อาชีพแพทย์มีแต่คนพูดข้อเสียต่างๆมากมายทั้งใน webboard หรือในวงสนทนาต่างๆบางทีน้องๆที่เรียนแพทย์ หรือ ชอบวิชาชีพนี้กำลังจะสอบเข้าอาจจะหดหู่ หรือ ท้อใจได้ทำไมอาชีพนี้ มันรันทดอย่างนี้(วะ) ผมจะขอพูดถึงข้อดีของการเป็นหมอข้อเสียขอไม่พูดถึงเลยเพราะคิดว่าคงรู้กันมามากพอแล้วก่อนอื่นขอย้ำก่อนนะครับ ว่าข้อดีเหล่านี้จะเกิดได้ต้องอยู่บนพื้นฐานว่า 'ชอบ หรือ รัก' ในงานด้านนี้เป็นสำคัญครับ
1. เรียนหมอสนุกมากนะ
ได้รู้จักร่างกายมนุษย์ว่าทำงานอย่างไร โรคต่างๆมีกลไกการเกิดโรคอย่างไร พอขึ้นชั้นคลีนิกก็ได้เรียนรู้กับคนไข้จริงๆ ฝึกให้คิด มีเรื่องน่าค้นหามากมายเป็นประโยชน์กับเราเองและคนที่เรารักรู้ว่าควรดูแลตัวเองอย่างไรให้สุขภาพแข็งแรงไม่โดนโฆษณาชวนเชื่อต่างๆหลอกได้ด้วย
2. เวลาพ่อแม่เราป่วยไข้หรือไม่สบาย
เนื่องจากเราอยู่ในวงการอยู่แล้วรู้จักอาจารย์ รุ่นพี่ รุ่นน้อง มากมายการเข้าถึงการรักษาของพ่อแม่เราก็จะดีและเร็วตามไปด้วย
3. การทำงานทุกวันของแพทย์
เหมือนเราได้ทำบุญทุกวัน มีกี่อาชีพที่ทำได้แบบนี้แม้จะมีเรื่องบูลชิททั้งหลายแหล่ ทุกวันในเนื้องานแต่มันมักจะมีเรื่องดีๆซ่อนอยู่เสมอคนไข้น่ารักๆ มีเยอะครับเรื่องราวดีๆหล่านี้ อาจจะหาไม่ได้จากอาชีพอื่นการที่เราได้ช่วยชีวิตคน มันสุขใจอย่างบอกไม่ถูกรวยล้นฟ้ามีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้นะครับ ความสุขแบบนี้
4. สังคมไทยทุกวันนี้ มองแพทย์ไม่เหมือนสมัยก่อนก็จริง
กระนั้นก็ตาม แพทย์ก็ยังเป็นอาชีพที่ค่อนข้างมีเกียรติในสังคมไทยอยู่อยากให้ระลึกไว้เสมอว่า เกียรติที่เรายังได้รับจากสังคมทุกวันนี้มาจาก 'ความดี' ของแพทย์รุ่นพี่ๆที่เสียสละเพื่อคนไข้และสังคมการที่เรามีคำนำหน้าว่า นายแพทย์ หรือ แพทย์หญิงเวลาไปติดต่องาน หรือ ทำธุรกรรมอะไร ส่วนใหญ่เค้ามักจะให้เกียรติ
5. หมอเหนื่อยมาก แต่มันจะเหนื่อยมากๆแค่ช่วงเรียน ใช้ทุน และ เทรนนิ่ง
เมื่อจบเป็นแพทย์เฉพาะทางแล้ว เราเลือกได้ครับ ว่าจะเหนื่อยต่อ หรือ ผ่อนลงมาและ อาชีพอื่นๆเค้าก็ไม่ใช่ไม่เหนื่อย ไม่ลำบาก นะครับอย่าง สถาปนิก วิศวกร พนักงานบริษัท ไม่มีสบายแน่นอน เพียงแต่ปัญหาจากการทำงานของเค้า อาจจะมีรูปแบบแตกต่างออกไปเท่านั้น
6. พูดถึงทางเลือก หมอมีทางเลือกเยอะนะครับ
จบแพทย์ใช้ทุน 3 ปีแล้วสามารถ
- เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางสาขาที่เราชอบ
- อยู่รพช. ต่อไป เป็นผู้อำนวยการรพ. ถ้าชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ ผมว่าแฮปปี้มากนะครับ
- ออกมาทำ GP ในรพ.เอกชน แต่อนาคตข้างหน้า อาจจำเป็นต้องทำ FM บอร์ด เพิ่ม
- ออกมาทำคลีนิกผิวหนังในเมือง
- ออกไปทำธุรกิจอื่นๆ ลงทุน เล่นหุ้น
- เลือกสายบริหารก็ได้
การเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางไม่สามารถทำได้ทุกคนเนื่องจากพื้นที่จำกัด ทุกวันนี้มีแพทย์จบปีละราวๆ 3000 คน
แพทยสภารับรองตำแหน่งเทรนนิ่งได้ราวๆ 1500 คนประมาณครึ่งนึงที่อาจจะไม่ได้เรียนต่อแต่ถ้าจบแพทย์เฉพาะทางแล้ว ก็มีทางเลือกอีกมากมายขึ้นกับว่าตัวเราชอบแบบไหน
- เป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์
- ทำงานในรพศ หรือ รพท ถ้าไม่ชอบสอนหรือชอบทำวิจัยมากๆ
- ทำงานในรพ.เอกชน
- ลงทุน ทำธุรกิจ เล่นหุ้น
- สายบริหาร
7. ข้อนี้ไม่ควรเรียกว่าเป็นข้อดี
แต่เรียกว่าข้อเท็จจริงที่ควรรู้มากกว่าหมอเป็นอาชีพที่มั่นคงครับ ไม่ตกงานแน่นอน ถ้าเราไม่เลือกที่ทำงานส่วนเรื่องรายได้ผมคิดว่าน้องๆที่จะสอบเข้า สมควรได้รู้ครับไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด เพราะ หมอก็คน ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องดูแลครอบครัวเหมือนอาชีพอื่นๆแพทย์รายได้ถือว่าค่อนข้างดีถ้าเทียบกับอาชีพอื่นโดย 'เฉลี่ย'รายได้ต่อเดือน จะรวมค่าเวร ค่าอื่นๆ เช่น เบี้ยกันดาร
รูปแบบเงินเดือน ไม่ใช่เหมือนพนักงานบริษัททั่วๆไป
แพทย์ใช้ทุน 5 หมื่น - 1 แสน
แพทย์รพช. ที่เปิดคลีนิกด้วย มักจะเกิน 2 แสน
แพทย์ประจำบ้าน (ช่วงเรียนต่อเฉพาะทาง) 2 หมื่น + เวรเอกชนราวๆ 2-4 หมื่น = 4-5 หมื่น
แพทย์คลีนิกผิวหนัง 1-2 แสน
แพทย์ GP full time เอกชน 1-1.5 แสน
แพทย์เฉพาะทาง (อาจารย์รรพ.) รายได้จากรรพ. หลักหมื่น + part time เอกชน แล้วแต่ทำมากทำน้อย
แต่รวมๆแล้วก็ถึงแสนกว่าๆได้เหมือนกัน
แพทย์เฉพาะทาง (รพ. รัฐบาล) 5 หมื่น - 1 แสนกว่าๆ
แพทย์เฉพาะทาง (รพ. เอกชน) 2-5 แสน
อันนี้คร่าวๆนะครับ จริงๆ แปรผันมาก ขึ้นกับสาขา และ บริบทบางคนอาจจะมากกว่านี้ได้ แต่มีไม่มากนักรายได้ของแพทย์ น้อยกว่าการลงทุน ทำธุรกิจ แต่มั่นคงครับทำงานไปได้จนแก่อย่างมีความสุขแม้แต่ retired แล้วก็ยังตรวจคนไข้ได้
เป็นกำลังใจให้น้องๆที่กำลังจะสอบเข้าแพทย์ นักเรียนแพทย์ และ แพทย์ใช้ทุนทุกคนครับ
ที่มา pantip.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น