มหาวิทยาลัยปิด :
สถานที่ที่หนึ่ง เข้าก็ยาก ออกก็ยาก เป็นที่โปรดปรานของบิดามารดา
เวลาออกมาแล้วได้กระดาษมาคนละแผ่น เรียกว่าใบปริญญา อาจมีความรู้แถมมาด้วยเล็กน้อย
มหาวิทยาลัยเปิด :
ตรงกันข้ามกับอันแรก เข้าง่าย แต่ออกยากกว่ามหาวิทยาลัยปิด
ได้ใบปริญญามาเช่นกัน แต่คุณค่าต่ำกว่าอันแรกโดยใช้ค่านิยมเป็นตัวตัดสิน
ปริญญาบัตร :
เอาไว้ยืนยันการเลือกงานตามสาขาและระดับที่ร่ำเรียนมา
ต่ำกว่านั้นไม่ได้ ห้าม…เสียศักดิ์ศรีหมด
คณะ :
หมวดหมู่ของวิชา เลือกเรียนได้ตามความถนัด สนใจ พอใจ คะแนนเอนท์ฯ
และความพอใจของท่านบิดามารดา
บิดามารดา :
เรียกอีกอย่างว่าผู้ปกครอง มักบอกลูกตัวเองว่าให้เลือกเรียนตามความถนัด
จะเอาแพทย์จุฬาฯ เภสัชมหิดล อักษรจุฬาฯ หรือนิติธรรมศาสตร์ก็ได้ เลือกเอานะลูก…
กิจกรรม :
เอาไว้ฝึกแบ่งเวลาและฝึกเข้าสังคม ควรเพลาๆ ลงเมื่อได้ F เกินสามตัวต่อปี
รับน้องใหม่ :
กิจกรรมหนึ่ง มักมีขึ้นช่วงก่อนมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง
เป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคีและความสนิทสนมให้แก่รุ่นน้องและรุ่นพี่
ถ้ามีหลังเปิดภาคเรียนเรียกว่า ว้าก
ว้าก :
กิจกรรมตอนเย็นๆ ที่มีมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่แยะ
มักมีขึ้นช่วงเย็นๆ ถึงดึกๆ เป็นการทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเสรีภาพ เสมอภาค
และภราดรภาพ โดยใช้คำผรุสวาท และมีกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้มากมาย
เด็กใหม่ทุกคนต้องเข้า และต้องแต่งชุดเหมือนกันหมด
เข้าทุกวันไม่ว่าจะมีสอบย่อย หรือมีเรียนตอนเช้าวันรุ่งขึ้น …ไม่เข้าใช่มั๊ย…
ประเดี๋ยวเถอะ…สิบชุดเล็ก…ยี่สิบเอ็ดชุดใหญ่…ปฏิบัติ!
ว้ากเกอร์ :
บุคคลกลุ่มหนึ่ง เสียงดี ไอเดียเยี่ยม แสดงละครเก่ง
ทำให้รุ่นน้องสามัคคีกันเป็นงานอดิเรก ตอนที่อยู่ในระหว่างเทศกาลว้าก
คนกลุ่มนี้จะไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไร้ความร่าเริง ไม่คุยกับเด็กปีหนึ่ง
ทำหน้าตายได้อย่างเดียว
หลุด :
อาการที่ว้ากเกอร์ทำกิริยาอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งอยู่นอกเหนือข้อห้ามข้างบน หรือผิดคิวระหว่างว้าก
เสรีภาพ :
สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างทางความคิด
คิดได้อย่างเดียว คิดเข้าไปเถอะ แต่อย่าทำ
เสมอภาค :
สิ่งที่ถูกอ้างว่ามีอยู่จริงในมหาวิทยาลัย แต่ถูกจำกัดด้วยคำว่า
Seniority และ Instructor
ภราดรภาพ :
สิ่งที่อาจมีอยู่จริง แต่ยังไม่มีใครมองเห็นและนำมาใช้
เฟรชชี่ :
ผ้าขาว สดใส น่ารัก หน้าตาอ่อนใส ไร้เดียงสา ที่สำคัญต้องใส่รองเท้าสีขาว
เป็นคำจำกัดความของเด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่แก่โลก และถูกชักจูงง่ายมาก
บอกอะไรเชื่อหมด …หลอกง่ายดี…ชอบ
ประชุมเชียร์ :
โดยปกติมักจัดเวลากินข้าวเย็นถึงเวลานอน เรียกมาให้พร้อมหน้ากัน
แล้วร้องเพลงเชียร์ มักอยู่คู่กับประเพณีว้าก
เพลงเชียร์ :
สิ่งปลุกใจเฟรชชี่ให้เกิดความรักพวกพ้อง รักรุ่นพี่ รักคณะตัวเอง
คณะอื่นไม่เกี่ยว ไม่ดี ไม่ได้เรื่อง คณะเราดีที่สุด…อย่ามายุ่งนะ
นิสิตนักศึกษา :
คนกลุ่มหนึ่ง มีหน้าที่เรียน เรียน และเรียน แต่มีบางส่วนที่ลืมตัว
เผลอเอาเวลามาทำกิจกรรมจนไม่มีเวลาไปเรียน
รุ่นพี่ :
ปูชนียบุคคล ไหว้ได้ถ้าจำเป็น ต่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิดเดียว
คือ เมื่อเวลาเดินผ่านแล้วไม่ทักทายอาจโดนข้อหาหนักได้
ชุดนิสิตนักศึกษา :
นิยมแต่งเฉพาะช่วงสอบ
หอพักนักศึกษา :
แหล่งซ่องสุมกำลังอย่างดีของนักศึกษา มีครบทุกอย่างที่กฎของหอพักห้าม
มักอยู่ไกลจากตึกเรียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร
อาคารเรียน :
สถานที่ควรให้ความเคารพ ห้ามแต่งกายไม่สุภาพ ยกเว้นสายเดี่ยวหรือขาสั้น
มักมีศาลอยู่ด้านหน้า ช่วงสอบจะมีพวงมาลัยหลากสีสัน และขนมต้มแดง ขนมต้มขาว
จักรยาน :
พาหนะยอดนิยมของนักศึกษา อาจอัพเกรดเป็นจักรยานยนต์ได้ถ้ากระเป๋าหนัก
รถยนต์ :
พาหนะของนักศึกษาบางกลุ่มที่บ้านอยู่ไกล แต่ไม่มีสตางค์จะเช่าหอพัก
เวลาเรียน :
กำหนดเวลาเข้าห้อง สายได้ไม่เกินที่อาจารย์กำหนด และอาจโดนแบน
โดยการล็อคห้อง ไม่ให้เข้า
ก่อนสอบ :
เวลาที่มีเสียงบ่นงึมๆ ระงม บ้างก็ท่องสูตรเคมี บ้างก็บ่นว่าอ่านหนังสือไม่ทัน
แต่ไม่อยากอ่าน
สอบ :
เวลาตายของใครบางคน อิ อิ…
หลังสอบ :
เวลาที่ควรเปิดหนังสือวิชาที่เพิ่งสอบเสร็จไป
มานั่งอ่านอย่างขะมักเขม้น
F :
เกรดเกรดหนึ่ง หนึ่งตัวมีค่าเท่ากับเงินค่าหน่วยกิตของวิชาที่ได้เกรดนั้น
และเวลาที่เรียนไปทั้งเทอม
A :
เกรดที่บางครั้งได้ไม่เท่ากันในแต่ละปี ตามแต่ใจอาจารย์
บางครั้งคะแนนสูงกว่า B+ นิดเดียว
จบ :
คำพูดสั้นๆ ของอาจารย์ เมื่อเวลาที่เราเรียนครบตามหน่วยกิตที่กำหนด
อาจเกินสี่ปีได้ในบางกรณี
เกียรตินิยม :
เหมือนกีฬาโอลิมปิก มีการชิงเหรียญทอง แถมแว่นตา
และข้อความในประกาศเพิ่มอีกสองสามประโยค
สถานที่ที่หนึ่ง เข้าก็ยาก ออกก็ยาก เป็นที่โปรดปรานของบิดามารดา
เวลาออกมาแล้วได้กระดาษมาคนละแผ่น เรียกว่าใบปริญญา อาจมีความรู้แถมมาด้วยเล็กน้อย
มหาวิทยาลัยเปิด :
ตรงกันข้ามกับอันแรก เข้าง่าย แต่ออกยากกว่ามหาวิทยาลัยปิด
ได้ใบปริญญามาเช่นกัน แต่คุณค่าต่ำกว่าอันแรกโดยใช้ค่านิยมเป็นตัวตัดสิน
ปริญญาบัตร :
เอาไว้ยืนยันการเลือกงานตามสาขาและระดับที่ร่ำเรียนมา
ต่ำกว่านั้นไม่ได้ ห้าม…เสียศักดิ์ศรีหมด
คณะ :
หมวดหมู่ของวิชา เลือกเรียนได้ตามความถนัด สนใจ พอใจ คะแนนเอนท์ฯ
และความพอใจของท่านบิดามารดา
บิดามารดา :
เรียกอีกอย่างว่าผู้ปกครอง มักบอกลูกตัวเองว่าให้เลือกเรียนตามความถนัด
จะเอาแพทย์จุฬาฯ เภสัชมหิดล อักษรจุฬาฯ หรือนิติธรรมศาสตร์ก็ได้ เลือกเอานะลูก…
กิจกรรม :
เอาไว้ฝึกแบ่งเวลาและฝึกเข้าสังคม ควรเพลาๆ ลงเมื่อได้ F เกินสามตัวต่อปี
รับน้องใหม่ :
กิจกรรมหนึ่ง มักมีขึ้นช่วงก่อนมหาวิทยาลัยเปิดภาคเรียนที่หนึ่ง
เป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคีและความสนิทสนมให้แก่รุ่นน้องและรุ่นพี่
ถ้ามีหลังเปิดภาคเรียนเรียกว่า ว้าก
ว้าก :
กิจกรรมตอนเย็นๆ ที่มีมาแต่โบราณกาล ปัจจุบันก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่แยะ
มักมีขึ้นช่วงเย็นๆ ถึงดึกๆ เป็นการทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเสรีภาพ เสมอภาค
และภราดรภาพ โดยใช้คำผรุสวาท และมีกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้มากมาย
เด็กใหม่ทุกคนต้องเข้า และต้องแต่งชุดเหมือนกันหมด
เข้าทุกวันไม่ว่าจะมีสอบย่อย หรือมีเรียนตอนเช้าวันรุ่งขึ้น …ไม่เข้าใช่มั๊ย…
ประเดี๋ยวเถอะ…สิบชุดเล็ก…ยี่สิบเอ็ดชุดใหญ่…ปฏิบัติ!
ว้ากเกอร์ :
บุคคลกลุ่มหนึ่ง เสียงดี ไอเดียเยี่ยม แสดงละครเก่ง
ทำให้รุ่นน้องสามัคคีกันเป็นงานอดิเรก ตอนที่อยู่ในระหว่างเทศกาลว้าก
คนกลุ่มนี้จะไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ ไร้ความร่าเริง ไม่คุยกับเด็กปีหนึ่ง
ทำหน้าตายได้อย่างเดียว
หลุด :
อาการที่ว้ากเกอร์ทำกิริยาอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งอยู่นอกเหนือข้อห้ามข้างบน หรือผิดคิวระหว่างว้าก
เสรีภาพ :
สิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในมหาวิทยาลัยที่เปิดกว้างทางความคิด
คิดได้อย่างเดียว คิดเข้าไปเถอะ แต่อย่าทำ
เสมอภาค :
สิ่งที่ถูกอ้างว่ามีอยู่จริงในมหาวิทยาลัย แต่ถูกจำกัดด้วยคำว่า
Seniority และ Instructor
ภราดรภาพ :
สิ่งที่อาจมีอยู่จริง แต่ยังไม่มีใครมองเห็นและนำมาใช้
เฟรชชี่ :
ผ้าขาว สดใส น่ารัก หน้าตาอ่อนใส ไร้เดียงสา ที่สำคัญต้องใส่รองเท้าสีขาว
เป็นคำจำกัดความของเด็กที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ยังไม่แก่โลก และถูกชักจูงง่ายมาก
บอกอะไรเชื่อหมด …หลอกง่ายดี…ชอบ
ประชุมเชียร์ :
โดยปกติมักจัดเวลากินข้าวเย็นถึงเวลานอน เรียกมาให้พร้อมหน้ากัน
แล้วร้องเพลงเชียร์ มักอยู่คู่กับประเพณีว้าก
เพลงเชียร์ :
สิ่งปลุกใจเฟรชชี่ให้เกิดความรักพวกพ้อง รักรุ่นพี่ รักคณะตัวเอง
คณะอื่นไม่เกี่ยว ไม่ดี ไม่ได้เรื่อง คณะเราดีที่สุด…อย่ามายุ่งนะ
นิสิตนักศึกษา :
คนกลุ่มหนึ่ง มีหน้าที่เรียน เรียน และเรียน แต่มีบางส่วนที่ลืมตัว
เผลอเอาเวลามาทำกิจกรรมจนไม่มีเวลาไปเรียน
รุ่นพี่ :
ปูชนียบุคคล ไหว้ได้ถ้าจำเป็น ต่างกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิดเดียว
คือ เมื่อเวลาเดินผ่านแล้วไม่ทักทายอาจโดนข้อหาหนักได้
ชุดนิสิตนักศึกษา :
นิยมแต่งเฉพาะช่วงสอบ
หอพักนักศึกษา :
แหล่งซ่องสุมกำลังอย่างดีของนักศึกษา มีครบทุกอย่างที่กฎของหอพักห้าม
มักอยู่ไกลจากตึกเรียนไม่ต่ำกว่าหนึ่งกิโลเมตร
อาคารเรียน :
สถานที่ควรให้ความเคารพ ห้ามแต่งกายไม่สุภาพ ยกเว้นสายเดี่ยวหรือขาสั้น
มักมีศาลอยู่ด้านหน้า ช่วงสอบจะมีพวงมาลัยหลากสีสัน และขนมต้มแดง ขนมต้มขาว
จักรยาน :
พาหนะยอดนิยมของนักศึกษา อาจอัพเกรดเป็นจักรยานยนต์ได้ถ้ากระเป๋าหนัก
รถยนต์ :
พาหนะของนักศึกษาบางกลุ่มที่บ้านอยู่ไกล แต่ไม่มีสตางค์จะเช่าหอพัก
เวลาเรียน :
กำหนดเวลาเข้าห้อง สายได้ไม่เกินที่อาจารย์กำหนด และอาจโดนแบน
โดยการล็อคห้อง ไม่ให้เข้า
ก่อนสอบ :
เวลาที่มีเสียงบ่นงึมๆ ระงม บ้างก็ท่องสูตรเคมี บ้างก็บ่นว่าอ่านหนังสือไม่ทัน
แต่ไม่อยากอ่าน
สอบ :
เวลาตายของใครบางคน อิ อิ…
หลังสอบ :
เวลาที่ควรเปิดหนังสือวิชาที่เพิ่งสอบเสร็จไป
มานั่งอ่านอย่างขะมักเขม้น
F :
เกรดเกรดหนึ่ง หนึ่งตัวมีค่าเท่ากับเงินค่าหน่วยกิตของวิชาที่ได้เกรดนั้น
และเวลาที่เรียนไปทั้งเทอม
A :
เกรดที่บางครั้งได้ไม่เท่ากันในแต่ละปี ตามแต่ใจอาจารย์
บางครั้งคะแนนสูงกว่า B+ นิดเดียว
จบ :
คำพูดสั้นๆ ของอาจารย์ เมื่อเวลาที่เราเรียนครบตามหน่วยกิตที่กำหนด
อาจเกินสี่ปีได้ในบางกรณี
เกียรตินิยม :
เหมือนกีฬาโอลิมปิก มีการชิงเหรียญทอง แถมแว่นตา
และข้อความในประกาศเพิ่มอีกสองสามประโยค
เครดิต : http://unigang.com/Article/977
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น