล็กๆน้อยที่บางครั้งคนอื่นมองว่าไม่สำคัญ ที่สิ่งเล็กๆเหล่านี้อาจจะเป็นหัวใจสำคัญของแรงดันบาลใจในการออกแบบชิ้นงาน
ศิลปิน กับ การออกแบบ
ทุกคนที่เรียนทางด้านนี้ก็อยากเป็นศิลปินกันหมด แต่การที่จะเป็นศิลปินได้คงจะต้องมีอะไรที่โดดเด่นมากๆ ผลงานแต่ละชิ้นจะต้องส่งความรู้สึกถึงผู้ชม ทำให้ผู้ชมรู้สึกได้เลยว่าเราคือศิลปิน เหมือนกับว่า เราไม่สามารถบอกตัวเองได้ว่า เราคือศิลปินแต่ต้องให้คนที่ชมผลงานของเราบอก แต่ถึงยังไงการเป็นศิลปินก็ไม่ใช่เรื่องงาน อย่างศิลปินบางท่านใน 1 ปี ผลิตผลงานได้เพียง 2 ชิ้น
แต่สำหรับการออกแบบก็จะต่างกับศิลปิน เพราะเรา ออกแบบมาเพื่อให้คนใช้งาน ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย บางครั้งเราไม่อาจจะใส่ความเป็นตัวตนของเราไปได้ เพราะเราต้องคำนึกถึงกลุ่มเป้ามหมายเป็นหลัก
ศิลปะทำงานหนักจริงหรอ
ในความคิดของ แอล คิดว่าทุกสาขาเรียนต่างกันไป อย่างวิทยาศาสตร์ พวกเขาต้องทำแลปทั้งวัน จดบันทึกทั้งวัน สายสังคมก็ต้องติดตามข่าวสารอยู่ตลอด เด็กบริหารก็มีโปรเจค หนังสือก็เยอะ แต่สำหรับสาขาที่เน้น ศิลปะเราจะเน้นปฎิบัติ ทุกวิชาที่เรียนก็จะมีการบ้าน บางครั้งเราทำงานเสร็จแล้วเกิดไม่พอใจเราก็ต้องทำใหม่ บางครั้งอาจให้แก้ เราก็ต้องแก้ TT^TT เรื่องอดนอนเป็นปกติ นอนตี 2 ตี 3 ตลอด
Comment จากอาจารย์
แอล คิดว่า แล้วแต่อาจารย์ แต่ละท่าน สำหรับอาจารย์ที่ MUIC เป็นอาจารย์ที่ตรงไปตรงมา ถ้ามันไม่ดี อาจารย์ก็จะพูดออกมาตรงๆ เพื่อที่จะทำให้เราได้เห็นว่า มันไม่ดีจริงๆเราจะได้นำคำวิจารย์กลับมาพัฒนาข้อผิดพลาดของเรา การที่อาจารย์ติชมผลงานของเรา ก็เหมือนกับการขัดเกลาเรา ถึงแม้มันจะเจ็บ ( T__Y ) แต่มันก็ส่งผลดีต่อเราทั้งสิ้น และเราก็เข้าใจอาจารย์ว่าเค้าหวังดีกับเรา
การได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก
ช่วงสมัยมปลายก็มี ความคิดไม่ตรงกับพ่อแม่บ้าง เพราะเราอยากเรียนศิลปะ แต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน ก็เลยต้องจำใจเข้าสาขาอื่น ตอนแรก แอลก็ไม่คิดว่าติด MUIC ด้วย เพราะคิดว่าที่นี่ยากแต่ก็ลองสอบดูติด Pre3 ซึ่งก็ถือว่าดีมากแล้วเลยตัดสินใจเรียนที่นี่ โดยเรียนการโรงแรม แต่พอเรียนไปก็รู้ตัวเลยว่าไม่รอดเพราะเราไม่ถนัดเลขจริง ๆ พอหลังจากได้เรียนสังคมดีกว่าเพราะคิดว่าน่าจะเรียนวิชาพวกท่องจำได้ดีกว่า ผลเกรดออกมาแบบว่าห่วยมาก T___T พอปี 2 ก็รู้ว่า MUIC จะเปิดสอน สาขา Communication Design ดีใจมากและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เรียนสาขานี้ พอเราได้เรียนสาขานี้ผลการเรียนของเราก็ดีขึ้นตามลำดับ ทำให้รุ้ได้เลยว่าถ้าได้ทำหรือเรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก ผลก็จะออกมาดี
อยากฝากอะไรถึงน้อง ๆ
ถ้าใครอยากเข้าคณะนี้ ก็อยากให้มีใจรัก และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ยอมรับในคำวิจารณ์ และสำหรับที่ MUIC สิ่งที่คัญที่สุด คือ ผ่านภาษาอังกฤษให้ได้ 555 เพราะภาษาที่นี่ถือว่ายากมาก วิชาอื่นๆก็ผ่านกันหมดแต่ไม่ผ่าน อังกฤษนี่แหละ T__Y
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น