สังคมการศึกษาในบ้านเรา ผู้ปกครองส่วนใหญ่เห็นว่าการเรียนนั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่าการทำกิจกรรมต่าง โดยเฉพาะเด็กที่กำลังศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ผู้ปกครองส่วนใหญ่ต่างก็อยากให้บุตรหลานตั้งใจเรียน เพื่อที่จะได้เกียรตินิยมเพราะเชื่อว่านั่นคือ ใบเบิกทางที่จะทำให้บุตรหลานของตนได้ทำงานที่มั่นคง และรายได้ดี
การที่ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องเรียนนั้นไม่ใช่เรื่องผิด แต่สิ่งที่ยากกว่าการเรียนนั้นคือการออกมาทำงานจริงเนื่องจากการทำงานจริงเขาจะเจอคู่แข่งที่หลากหลาย และอาจจะมีประสบการณ์มากกว่า การเข้าร่วมกิจกรรมนอกห้องเรียนก็จะช่วยทำให้พวกเขามีภูมิต้านทานที่ดีก่อนออกไปสู่โลกของการทำงาน เพราะการทำกิจกรรมนอกห้องเรียนจะช่วยให้เขาได้เรียนรู้ในการวิธีการแก้ไขปัญหา มีความรับผิดชอบ และความอดทน เช่นอาจจะเข้าร่วมสโมสรนักศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยพร้อมที่จะให้นักศึกษาทุกคนเข้ามาแสดงความสามารถอยู่แล้วที่เหลือก็อาศัยเพียงแค่ความตั้งใจของเขาเท่านั้นเอง ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวเข้าสู่โลกการทำงานได้ง่ายกว่าคนที่ไม่สนใจทำกิจกรรม นอกจากนี้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนจะพิจารณาผลการปฏิบัติกิจกรรมที่หลากหลายประกอบการตัดสินใจในการรับเข้าทำงานด้วย เพราะเขาเห็นว่านักศึกษาที่ทำกิจกรรมนั้นสามารถนำประสบการณ์ที่เด็กๆ ได้รับมาปรับประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องสนใจทำกิจกรรมเพียงอย่างเดียวจะต้องรู้จักแบ่งเวลาให้สมดุลกับการเรียนอีกด้วย ง่ายๆ คือ รู้รัก รู้เรียน รู้เล่น
ดังนั้นการเรียนเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กคนนั้นจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แต่การเรียนรู้จากกิจกรรมนอกห้องเรียนจะทำให้เขาได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่มีสอนในห้องเรียน อีกทั้งพวกเขาก็จะได้สัมผัสถึงวิธีการทำงานจริงอีกด้วย
Cr.ข้อมูล http://www.stou.ac.th/study/sumrit/8-56%28500%29/page2-8-56%28500%29.html
Cr.ภาพ up.ac.thและ www2.eduzones.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น