น้องคนไหน ที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความผิดหวัง เสียใจ และทดท้อหมดกำลังใจจากผลของการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันการศึกษาตามที่คาดหวังเอาไว้ อย่าเพิ่งปล่อยให้ตัวเองโดนกลืนกินด้วยความท้อถอยไปนะคะ อยากให้ลองหันมาฟังทางนี้ เอ้า ก็ชีวิตมันยังไม่ได้จะจบตรงนี้ซะหน่อย ถ้าไม่ลุกแล้วเดินต่อ จะไปถึงปลายทางได้อย่างไรกันจ๊ะ
อย่าลืมไปว่า นี่เป็นแค่หนึ่งเรื่องที่ผ่านเข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของเราเท่านั้น การวัดนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครสอบติดหรือไม่ติดตามสิ่งที่ตัวเองหวัง แต่อยู่ที่การเรียนให้ได้ดีในคณะและวิชาที่เราเลือก และสามารถนำความรู้ทีได้รับ ออกมาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพและในชีวิตจริงต่างหาก ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ผู้คนที่ก้าวมาอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตมากมาย ก็ไม่ได้มาจากมหาลัยปิดหรือมหาวิทยาลัยรัฐเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า การสอบคัดเลือกในครั้งนี้ไม่ใช่เครื่องวัดว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต ต้องเรียกว่าเป็นแค่จุดเริ่มต้นถึงจะถูก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเริ่มชีวิตของเราอย่างไร นั่นต่างหากที่สำคัญ
ลองมองรอบๆ ตัว ออกไปจนถึงข้างนอก ตามถนนหนทาง ผู้คนมากมายที่มีเรื่องผิดหวัง คงไม่ใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่พลาดหวังจากการสอบในครั้งนี้ ยังมีคนอีกตั้งครึ่งค่อนประเทศที่เหมือนเรา ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องเสียอกเสียใจไม่ต้องคิดทำอะไรกันต่อไป เปล่าเลย เรียนที่นี่ไม่ได้ ก็เรียนที่อื่น หรือไม่ก็เตรียมตัวใหม่อีกครั้งเพื่อลองใหม่อีกปีหน้า ถ้าอยากจะสอบคณะที่เราหวังให้ได้จริงๆ เอ้า ก็ลองใหม่ไม่ว่ากัน แต่สิ่งสำคัญ ต้องเข้าใจไว้อย่างว่า วิชาความรู้นั้น เราหาและขวนขวายได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะต่อให้เราสอบชิงชัยได้ที่นั่งในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งตามที่เราหวังไว้ แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ไม่เอาวิชาหรือสิ่งที่ประโยชน์ติดตัวออกมา ก็ไม่น่าจะลงแรงสอบแข่งขันให้เหนื่อยเปล่าเลย เรียกว่าไปกินที่คนอื่นที่เขามีความตั้งใจจะเรียนซะเปล่าๆ
บางคนอาจจะห่วงไปถึงเรื่องการทำงาน ว่าชื่อของสถาบันอาจมีผลต่อการสมัครงานหรือรับเข้าทำงานในวันข้างหน้า กับความเชื่อที่ว่าใครมาจากสถาบันชื่อดังก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณามากกว่านั้น อยากจะบอกว่ามันหมดยุคไปแล้วจ้ะ เดี๋ยวนี้โลกการทำงานเปิดกว้างมากขึ้น โอกาสมีรออยู่เสมอสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความกระตือรือร้นในการทำงานมากกว่าคนที่มีแค่ชื่อสถาบันติดตัวออกมาเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะจบมาจากที่ไหนไม่สำคัญ มันอยู่ที่ว่าเราฝึกฝนตัวเองให้พร้อมเริ่มต้นการทำงานในชีวิตจริงได้มากน้อยแค่ไหน โอกาสย่อมเป็นของคนที่พร้อมกว่าไม่ใช่คนที่มาจากที่ๆ ดังกว่าซะหน่อย แต่ถึงแม้ชื่อสถาบันจะแทบไม่มีผลต่อการคัดเลือกเข้าทำงานในสมัยนี้แล้ว แต่ผลการเรียนนั้นยังเป็นส่วนสำคัญที่ยังคงมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะยังถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงความรับผิดชอบของตัวเราที่มีได้อย่างชัดเจนมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน ก็ต้องตั้งใจให้เกรดสวยๆ ไว้ ไม่เสียหายแน่นอน
เส้นทางสู่ความสำเร็จนั้น ไม่ได้ถูกขีดไว้เป็นเส้นตรง มีหนทางมากมายที่เราจะเลือกก้าวเดินไปเพื่อให้ถึงจุดนั้นของชีวิต เพราะฉะนั้น จงเลือกทางที่เหมาะสมให้กับตัวเราเอง ส่วนจะใช้เวลาในการเดินทางเร็วหรือช้านั้นไม่สำคัญ แต่จงมองหามุมที่มีความสุขบนเส้นทางนั้นให้เจอ แล้วเต็มที่กับทางที่เราเลือก ก้าวเดินอย่างมั่นใจ อย่าให้เสียกำลังใจของคนที่เอาใจช่วยเราอยู่รอบๆ ข้าง ความสุขและความสำเร็จมีให้เราไขว่คว้าอยู่รอบตัว ลองเปิดใจให้กว้างแล้วค้นหาสิ่งนั้นด้วยตัวเราเอง ยังมีสิ่งใหม่น่าค้นหารอเราอยู่ในทางข้างหน้ามากมาย ถ้าไม่ก้าวเดินไป จะเจอสิ่งดีๆ ที่รออยู่ได้อย่างไรกันจ๊ะ จริงไหม
Credit sanook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น