สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายนและย่างเข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2555 ใกล้จะหมดปีใครที่ตั้งใจว่าปีนี้จะลงมือทำสิ่งใดแต่ยังไม่ได้เริ่มก็ยังพอมีเวลา 'สวัสดีแคมปัส' คิดว่าอย่าปล่อยเวลาให้เลยผ่าน ใครจะเริ่มต้นสิ่งดีๆ ก็ขอให้เริ่มตั้งแต่วันนี้ อย่ามัวรอและคิดว่าปีหน้าค่อยเริ่ม ไม่มีวันไหนฤกษ์ดีเท่าวันที่เราตั้งใจเต็มที่หรอก
สัปดาห์นี้ 'สวัสดีแคมปัส' จะพาไปรู้จักกับสาวลูกครึ่งที่ไม่มีครึ่งไทย แต่การมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็กทำให้เธอใช้สัญชาติไทยได้ พร้อมกับก้าวย่างการเดินตามเส้นทางฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
'น้องลิซ่า' นางสาวอริษา เสรีอำนวย นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะศิลปศาสตร์ สาขาธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยศรีปทุม เริ่มเล่าถึงเส้นทางชีวิตในวัยเด็กกับ 'สวัสดีแคมปัส' ว่า จริงๆ แล้วตั้งแต่เกิดได้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นดินแดนที่คุณพ่อซึ่งเป็นชาวจีน และคุณแม่เป็นชาวเวียดนามพบกัน จึงเกิดและโตที่นั่นจนอายุ 5 ขวบ อากงซึ่งมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ประเทศไทยป่วยหนัก คุณพ่อจึงตัดสินใจพาครอบครัวมาอยู่ที่นี่นับจากนั้น ซึ่งตอนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย รวมถึงเรื่องภาษาที่ต้องมาเริ่มฝึกพูดใหม่แต่ต้น
สัปดาห์นี้ 'สวัสดีแคมปัส' จะพาไปรู้จักกับสาวลูกครึ่งที่ไม่มีครึ่งไทย แต่การมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็กทำให้เธอใช้สัญชาติไทยได้ พร้อมกับก้าวย่างการเดินตามเส้นทางฝันที่ไม่ไกลเกินเอื้อม
'น้องลิซ่า' นางสาวอริษา เสรีอำนวย นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะศิลปศาสตร์ สาขาธุรกิจการบิน มหาวิทยาลัยศรีปทุม เริ่มเล่าถึงเส้นทางชีวิตในวัยเด็กกับ 'สวัสดีแคมปัส' ว่า จริงๆ แล้วตั้งแต่เกิดได้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นดินแดนที่คุณพ่อซึ่งเป็นชาวจีน และคุณแม่เป็นชาวเวียดนามพบกัน จึงเกิดและโตที่นั่นจนอายุ 5 ขวบ อากงซึ่งมาทำธุรกิจส่วนตัวที่ประเทศไทยป่วยหนัก คุณพ่อจึงตัดสินใจพาครอบครัวมาอยู่ที่นี่นับจากนั้น ซึ่งตอนนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้เลย รวมถึงเรื่องภาษาที่ต้องมาเริ่มฝึกพูดใหม่แต่ต้น
น้องลิซ่า บอกว่า ตอนนั้นเราใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสาร พอมาเมืองไทยต้องใช้เวลาเกือบเดือน กว่าจะเริ่มพูดภาษาไทยได้สักคำหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ภาษาไทยมาตลอดจนภาษาญี่ปุ่นที่เคยพูดได้ก็ค่อยๆ ลืมเลือนเพราะไม่ได้ใช้เลย จนกระทั่งช่วงเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ บดินทรเดชา ได้เลือกเรียนสายศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น แต่การเรียนภาษาญี่ปุ่นก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากนัก
เมื่อขยับเข้าสู่ช่วงเข้ารั้วมหาวิทยาลัย น้องลิซ่าไม่มีความลังเลที่จะเลือกเรียนทางด้านที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก คือการเป็นแอร์โฮสเตส จึงเลือกเรียนด้านธุรกิจการบิน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งเธอเชื่อว่าที่นี่จะช่วยให้เธอสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มที่ หรืออย่างน้อยก็สามารถนำไปทำงานด้านธุรกิจการบิน งานภาคพื้นสนามบินได้
"การเรียนการสอนในสาขานี้ไม่ใช่ว่าสอนเพื่อให้ทุกคนเป็นแอร์โฮสเตสเพียงอย่างเดียว แต่เราจะได้เรียนรู้สายงานกว้างๆ ด้านธุรกิจการบิน อุตสาหกรรมการบิน หรือแม้กระทั่งเรื่องภาษาซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการทำงานด้านนี้ ยิ่งการที่เรากำลังเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การรู้ภาษาถือเป็นอาวุธสำคัญในการทำงาน"
เมื่อขยับเข้าสู่ช่วงเข้ารั้วมหาวิทยาลัย น้องลิซ่าไม่มีความลังเลที่จะเลือกเรียนทางด้านที่ตัวเองชอบและใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็ก คือการเป็นแอร์โฮสเตส จึงเลือกเรียนด้านธุรกิจการบิน ที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งเธอเชื่อว่าที่นี่จะช่วยให้เธอสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในการทำงานได้อย่างเต็มที่ หรืออย่างน้อยก็สามารถนำไปทำงานด้านธุรกิจการบิน งานภาคพื้นสนามบินได้
"การเรียนการสอนในสาขานี้ไม่ใช่ว่าสอนเพื่อให้ทุกคนเป็นแอร์โฮสเตสเพียงอย่างเดียว แต่เราจะได้เรียนรู้สายงานกว้างๆ ด้านธุรกิจการบิน อุตสาหกรรมการบิน หรือแม้กระทั่งเรื่องภาษาซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการทำงานด้านนี้ ยิ่งการที่เรากำลังเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การรู้ภาษาถือเป็นอาวุธสำคัญในการทำงาน"
แม้น้องลิซ่าถือว่าเป็นคนเรียนดีมากคนหนึ่ง จากเกรดเฉลี่ยรวม 3.8 ช่วงมัธยม แต่เธอบอกว่า การปรับตัวมาเรียนในช่วงเทอมแรกถือว่ายากมาก นอกจากเรื่องของเวลาเรียนที่ทำให้มีเวลาว่างช่วงรอยต่อวิชามากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เราละเลยแล้ว ต้องขยัน มีวินัยและต้องเรียนรู้ด้วยตนเองให้มากขึ้น ส่วนในอนาคตจะเป็นอย่างหวังหรือไม่ก็ไม่สำคัญเท่าการที่เราตั้งใจในทุกๆ วัน หากไม่ได้อย่างหวังก็ยังคงอยากทำงานในสายงานทางด้านนี้ หรืองานที่ใช้ภาษาเช่นไกด์หรือล่าม
เห็นเป็นสาวเปลี่ยนสัญชาติแบบนี้ แต่น้องลิซ่ามีความเป็นเสน่ห์ปลายจวักเต็มขั้น ถึงขั้นเคยแข่งประกวดทำอาหารและได้รางวัลมาแล้วในช่วงมัธยม และตอนนี้เธอก็ยังเป็นผู้ทำอาหารให้คนในบ้านรับประทานด้วย น้องลิซ่าบอกว่า การชอบทำอาหารเกิดจากการที่เราชอบกิน จึงอยากทำเพื่อให้รสชาติถูกปากตัวเองมากที่สุด ส่วนคนที่สอนก็คือคุณแม่ ถึงตอนนี้ก็สามารถทำได้หลายอย่างโดยเฉพาะอาหารฝรั่ง ส่วนอาหารไทยก็ทำได้ แต่ถ้าถามว่าอันไหนทำยากกว่าคงเป็นอาหารไทย
เห็นเป็นสาวเปลี่ยนสัญชาติแบบนี้ แต่น้องลิซ่ามีความเป็นเสน่ห์ปลายจวักเต็มขั้น ถึงขั้นเคยแข่งประกวดทำอาหารและได้รางวัลมาแล้วในช่วงมัธยม และตอนนี้เธอก็ยังเป็นผู้ทำอาหารให้คนในบ้านรับประทานด้วย น้องลิซ่าบอกว่า การชอบทำอาหารเกิดจากการที่เราชอบกิน จึงอยากทำเพื่อให้รสชาติถูกปากตัวเองมากที่สุด ส่วนคนที่สอนก็คือคุณแม่ ถึงตอนนี้ก็สามารถทำได้หลายอย่างโดยเฉพาะอาหารฝรั่ง ส่วนอาหารไทยก็ทำได้ แต่ถ้าถามว่าอันไหนทำยากกว่าคงเป็นอาหารไทย
ส่วนเวลาว่างหรืองานอดิเรกอื่นที่ลิซ่าทำเพื่อผ่อนคลาย คลายเครียดและเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยคือการวาดรูป ซึ่งเธอบอกว่า แม้จะชอบวาดรูปมาก แต่ไม่สนใจการเรียนที่จริงจัง เพราะเวลาวาดรูปโดยมีกรอบหรือโจทย์เมื่อไรเหมือนจะทำให้ตัวเองเครียดและกดดันมากกว่าเดิม การวาดรูปจึงเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อพักผ่อนมากกว่า
ณ ปัจจุบัน น้องลิซ่าถือสัญชาติไทยตั้งแต่อยู่เมืองไทยครบเวลาที่สามารถเปลี่ยนสัญชาติได้ เธอบอกว่า ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปประเทศญี่ปุ่น และยังไม่มีโอกาสเดินทางไปประเทศบ้านเกิดของคุณพ่อคุณแม่ จึงคิดว่าหากเรียนจบและได้ทำงานในสายงานที่หวังก็อาจจะได้ไปเที่ยวประเทศเหล่านั้น แต่โดยส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ชาติอื่นอาจไม่มีหรือมีไม่เท่าคือรอยยิ้มและความเป็นกันเอง
ท้ายสุดน้องลิซ่าฝากคติการใช้ชีวิตซึ่งเธอคิดว่ามีความสำคัญมากคือ "การใช้ชีวิตโดยคิดว่าทุกวันคือวันสุดท้าย โดยต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าและเต็มที่กับมันให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราและคนที่เรารัก เวลาเรารู้สึกอะไรก็ควรแสดงออกมาแบบนั้น และก็ควรพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่".
ณ ปัจจุบัน น้องลิซ่าถือสัญชาติไทยตั้งแต่อยู่เมืองไทยครบเวลาที่สามารถเปลี่ยนสัญชาติได้ เธอบอกว่า ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปประเทศญี่ปุ่น และยังไม่มีโอกาสเดินทางไปประเทศบ้านเกิดของคุณพ่อคุณแม่ จึงคิดว่าหากเรียนจบและได้ทำงานในสายงานที่หวังก็อาจจะได้ไปเที่ยวประเทศเหล่านั้น แต่โดยส่วนตัวคิดว่าสิ่งที่เป็นเสน่ห์ของคนไทยที่ชาติอื่นอาจไม่มีหรือมีไม่เท่าคือรอยยิ้มและความเป็นกันเอง
ท้ายสุดน้องลิซ่าฝากคติการใช้ชีวิตซึ่งเธอคิดว่ามีความสำคัญมากคือ "การใช้ชีวิตโดยคิดว่าทุกวันคือวันสุดท้าย โดยต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าและเต็มที่กับมันให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดกับเราและคนที่เรารัก เวลาเรารู้สึกอะไรก็ควรแสดงออกมาแบบนั้น และก็ควรพอใจในสิ่งที่เป็นอยู่".
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น