"เบสท์" เมื่อวานอยากเรียนนิติฯ วันนี้อยากเรียนนิเทศฯ

> ย้อนดูบทสัมภาษณ์ การเตรียมตัวแอดมิชชั่นของ พี่เบสท์ ตอนที่อยู่ ม.6 <              สวัสดีครับ พร้อมกันหรือยังกับการสอบ GAT PAT 1/55 ที่จะมาถึงอีกไม่กี่วันนี้แล้ว การสอบครั้งนี้ทำให้เต็มที่นะครับ เพราะอย่าลืมว่าทาง สทศ. ได้ทดเวลาบาดเจ็บ หึหึ เลื่อนสอบให้เราไปเกือบ 2 เดือนแล้ว ทำให้มีเวลาอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 60 วันเลยทีเดียว            และวันนี้ พี่ลาเต้ จะพาไปดูเตรียมตัวตัวสอบ GAT PAT ของเพื่อนคนหนึ่ง ที่บ้านอยู่เมืองนนทบุรี (ไม่รู้น้ำท่วมหรือเปล่า) แล้วยังเป็น 1 ใน 25 ผู้เข้ารอบโครงการ BRAND'S Admission Reality ปี 3 ไปดูซิว่าเขาเตรียมฟิตของไปประลองในสนามนี้ยังไงบ้าง ไปดูกันครับ  สวัสดีครับ แนะนำตัวให้เพื่อนๆ ชาวเด็กดีได้รู้จักกันหน่อย            สวัสดีครับ :) ชื่อจริงศักรา เกษธีระกุล  เรียก เบสท์ ก็ได้ๆ 555 ตอนนี้เรียนอยู่ ม.6แผน ศิลป์-ฝรั่งเศส โรงเรียนเบญจมราชานุสรณ์ ครับผม!! เบสท์เป็นคนสนุกๆ เฮฮา ร่าเริง ไม่ค่อยซีเรียส แต่ไม่บ้านะ ฮ่าๆ อยากเรียนคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ครับผม :)  ทำไมถึงอยากเรียนคณะนี้เหรอครับ            ตรงๆ เลยคือ เคยเปลี่ยนคณะมาหลายอย่างมากๆ ตอนแรกอยากเรียนนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ แต่ตอนนี้เริ่มรู้ตัวเองว่านิสัยส่วนตัวไม่ใช่คนชอบเคร่งเครียดกับกองหนังสือมากมายขนาดนั้น และอีกอย่างวิชามันค่อนข้างเครียด ซึ่งขัดกับตัวเอง เลยลองนั่งคิดใหม่ว่าบุคลิกภาพตัวเองตรงกับคณะไหนมากที่สุด ได้ข้อสรุปคือ นิเทศศาสตร์ครับ เรียนแล้วตรงกับตัวเองที่สุด :) เรียนจบคณะนี้แล้ว อยากทำงานอะไรเหรอครับ            ทำงานได้มากมายเลยนะ ทั้งสื่อมวลชน นักข่าว นักจัดรายการวิทยุ พิธีกร ฝ่ายประชาสัมพันธ์ นักการตลาด นักโฆษณา นักแสดง นักพูด ฯลฯ ผมอยากทำงานเกี่ยวกับการพูดครับ อยากลองดูเป็นหลายๆอย่าง จะได้ลองดูว่าจะชอบอันไหน 555 ตั้งแต่ขึ้น ม.6 มา สมัครสอบรับตรงอะไรไปแล้วบ้าง            ที่สมัครไปแล้วก็คือ อักษรศาสตร์ ศิลปากร เป็นที่แรกเลยครับ บางมหาวิทยาลัยที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้สมัครเพราะ ไม่มีคณะที่สนใจ ซึ่งค่าสมัครค่อนข้างแพง จึงต้องคิดดีๆ:) และอีกที่ที่สมัครคือ ม.ธรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ ครับ 4 อันดับที่จะเลือกตอนแอดมิชชั่น มีคณะอะไรบ้างครับ            - อันดับ 1 ขอเป็น นิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย            - อันดับ 2 น่าจะเป็น วารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน ม.ธรรมศาสตร์            - อันดับ 3 อยากเรียนภาษาน่าจะ คณะมนุษยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์            - อันดับ 4 นี่ยังลังเลอยู่ แต่ต้องเลือกอะไรที่คิดว่าติดชัวร์ๆ ไว้ก่อน (กันพลาด5555) GAT PAT 1/55 สมัครสอบ GAT PAT วิชาอะไรไปบ้างครับ            ลงไว้ 2 วิชาเองครับ คือ GAT กับ PAT 7.1 ภาษาฝรั่งเศส ถ้าไม่สอบวิชาที่เรียนมาจะสอบอะไรเนอะ 5555 ทั้ง 2 วิชาสอบที่ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ครับผม  ลุยฟิต GAT PAT วิชาไหนเป็นพิเศษ            ฟิตหมดทุกวิชาแหล่ะครับ (สอบแค่ 2 วิชาเอง) แต่ตอนนี้กำลังทำความเข้าใจ กับ GAT part เชื่อมโยงอยู่ เพราะจะได้้เสริมให้คะแนนแกทสูงๆ ส่วน PAT 7.1 ภาษาฝรั่งเศส เป็นอะไรที่ยากมากกกกกก อาศัยการท่องศัพท์ กับทำข้อสอบเก่าๆ เอาไว้ บางครั้งต้องอาศัยการทำบุญเยอะๆ ด้วยนะ 555 เรื่องคาดหวังกับคะแนนก็เพราะเป็นการสอบครั้งแรก กลัวหวังแล้วแป๊ก ขอGAT 200 PAT7.1 150 แล้วกัน: p เคล็ดลับในการทำข้อสอบ GAT พาร์ทภาษาอังกฤษของคุณคืออะไร            ท่องศัพท์ ศัพท์ ศัพท์ แล้วก็ศัพท์ เพราะพี่ๆ หลายคนบอกมาว่า ศัพท์สำหรับ GAT เป็นสิ่งสำคัญมาก ยาก และก็ออกเยอะเหมือนกัน และอีกสิ่งที่สำคัญคือ ฝึกทำข้อสอบเก่าๆแล้วจับหลักให้ได้ ว่าออกประมาณไหน น่าจะช่วยได้นะ :)  หากพูดถึงชีวิตของเด็ก ม.6 นึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก            นึกถึงความรับผิดชอบที่ต้องมีสูงมากๆ เพราะม.6 เต็มไปด้วยเรื่องที่จะเข้ามาเยอะแยะมากมาย ทั้งเพื่อนที่ต้องจากกัน ทั้งอนาคตที่กำลังจะมาถึง ทั้งสอบตรง อีกทั้งยังต้องติดตามข่าวสารมากมายหลายอย่าง และที่โรงเรียนก็ต้องทำเกรดอีก โอ่ยย ตายย ฮ่าๆ  สุดท้ายให้ฝากกำลังใจถึงเพื่อนๆ ที่เป็นเด็กแอดฯ 55 หน่อยคร๊าบ            ก็อยากให้ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุดในแต่ละครั้ง จะได้ไม่กลับมาเสียใจ ว่าทำไมตอนนั้นเราไม่ทำแบบนี้ เพราะไม่ว่าผลจะเป็นยังไง นั่นคือผลจากความพยายามของเราอย่างที่สุดแล้ว อีกอย่างคือไม่อยากให้เครียด เพราะ มีแต่จะบั่นทอนความหวังและก็กำลังใจของเราเปล่าๆ เปลี่ยนจากความเครียดเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปข้างหน้าดีกว่า เนอะๆ :') ใน 1 วันเราคุณทำอะไรมากที่สุด จงบอกเป็นสัดส่วน            - เล่นคอมพิวเตอร์ 40%            - นอน 20%            - อ่านหนังสือ 20%            - การบ้าน 10%            - เล่นกับเพื่อนๆ 10%           โอ้โห.. ลงสอบน้อยมากครับแค่ 2 วิชาเอง แต่ไม่เป็นไรครับ หากคว้าแต้มมาได้วิชาละ250+ ก็ถือว่าปลอดภัยหายห่วงสำหรับ 3 คณะที่แจ้งมา ยังไงขอให้โชคดีเก็บแต้มมาให้ได้เยอะๆ นะคร้าบบ            ปิดท้ายด้วย หนังสือขายดีที่เด็ก ม.6 ต้องมีก่อนไปสอบ GAT PAT และรับตรง สำหรับหนังสือคู่มือสอบเข้ามหาวิทยาลัยปี 55 (สอบตรงเคลียริ่งเฮ้าส์+แอดมิชชั่น) ที่รวบรวมข้อมูลไว้ครบ และเป๊ะที่สุด อย่าง “หนังสือแอดมิชชั่นขั้นเทพ” ล่าสุดได้ออกเล่ม 2 อ่านแล้วมั่นใจได้ว่าถึงคณะในฝันที่หวังไว้แน่นอน ฮ่าฮา น้องๆ รีบไปจับจองกันได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊คทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสั่งออนไลน์ คลิกที่นี่  คุ้มสุดๆ        credit:dekd

สารพัดวิธีทอดไข่ให้ฟู

เทคนิคการทำ “ไข่เจียวธรรมดา” ให้ฟูแล้วไม่แฟ่บ แถมกรอบนอกนุ่มในแบบไม่พึ่งตัวช่วยใดๆ – - – - บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นคำถามเกี่ยวกับการทำไข่เจียวให้อร่อยในห้องก้น ครัวเรียกว่าเป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียวผมเองก็เป็นคนชอบกินไข่เจียวมาก เนื่องจากเป็นเมนูที่ทำให้อร่อยได้ง่าย ถ้ารู้จักเทคนิคเล็กๆน้อยครับซึ่งในกระทู้นี้เราจะว่ากันด้วยการทำ “ไข่เจียวธรรมดา” คือไม่ใส่เนื้อสัตว์หรือผักอะไรใดๆให้วุ่นวายให้เป็นไข่ เจียวที่ “ทำง่ายมาก และ อร่อย”ซึ่งผมนั้นเคยลองทำมาหมดแทบจะทุกวิธีแล้ว ไม่ว่าจะเป็น

- บีบมะนาว = ไข่ฟูตอนเจียว แล้วจะแฟ่บภายหลังจากตักขึ้นมา
- ใส่แป้ง,ผงฟู = ไข่ฟูแล้วไม่แฟ่บ ตั้งอยู่ได้จริง แต่เนื้อไข่เจียวจะด้านไปนิด
- น้ำมันมากๆ โรยไข่จากที่สูงแล้วคนๆตีๆในกระทะ = ไข่ฟูฟ่องเป็นสายๆ ค่อนข้างอมน้ำมันเวลากินจะไม่ค่อยได้เนื้อไข่เท่าไหร่ เพราะมันจะฟู
- แยกไข่แดง ไข่ขาวตีให้ตั้งยอด = ฟูจริง แต่เสียเวลาทำมาก มีข้อด้อยคือกำหนดรูปร่างไข่ได้ลำบากด้วย
- ฯลฯ

วิธีแรก


ตีไข่ให้ฟูก่อน 
แล้วตักน้ำมันอุ่น ๆ ในกะทะใส่ลงในชามไข่ 
(ไข่ 3 ฟอง/น้ำมัน 1 ตะหลิว) 
ตีต่อไปให้เข้ากัน 
รอจนน้ำมันในกะทะร้อนได้ที่ 
ก็นำไข่ที่ตีไว้ลงทอด 
ไข่ที่ได้จะนุ่มอร่อยไม่แข็งกระด้าง 
และหอมฟูน่ารับประทาน




วิธีที่สอง 
คล้าย ๆ กัน แตกต่างตรงปริมาณน้ำมันพืช


นำน้ำมันพืชในกระทะซัก 2 ช้อนโต๊ะ 
มาใส่ในไข่แล้วตีให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน 
รอให้กระทะร้อนจึงเอาไข่ที่ตีเทลงไป 
เพียงเท่านี้ก็จะได้ไข่เจียวที่ฟู๊ฟู 
แถมยังมีรสชาติที่หอมอร่อย 
ถูกใจทุกคนในบ้านอย่างแน่นอน 




วิธีที่สาม 
ส่วนวิธีนี้ เหมาะทำรับประทานหลาย ๆ คน


เริ่มแรก ต้องเตรียมไข่ไก่สด 4-5 ฟอง ขึ้นไป 
ปรุงรสตามใจชอบ
จากนั้นก็ตีให้เข้ากันจนฟู 
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ต้องใช้นำมันเยอะหน่อย 
กรอกน้ำมัน บนผิวกระทะเล็กน้อย รอจนน้ำมันร้อนจัด 
แล้วจึงเทไข่ทั้งหมดลงในกระทะ ด้วยปริมาณไข่ที่มาก 
จะสังเกตได้ว่า 
ไข่บริเวณขอบ และไข่ที่อยู่ด้านล่าง จะสุกก่อน 
ส่วนไข่ด้านบน จะยังเป็นน้ำไข่ดิบอยู่ 
รอสักครู่จนไข่ด้านล่าง เริ่มสุกพอประมาณ 
เอาตะหลิวเจาะตรงกลางไข่ให้เป็นรอยบาก 
จากนั้นแซะไข่จากด้านล่างยกขึ้น 
ให้น้ำไข่ดิบ ไหลจากช่องตรงกลาง ลงมาสัมผัสผิวกระทะ 
อาจแยกแซะฝั่งซ้าย 1 ครั้ง ฝั่งขวา 1 ครั้ง 

รอครู่หนึ่งจนน้ำไข่ที่ไหลลงไปเริ่มสุก 
ถ้ายังมีน้ำไข่ค้างอยู่อีกให้ทำอีก 
แต่ถ้าไม่มีแล้วก็ให้กลับไข่ 
(อันนี้ต้องใช้ฝีมือนิดนึง
ถ้าอยากให้ไข่เจียวดูเป็นแผ่นกลม 
แต่ถ้ายากเกินความสามารถ 
ก็แบ่งไข่กลับด้านทีละครั้งก็ได้) 

ถ้าเริ่มมีควันขึ้น กระทะอาจร้อนจัดเกินไป 
ให้ลดไฟลงเล็กน้อย จะสังเกตได้ว่าไข่จะดูฟูขึ้น ๆ 
พอสุกสีสวย 
ก็ตักขึ้นใส่จานเสริฟได้เลยะ 




วิธีที่สี่


ถ้าอยากให้ไข่ฟูน่าหม่ำ 
ก็ต้องหามะนาวบีบใส่ลงไปนิดนึงตอนที่ตีไข่ 
เท่านี้ไข่ก็จะฟูน่าหม่ำแล้ว 
แต่อย่าลืม ตอนทอดต้องให้น้ำมันร้อนจัดด้วย 
อย่าลืม ระวังไข่ไหม้ด้วย 




วิธีที่ห้า


ให้ใส่นมสดลงไปเล็กน้อย (ไม่ต้องเยอะ) 
แล้วตีให้ขึ้นฟู 
เวลาทอดไข่ก็จะนุ่มน่าหม่ำ 




วิธีที่หก


ใส่แป้งหรือผงฟูเป็นตัวช่วย
จะช่วยให้ไข่ฟูได้
แต่เนื้อไข่เจียวจะด้าน ๆ ไปสักนิด




วิธีที่เจ็ด


ใช้น้ำมันมาก ๆ 
แล้วโรยไข่จากที่สูง 
คน ๆ ตี ๆ ในกระทะ 
แต่จะค่อนข้างอมน้ำมัน




วิธีที่แปด


แยกไข่แดง ไข่ขาวตีให้ตั้งยอด 
แล้วค่อยทอด




วิธีที่เก้า


เป็นวิธีแปลกที่สุด
เป็นการใช้ "หม้อ" ในการเจียวไข่
ซึ่งไม่ต้องกลัวรูปร่างไข่จะไม่สวย
และยังสามารถทำให้มันฟูและหนาได้ตามความต้องการ
โดยไม่ใช่ตัวช่วย หรือสารประกอบใด ๆ ทั้งสิ้น

เทคนิคที่ว่านั้นคือการใช้ “หม้อ” ในการเจียวไข่ นอกจากเราไม่ต้องกลัวรูปร่างไข่จะไม่สวยแล้ว เรายังสามารถทำ ให้มันฟูและหนาได้ตามความต้องการ โดยไม่ใช่ตัวช่วย หรือสารประกอบใดๆทั้งสิ้น (ตามปกติแล้ว การใส่หมูสับ หรือใส่แป้งลงไป จะทำให้ไข่หนาขึ้นมาได้มากขึ้น

แต่ว่าวันนี้เราต้องการเป็นเนื้อไข่ไก่ล้วนๆ) เครื่องมือ+เครื่องปรุงของผม วันนี้มีแค่ 3-4 อย่างเท่านั้น

- ไข่ไก่ 2 ฟอง

- ซีอิ้วขาว

- หม้อ + น้ำมันสำหรับทอด

 สิ่งที่ยังขาดไม่ได้ก็คือ “ไฟ” ต้องมีความแรงอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงกับต้องแรงจัด คนที่ไม่มีเตาเร่งหรือเตาฟู่ ก็ยังพอทำได้ครับ

 นำหม้อใส่น้ำมันพืช แล้วนำไปตั้งไฟ พอให้เริ่มมีควันเล็กน้อย ไม่ถึงกับควันโขมงนะ

 สำหรับหม้อขนาดนี้ ใช้ไข่ 2 ฟอง กำลังเหมาะครับ ถ้าใช้ 3 ฟองก็ยังพอได้อยู่ แต่มันจะฟูขึ้นมาจนเกือบล้นเวลาทอด เดี๋ยวคอยดูละกันเนอะ

 ปรุงรสด้วยซีอิ็วขาวเพียงอย่างเดียว แล้วตีเร็วๆให้เข้ากัน

 ตีเสร็จแล้ว อย่าวางทิ้งไว้ รีบเอาลงกระทะเลย ฟองอากาศมันจะได้ยังแฝงตัวอยู่ในเนื้อไข่ ไม่ลอยขึ้นมาจนหมด

 จำไว้ว่า ถ้าอยากได้ไข่ที่ฟูกรอบ น้ำมันจะต้องมากพอ แต่ก็ต้องไม่มากเกินไป และต้องร้อนระดับควันขึ้นฉุยๆ แต่ไม่ใช่ควันโขมง

 นับ.. 1.. 2..

 …3

 กลับแล้ว 1รอบ

 ทอดไปสักครู่ จนเริ่มเห็นว่าผิวด้านบนของไข่ เริ่มแห้ง ผมพลิกอีกครั้งหนึ่ง เพราะไข่เจียวด้านแรก มักจะสวยกว่าอีกด้านเสมอ

 สุกแล้วตักขึ้น เอามาวางไว้บนตะแกรงเพื่อสะเด็ดน้ำมัน ถ้าเป็นไข่แบบบีบมะนาว รับรองแฟ่บตั้งแต่ตักขึ้นจากกระทะ

 ด้านข้าง ของเจ้าไข่เจียวทอดหม้อ ฟูแล้วไม่แฟ่บ

 การใช้หม้อทอดไข่ เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ได้ทุกข้อเลยครับ ทั้งความง่ายในการทอด โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการกลับไข่ ที่ทุกคนเป็นห่วง เพราะดูแล้วหม้อมันจะคับแคบ และกลับยาก แต่ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดครับ เพราะไข่จะลอยอยู่บนน้ำมัน และไม่ได้แตะก้นหม้อแต่อย่างใด ดังนั้นการกลับก็แค่ใช้ตะหลิว หรือแม้กระทั้งช้อนกินข้าวนี่ล่ะ ตลบมันกลับอีกด้าน ไม่ต้องกลัวมันแตกหรือขาดอย่างเวลาใช้กระทะทอดด้วยครับ คือทำอย่างไรมันก็จะ เป็นรูปกลมๆหนาๆ น่ากินเช่นนี้เสมอๆ นอกจากจะฟูแล้วไม่แฟ่บ มันยังมีเนื้อไข่สีเหลืองๆนุ่มๆ ให้เราได้สัมผัสด้านในด้วย ไม่ใช่ว่าฟูกรอบจนไม่เหลือเนื้อไข่นะ แบบนี้สิ ไข่เจียวในฝันเลยยย

ใครมีเทคนิคยังไงก็ช่วยมาแชร์กันด้วยเน้อออ 

---

Credit  Pantip.com

ระเบียบการรับตรงและโควตา ม.นเรศวร ประจำปี 2556

ประกาศรับสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยนเรศวร ระดับปริญญาตรี
ระบบรับตรง (โควตา)ประจำปีการศึกษา 2556

รับสมัคร 13-27 กันยายน 2555

เรื่อง
ปฏิทินดำเนินการ
ประกาศมหาวิทยาลัย
ตางรางหลักสูตร/สาขาวิชาเปิดรับ องค์ประกอบ
ค่าธรรมเนียมการศึกษา
ค่าธรรมเนียมภาษาอังกฤษและคอมพิวเตอร์

---

ประกาศรับสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยนเรศวร
โครงการพิเศษต่างๆประจำปีการศึกษา 2556

รับสมัคร 1-16 กันยายน 2555

เรื่อง
ประกาศมหาวิทยาลัย
ปฏิทินดำเนินการ
ตารางสอบภาคปฏิบัติ