สวัสดีค่ะน้องๆ แป๊บๆ ก็วันเสาร์อีกแล้ว แต่เสาร์นี้ (12 พ.ย.) พี่มิ้นท์และพี่ๆ ทีมงาน Dek-d.com โกอินเตอร์ไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ค่ะ อิอิ ก็เลยทำบทความนี้ไว้ล่วงหน้าซักหน่อย เพื่อให้เข้ากับความรู้สึกของน้องๆ ม.6 พี่มิ้นท์ได้รวบรวมสารพัดเรื่องน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับน้องๆ รุ่นนี้มาโดยเฉพาะ มาดูกันว่า 5 เรื่องที่เด็กแอดฯ 55 รู้สึกกลัว นั้นจริงรึป่าว?
กลัว ที่ 1 : กลัวระบบการสอบ ก็แหม..ให้ตื่นเต้นตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย.เลย หลังจากที่รู้ว่าวิธีรีบตรงเปลี่ยนไป มีการรับตรงกลาง หรือ เคลียริ่งเฮ้าส์เพิ่มขึ้นมา ที่สำคัญมันไม่ได้จบแค่นั้น ยังต้องสมัครสอบ 7 วิชาอีกด้วย ส่วน กสพท.ก็เปลี่ยนสอบวิชาสามัญด้วยเหมือนกัน บางทีข่าวก็ออกมาเปลี่ยนรายวันเลยทีเดียว ถือว่าเป็นรุ่นแรกที่ต้องเจอการเปลี่ยนแปลงระบบครั้งใหญ่ เป็นใครก็ต้องกลัวทั้งนั้น เพราะกลัวว่าจะไม่มีคุณภาพ มีช่องโหว่ ที่สำคัญ กลัวตัวเองจะตามข่าวไม่ทัน เพราะอะไรก็ใหม่ๆ เกือบหมด ตามไม่ทันที เสร็จแน่!!
วิธีกำจัดความกลัว อย่าตื่นเต้นหรือตีโพยตีพายเกินเหตุ แม้ว่าจะเป็นปีแรกที่เปลี่ยนแปลงระบบบางส่วน แต่ก็อยากให้เข้าใจว่า กว่าจะออกมาเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ก็ต้องผ่านการประชุมมาพอสมควร ช่องโหว่ทางผู้ใหญ่ก็พยายามอุด เพราะฉะนั้นหันมาสนใจตัวเองดีกว่า ตีสนิทกับอาจารย์ห้องแนะแนวไว้ พักกลางวันก็ลองไปถาม เผื่อมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ หรือไม่ก็ตามข่าวจากทางอินเทอร์เน็ตนี่แหละค่ะ เล่นกันบ่อยอยู่แล้วใช่มั้ยละคะ
กลัว ที่ 2 : กลัว เลื่อน ปัญหานี้ไม่แน่ใจว่าเคยเกิดกับรุ่นอื่นมั้ย แต่ที่แน่ๆ สำหรับรุ่น 55 เลื่อนกันจนจะเป็นโรคเลื่อนอยู่แล้ว ถ้าตามข่าวกันดีๆ ทั้งสอบตรง หรือสอบระดับประเทศเลื่อนกันเป็นรายวันเลยทีเดียว บางคนที่เตรียมตัวมาดี ก็กลัวจะลืมที่ท่องๆ มาซะก่อน แต่เรื่องนี้เป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ถ้าน้ำไม่ท่วม ทุกอย่างคงปกติ แต่ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ค่อยคลี่คลายเท่าที่ควร ดังนั้น น้องๆ ก็เลยผวา กลัว "เลื่อน" อีก
วิธีกำจัดความกลัว ทำตัวให้พร้อมอยู่เสมอ ถ้าพร้อมแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน เพราะความรู้อยู่กับตัวแล้ว และติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
กลัว ที่ 3 : กลัวสู้คนอื่นไม่ได้ ความกลัวนี้เป็นความกลัวขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะธรรมชาติของมนุษย์ ชอบระแวง และไม่มั่นใจในตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งแอดมิชชั่นปีๆ นึง มีคนสอบเป็นแสนๆ คน แข่งกับคนทั้งประเทศ จะมีซักกี่คนที่มั่นใจว่าฉันแอดฯ ติดแน่นนอน และยิ่งปี55 ความกลัวนี้ก็ยิ่งทวีคูณ เพราะ เลื่อนสอบกันอุตลุด ทำให้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้น ไอจิตที่เคยวิตกว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ ก็อาจจะวิตกมากขึ้นกว่าเดิม เพราะกลัวว่าคนที่พร้อมอยู่แล้ว จะอ่านทวนจนแม่นน่ากลัวขึ้นอีก นี่แหละหนาชีวิต!
วิธีจัดการความกลัว ก็รู้อยู่แล้วนี่ว่ามีเวลาเพิ่มขึ้น อย่ามัวแต่ระแวงว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้เลย ตอนนี้ทุกคนมีเวลาเพิ่มเท่ากัน อยู่ที่การจัดการชีวิตตัวเอง เรื่องความรู้ที่มีอาจเป็นรอง แต่ความขยันและความพร้อมจะทำให้เราตีตื้นคนอื่นได้นะ ลองดูสิ
กลัว ที่ 4 : กลัวเด็กซิ่ว ในสนามแอดมิชชั่น สำหรับน้องๆ ม.6 นอกจากจะเห็นเพื่อนๆ เราเป็นคู่แข่งแล้ว เด็กซิ่วก็คือ คู่แข่งตัวฉกาจเหมือนกัน สาเหตุที่กลัวก็เพราะว่า พี่ๆ เค้ามีคะแนนอยู่ในมือแล้ว ที่สำคัญบางคนได้เข้าคลาสระดับชั้นมหาลัยแล้ว ความรู้ก็ต้องมีมากกว่า ถ้ามาสอบ gat pat อีก อาจจะได้คะแนนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้จำนวนคนที่สอบเข้ามีสูงขึ้น แต่ไม่ห่วงหรอกนะคะ จริงๆ แล้วพี่ๆ เด็กซิ่ว เค้าก็กลัวน้องๆ อยู่เหมือนกัน
วิธีจัดการความกลัว เอาความกลัวมาเป็นพลัง เป็นแรงบันดาลใจให้ฮึดอ่านหนังสือดีกว่า ส่วนเรื่องจะเก่งขึ้นหรืออะไรนั้น พี่มิ้นท์คิดว่าแต่ละปี ข้อสอบมีมาตรฐานเท่ากันค่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เปิดโอกาสให้ซิ่วได้แบบนี้ อีกอย่างพี่มิ้นท์อยากให้มองในเรื่องของความเสมอภาค อย่าคิดว่าเค้ามาแย่งที่นั่งของเรา ให้มองว่าการเรียนไม่ตรงกับที่อยากเรียนมันเป็นความทรมานอย่างนึง การออกมาซิ่วใหม่ มันเสี่ยงยิ่งกว่าเดิมอีกนะ เพราะฉะนั้น อย่ามัวแต่กลัว เตรียมตัวเองให้พร้อมเหมือนเดิม ดีที่สุด!!
กลัว ที่ 5 : กลัวอ่านหนังสือไม่ทัน ถ้าน้องๆ คนไหนเห็นตารางสอบที่ติดๆ กันหลังเดือนธันวาคม อาจจะเผลอกรี๊ดลั่นบ้านแน่ๆ เพราะผลของการเลื่อนสอบ ทำให้การสอบ gat pat เลื่อนสอบตรงเลื่อน จนติดกันทุกเสาร์-อาทิตย์ ไหนจะมีสอบกลางภาค ปลายภาคของโรงเรียนอีก พอเอามาเทียบหาเวลาที่เหลือให้อ่านหนังสือมันก็น้อยลงเต็มที ถึงจะมาเป็นความกลัวลำดับที่ 5 แต่พี่มิ้นท์เชื่อว่า เป็นความกลัวที่ส่งผลต่อคะแนนสอบแน่ๆ เชียว
วิธีจัดการความกลัว ถ้ารู้ว่ามีเวลาน้อย ก็เลิกเที่ยวเล่นซะ พักผ่อนด้วยวิธีอื่นดีกว่า เช่น นอน ออกกำลังกาย การเที่ยวจะทำให้เราขี้เกียจ เพราะมัวแต่ห่วงเที่ยว สอบเสร็จค่อยเที่ยวให้รางวัลกับตัวเองก็ได้ นอกจากนี้ น้องๆ ยังต้องรู้ว่าตัวเองต้องสอบอะไรบ้าง แล้ววางแผนการอ่านหนังสือให้ดีๆ อย่าสบายตอนแรกแล้วมาอ่านจนหืดขึ้นคอทีหลัง อนาคตอยู่ในมือเราแล้วนะคะ เสียเวลากับมันแค่ไม่กี่เดือน แต่ผลของมันคืออนาคตของเราทั้งชีวิต คิดแบบนี้แล้ว รู้สึกฮึดขึ้นมาบ้างรึยัง
credit:dekd
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น