นาทีนี้ถ้าพูดถึง "พระเอกเครามหาเสน่ห์" เป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ หรือจะเรียกเขาว่า เภสัชกร ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ก็เท่ไปอีกแบบ เพราะบอยสำเร็จการศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ จากรั้วจามจุรีก่อนที่จะมาเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ และเตรียมอุดมศึกษาตามลำดับบอยบอกกับเราว่าครอบครัวให้การสนับสนุนและให้ความสำคัญต่อการศึกษาเป็นอย่างมาก เพราะเล็งเห็นว่า การศึกษามีความสำคัญต่อชีวิต
"ที่บ้านให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษามากครับ คือ จะเน้นเรื่องของการเรียนเป็นหลักสำคัญ สำหรับการเลือกหรือตัดสินใจเกี่ยวกับการศึกษา เราจะเน้นการแสดงความคิดเห็นร่วมกัน แชร์กันในครอบครัว อย่างตอนเรียนอัสสัมชัญ ตอนนั้นก็ยังเด็กๆ นะครับ ที่บ้านก็จะเป็นคนเลือกและตัดสินใจให้ แต่พอเราเริ่มโต เขาก็ให้เราเป็นคนคิดและตัดสินใจเอง เออ...จะมาเรียนที่เตรียมอุดมฯ ไหมหรือว่าจะเลือกมหาวิทยาลัยอะไรดี ให้โอกาสเราได้ตัดสินใจเองว่าเราอยากเรียนที่ไหน เรียนอะไร ซึ่งทางผมเองก็จะขอคำแนะนำจากคุณพ่อคุณแม่ด้วยครับในเรื่องเรียน"
ทำไมถึงเลือกเรียนเภสัชศาสตร์ อะไรเป็นเสน่ห์ของการเรียนคณะนี้
"โห...ต้องบอกก่อนเลยครับว่า ทีแรกที่ผมเลือกเรียนคณะเภสัชฯ นั้น ผมขอคำแนะนำจากคุณแม่ แต่เรียนไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกดีนะครับ คือ ช่วงวัยเรียนนั้นโดยส่วนตัวผมเองไม่ได้คิดไว้ก่อนเลยว่า โตขึ้นอยากทำงานอะไร ต้องเรียนอะไร ก็เลยปรึกษาที่บ้านดูว่าจะเรียนต่อคณะไหนดี แล้วเผอิญว่ามีญาติที่เป็นเภสัชกรแล้วเขาเปิดร้านจำหน่ายยา คุณแม่ก็บอกว่า ลองเรียนเภสัชไหม เลยสรุปที่คณะเภสัช แรกๆ ที่เข้ามาเรียนก็ยังไม่ได้ชอบอะไรมากนักนะครับ เพราะปีแรกๆ จะเรียนเรื่องพื้นฐาน สูตรโครงสร้างเคมี ซึ่งเป็นอะไรที่จับต้องไม่ค่อยได้ บางทีถามตัวเองว่า เออ...เรียนไปทำอะไร แต่พอปีท้ายๆ เริ่มเข้าสู่การเรียนเชิงวิชาชีพมากขึ้น หมายถึงว่า มีการเรียนเกี่ยวกับการใช้ยามากขึ้นมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการทำงานและใช้ในชีวิตจริงได้ ผมก็เริ่มชอบการเรียนที่คณะนี้มากขึ้นเป็นลำดับ และพอใกล้จบ ต้องบอกว่าตกหลุมรักคณะเภสัชฯ มากเหมือนกันครับ"
"โห...ต้องบอกก่อนเลยครับว่า ทีแรกที่ผมเลือกเรียนคณะเภสัชฯ นั้น ผมขอคำแนะนำจากคุณแม่ แต่เรียนไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกดีนะครับ คือ ช่วงวัยเรียนนั้นโดยส่วนตัวผมเองไม่ได้คิดไว้ก่อนเลยว่า โตขึ้นอยากทำงานอะไร ต้องเรียนอะไร ก็เลยปรึกษาที่บ้านดูว่าจะเรียนต่อคณะไหนดี แล้วเผอิญว่ามีญาติที่เป็นเภสัชกรแล้วเขาเปิดร้านจำหน่ายยา คุณแม่ก็บอกว่า ลองเรียนเภสัชไหม เลยสรุปที่คณะเภสัช แรกๆ ที่เข้ามาเรียนก็ยังไม่ได้ชอบอะไรมากนักนะครับ เพราะปีแรกๆ จะเรียนเรื่องพื้นฐาน สูตรโครงสร้างเคมี ซึ่งเป็นอะไรที่จับต้องไม่ค่อยได้ บางทีถามตัวเองว่า เออ...เรียนไปทำอะไร แต่พอปีท้ายๆ เริ่มเข้าสู่การเรียนเชิงวิชาชีพมากขึ้น หมายถึงว่า มีการเรียนเกี่ยวกับการใช้ยามากขึ้นมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น สามารถนำไปใช้ในการทำงานและใช้ในชีวิตจริงได้ ผมก็เริ่มชอบการเรียนที่คณะนี้มากขึ้นเป็นลำดับ และพอใกล้จบ ต้องบอกว่าตกหลุมรักคณะเภสัชฯ มากเหมือนกันครับ"
อยากให้เล่าถึงความยากง่ายของการเรียนคณะนี้
"ผมว่าการเรียนคณะเภสัชฯ เป็นอะไรที่ยากมากกว่าง่ายนะครับ คือเป็นการเรียนที่ต้องอาศัยความเข้าใจกับความจำร่วมกัน แต่เน้นความจำค่อนข้างเยอะกว่า โดยเฉพาะบางวิชาที่ต้องอาศัยความจำเป็นหลักเช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ ศัพท์เฉพาะทาง ชื่อตัวยาต่างๆ สูตรโครงสร้าง ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่เยอะและต้องแม่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับในบางเนื้อหาวิชา หากเราใช้ความเข้าใจเป็นพื้นฐานก็ส่งผลให้เกิดความจำที่แม่นยำมากขึ้น จำง่ายขึ้น คือ สรุปแล้วผมว่าการเรียนคณะเภสัชฯ ค่อนข้างยากเลยทีเดียว นอกจากยากแล้วก็เยอะอีกด้วยครับ แต่ในความยากก็มีความสนุกอยู่ด้วย ผมว่าเป็นการเรียนที่ท้าทายไม่น้อยเลย"
"ผมว่าการเรียนคณะเภสัชฯ เป็นอะไรที่ยากมากกว่าง่ายนะครับ คือเป็นการเรียนที่ต้องอาศัยความเข้าใจกับความจำร่วมกัน แต่เน้นความจำค่อนข้างเยอะกว่า โดยเฉพาะบางวิชาที่ต้องอาศัยความจำเป็นหลักเช่น ชื่อวิทยาศาสตร์ ศัพท์เฉพาะทาง ชื่อตัวยาต่างๆ สูตรโครงสร้าง ล้วนแล้วแต่เป็นอะไรที่เยอะและต้องแม่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับในบางเนื้อหาวิชา หากเราใช้ความเข้าใจเป็นพื้นฐานก็ส่งผลให้เกิดความจำที่แม่นยำมากขึ้น จำง่ายขึ้น คือ สรุปแล้วผมว่าการเรียนคณะเภสัชฯ ค่อนข้างยากเลยทีเดียว นอกจากยากแล้วก็เยอะอีกด้วยครับ แต่ในความยากก็มีความสนุกอยู่ด้วย ผมว่าเป็นการเรียนที่ท้าทายไม่น้อยเลย"
เชื่อว่าผู้เรียนคณะเภสัชฯ จะต้องมีพื้นฐานวิทยาศาสตร์ที่ดี แล้วสำหรับภาษาอังกฤษล่ะ จำเป็นต่อการเรียนคณะนี้มากน้อยแค่ไหนผู้เรียนควรมีพื้นฐานภาษาอังกฤษในระดับใด
"ผมว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับการเรียนในทุกคณะเลยนะครับ และไม่เฉพาะต่อการเรียนเท่านั้นแต่สำคัญต่อชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ด้วย เพราะเป็นภาษาสากลอันดับหนึ่งที่ทุกคนควรรู้ ทีนี้ถ้าพูดถึงคณะเภสัชฯ ว่าต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีแค่ไหน ผมว่าถ้ามีพื้นฐานที่ดีก็ช่วยได้มาก เพราะคณะเภสัชฯ จะมีชื่อวิทยาศาสตร์ มีศัพท์เฉพาะอย่างที่ผมบอกค่อนข้างเยอะ หรือบางทีมีบทความหรือวิทยานิพนธ์ที่ยังไม่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย แต่เราต้องอาศัยข้อมูลเพื่อศึกษาค้นคว้า เราก็ต้องอาศัยอ่านจาก textbook ที่เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ ฉะนั้นผมว่าภาษาอังกฤษจำเป็นมากครับ"
"ผมว่าภาษาอังกฤษมีความสำคัญกับการเรียนในทุกคณะเลยนะครับ และไม่เฉพาะต่อการเรียนเท่านั้นแต่สำคัญต่อชีวิตประจำวันในทุกวันนี้ด้วย เพราะเป็นภาษาสากลอันดับหนึ่งที่ทุกคนควรรู้ ทีนี้ถ้าพูดถึงคณะเภสัชฯ ว่าต้องมีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีแค่ไหน ผมว่าถ้ามีพื้นฐานที่ดีก็ช่วยได้มาก เพราะคณะเภสัชฯ จะมีชื่อวิทยาศาสตร์ มีศัพท์เฉพาะอย่างที่ผมบอกค่อนข้างเยอะ หรือบางทีมีบทความหรือวิทยานิพนธ์ที่ยังไม่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย แต่เราต้องอาศัยข้อมูลเพื่อศึกษาค้นคว้า เราก็ต้องอาศัยอ่านจาก textbook ที่เป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ ฉะนั้นผมว่าภาษาอังกฤษจำเป็นมากครับ"
บอยมีเทคนิคที่ใช้ในการเรียนและจดจำคำศัพท์เฉพาะทางหรือเปล่าคะ
"ถ้าในแง่ของความจำทั่วไป เช่น process ในการทำงานของร่างกายหรือว่า process ในการออกฤทธิ์ของยาอะไรพวกนี้ เทคนิคของผมคือ การจำเป็นรูปภาพ หรือ Mind Map ครับ ผมจะนำบทความที่เกี่ยวกับ process หรืออะไรก็แล้วแต่ มาพยายามวาดเป็นรูปภาพหรือแผนผัง ซึ่งช่วยให้จำง่ายขึ้น แต่ถ้าในแง่เกี่ยวกับคำศัพท์หรือศัพท์เฉพาะทาง ผมเน้น
การท่องบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ครับผม"
"ถ้าในแง่ของความจำทั่วไป เช่น process ในการทำงานของร่างกายหรือว่า process ในการออกฤทธิ์ของยาอะไรพวกนี้ เทคนิคของผมคือ การจำเป็นรูปภาพ หรือ Mind Map ครับ ผมจะนำบทความที่เกี่ยวกับ process หรืออะไรก็แล้วแต่ มาพยายามวาดเป็นรูปภาพหรือแผนผัง ซึ่งช่วยให้จำง่ายขึ้น แต่ถ้าในแง่เกี่ยวกับคำศัพท์หรือศัพท์เฉพาะทาง ผมเน้น
การท่องบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ครับผม"
ตอนนี้บอยทำงานในวงการบันเทิงเป็นหลัก วิชาชีพที่ได้เรียนมานั้นมีประโยชน์ต่อชีวิตอย่างไรบ้าง บอยได้ให้คำแนะนำเรื่องยาแก่คนรอบข้างไหมคะ
"บางทีคนทั่วไปนึกว่าการเรียนเภสัชจะต้องเกง่การใช้ยาอย่างเดียว แต่ผมว่าการเรียนเภสัชฯ ให้อะไรมากกว่านั้นนะครับ ผมว่าคณะนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้แค่เฉพาะเรื่องยาเท่านั้น แต่การที่เภสัชกรคนหนึ่งจะสามารถจ่ายยาได้นั้น หรือเริ่มใช้ยาได้นั้น คุณต้องรู้กลไกของร่างกายด้วย เพราะฉะนั้นในขณะที่คุณเรียนรู้กลไกของร่างกาย นั่นหมายถึงคุณได้รู้จักร่างกายของตัวเองมากขึ้น รู้จักอวัยวะในร่างกาย รู้จักกลไกการทำงานของร่างกายในแง่มุมที่ละเอียดมาก เมื่อเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายของคุณ คุณก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เราสามารถดูแลร่างกายเราได้ดีขึ้น รวมไปถึงการใช้ยาในยามที่เราเกิดความเจ็บป่วยด้วยหรือแม้แต่การให้คำแนะนำการใช้ยากับคนที่อยู่รอบตัวเรา คนที่ใกล้ชิดเราได้ ส่วนตัวผมเองเรียนจบมานานแล้วเนอะ บางทีอะไรที่ลึกๆ ก็มีลืมไปบ้างเหมือนกันครับ แต่อะไรที่เป็นเรื่องกว้างๆ โรคทั่วไปที่ไม่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากนัก ผมก็ยังสามารถสอบถามอาการและให้คำแนะนำได้ในระดับหนึ่งครับ"
"บางทีคนทั่วไปนึกว่าการเรียนเภสัชจะต้องเกง่การใช้ยาอย่างเดียว แต่ผมว่าการเรียนเภสัชฯ ให้อะไรมากกว่านั้นนะครับ ผมว่าคณะนี้ไม่ได้ทำให้เรารู้แค่เฉพาะเรื่องยาเท่านั้น แต่การที่เภสัชกรคนหนึ่งจะสามารถจ่ายยาได้นั้น หรือเริ่มใช้ยาได้นั้น คุณต้องรู้กลไกของร่างกายด้วย เพราะฉะนั้นในขณะที่คุณเรียนรู้กลไกของร่างกาย นั่นหมายถึงคุณได้รู้จักร่างกายของตัวเองมากขึ้น รู้จักอวัยวะในร่างกาย รู้จักกลไกการทำงานของร่างกายในแง่มุมที่ละเอียดมาก เมื่อเกิดอะไรผิดปกติขึ้นกับร่างกายของคุณ คุณก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เราสามารถดูแลร่างกายเราได้ดีขึ้น รวมไปถึงการใช้ยาในยามที่เราเกิดความเจ็บป่วยด้วยหรือแม้แต่การให้คำแนะนำการใช้ยากับคนที่อยู่รอบตัวเรา คนที่ใกล้ชิดเราได้ ส่วนตัวผมเองเรียนจบมานานแล้วเนอะ บางทีอะไรที่ลึกๆ ก็มีลืมไปบ้างเหมือนกันครับ แต่อะไรที่เป็นเรื่องกว้างๆ โรคทั่วไปที่ไม่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากนัก ผมก็ยังสามารถสอบถามอาการและให้คำแนะนำได้ในระดับหนึ่งครับ"
สำหรับคนที่สนใจอยากเรียนคณะเภสัชฯ บอยมีคำแนะนำสำหรับการเตรียมตัว เตรียมพื้นฐาน เพื่อการเรียนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
"ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างขยันมากๆ เลยครับเพราะการเรียนในคณะนี้ค่อนข้างใช้ทั้งความจำและความเข้าใจเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่า ในการที่จะจำอะไรได้แม่นยำ ต้องอาศัยความขยันมากๆ ครับ ต้องขยันท่อง ขยันใช้บ่อยๆ ทีนี้ถ้ามองในเรื่องของภาษาอังกฤษนะครับ ผมอยากบอกว่า ถ้าพื้นฐานด้านภาษาดีอยู่แล้ว ผมว่าจะยิ่งดีมาก เพราะสามารถเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนได้มากขึ้น เพราะบางทีศัพท์เฉพาะหรือศัพท์วิทยาศาสตร์ที่ต้องเรียนนั้น ถึงแม้จะเป็นอะไรที่เน้น
การจำและท่องบ่อย ใช้บ่อยก็จริง แต่ผมว่าคนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆ จะได้เปรียบนะ เพราะพวกศัพท์วิทยาศาสตร์แต่ละคำจะมีรากศัพท์ใช่ไหมครับ ซึ่งคนที่รู้รากศัพท์ก็จะช่วยเสริมให้เกิดความแม่นยำในการจดจำมากขึ้นด้วย คือ ถ้าเข้าใจรากศัพท์ก็ทำให้การจำศัพท์เฉพาะพวกนี้ง่ายขึ้น"
"ต้องเป็นคนที่ค่อนข้างขยันมากๆ เลยครับเพราะการเรียนในคณะนี้ค่อนข้างใช้ทั้งความจำและความเข้าใจเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่า ในการที่จะจำอะไรได้แม่นยำ ต้องอาศัยความขยันมากๆ ครับ ต้องขยันท่อง ขยันใช้บ่อยๆ ทีนี้ถ้ามองในเรื่องของภาษาอังกฤษนะครับ ผมอยากบอกว่า ถ้าพื้นฐานด้านภาษาดีอยู่แล้ว ผมว่าจะยิ่งดีมาก เพราะสามารถเอื้อประโยชน์ต่อการเรียนได้มากขึ้น เพราะบางทีศัพท์เฉพาะหรือศัพท์วิทยาศาสตร์ที่ต้องเรียนนั้น ถึงแม้จะเป็นอะไรที่เน้น
การจำและท่องบ่อย ใช้บ่อยก็จริง แต่ผมว่าคนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆ จะได้เปรียบนะ เพราะพวกศัพท์วิทยาศาสตร์แต่ละคำจะมีรากศัพท์ใช่ไหมครับ ซึ่งคนที่รู้รากศัพท์ก็จะช่วยเสริมให้เกิดความแม่นยำในการจดจำมากขึ้นด้วย คือ ถ้าเข้าใจรากศัพท์ก็ทำให้การจำศัพท์เฉพาะพวกนี้ง่ายขึ้น"
หากให้ประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษของตัวเอง คิดว่าอยู่ในระดับใด
"ผมว่ากลางๆ นะ (หัวเราะ) สำหรับเรื่องการฟังหรืออ่านผมพอได้นะครับ แต่ถ้าเป็นการเขียนหรือพูด ยอมรับเลยว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ผมว่าระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษของผมอยู่กลางๆ นะ ไม่ได้เก่งอะไรมากนัก ทุกวันนี้ก็หาโอกาสฝึกหรือใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันบ้าง แต่เป็นอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจหรือเฉพาะเจาะจงว่าต้องรู้อะไรลึกขนาดนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ดูหนังฝรั่งก็ฟังเสียงต้นฉบับภาษาอังกฤษ โดยอ่านคำบรรยายภาษาไทยควบคู่ไปด้วย แต่ว่าในบางประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ ผมจะพยายามฟังมากเลยว่า เออ...เขาพูดว่าอะไร พูดอย่างไร ผมว่านี่เป็นการเรียนรู้และฝึกภาษาอังกฤษวิธีหนึ่งที่ได้ผล เป็นการซึมซับอัตโนมัติ คือ เราไม่ได้ตั้งใจหรือเจาะจงว่าต้องรู้ให้ได้ แต่การทำบ่อยๆ มันก็ซึมซับเข้ามาเองโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน"
"ผมว่ากลางๆ นะ (หัวเราะ) สำหรับเรื่องการฟังหรืออ่านผมพอได้นะครับ แต่ถ้าเป็นการเขียนหรือพูด ยอมรับเลยว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ผมว่าระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษของผมอยู่กลางๆ นะ ไม่ได้เก่งอะไรมากนัก ทุกวันนี้ก็หาโอกาสฝึกหรือใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันบ้าง แต่เป็นอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจหรือเฉพาะเจาะจงว่าต้องรู้อะไรลึกขนาดนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ดูหนังฝรั่งก็ฟังเสียงต้นฉบับภาษาอังกฤษ โดยอ่านคำบรรยายภาษาไทยควบคู่ไปด้วย แต่ว่าในบางประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ ผมจะพยายามฟังมากเลยว่า เออ...เขาพูดว่าอะไร พูดอย่างไร ผมว่านี่เป็นการเรียนรู้และฝึกภาษาอังกฤษวิธีหนึ่งที่ได้ผล เป็นการซึมซับอัตโนมัติ คือ เราไม่ได้ตั้งใจหรือเจาะจงว่าต้องรู้ให้ได้ แต่การทำบ่อยๆ มันก็ซึมซับเข้ามาเองโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน"
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับบทสนทนา...นานาสาระ จาก เภสัชกรบอย อ่านแล้วคงอยากปรึกษาเรื่องยาแบบใกล้ชิดเลยใช่ไหมล่ะ แต่เอาเป็นว่าเตรียมสายตากับหัวใจไว้รอประชิดติดจอช่อง 3 กับละครเรื่องใหม่ของเขา "ตะวันฉายในม่านเมฆ" ที่อีกไม่นานก็จะออนแอร์ให้ชมกัน แล้วอย่าลืมเก็บเคล็ดลับง่ายๆ style บอยในการฝึกภาษาอังกฤษไปใช้ให้เชี่ยวชาญกันนะคะ
คอลัมน์ Interview
เรียบเรียงโดย กญญาณ์ มาเปี่ยม (I Get English Magazine)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น