วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เปิดหัวใจ “บี้ เดอะสกา” ผู้ชายคนนี้มีแต่ฮา

    เหล่าบรรดาสาวกโซเชียลเน็ตเวิร์คทั้งหลายคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ผู้ชายคนนี้ “บี้ เดอะสกา” หนุ่มน้อยหน้าทะเล้นวัย 24 ปี ผู้มีชื่อเสียงเรียงนามตามบัตรประชาชนว่า “นายกฤษณ์ บุญญะรัง” ผู้สร้างปรากฏการณ์จากคนธรรมดา กลายเป็น ซุปตาร์ ในชั่วข้ามคืนด้วยการนำคลิปวิดิโอของตนเองไปลงใน ยูทูป สร้างกระแสความนิยมจนยอดวิวพุ่ง เรตติ้งของเขาพุ่งกระฉูด คลิปวิวพุ่งสูงจนถึงหลักล้าน ด้วยมิวสิกวิดีโอเพลง “กลัวที่ไหน” เลียนแบบศิลปินดัง บี้ เดอะสตาร์
 
“นายกฤษณ์ บุญญะรัง” เจ้าของฉายา "บี้ เดอะ สกา"
       วันนี้ Life On Campus มีโอกาสได้คุยกับหนุ่มคนนี้ หลังจากที่เข้าเพิ่งเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากรั้วมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 3.33 คว้าเกรดนิยมอันดับ 2 จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกวิชาคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาโท ณ สถาบันเดิม ในสาขา “สารสนเทศทางธุรกิจ” เพื่อต่อยอดความฝันที่อยากมีบริษัทไอทีเป็นของตัวเอง
 
คุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัวบุญญะรัง
       ผู้ชายคนนี้เป็นใคร มาจากไหน
      
       “บี้เป็นคนต่างจังหวัด บ้านอยู่ จ.หนองบัวลำภู เป็นลูกคนเดียว คุณพ่อเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ประจำจังหวัด ส่วนคุณแม่รับราชการครู ระดับ 3 โรงเรียนอนุบาลหนองบัวลำภู ครอบครัวดูแลและอิสระกับผมมาตลอด และที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ท่านเป็นคนอารมณ์ดี สนับสนุนให้ผมร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก พาไปร้องเพลงตามเวทีต่างๆ"
      
       งานนี้ เจ้าตัวไม่รอช้า โชว์ลูกคอด้วยเพลงของติ๊ก ชิโร่ นักร้องในดวงใจ“..รอรับได้เลย ไม่เคยบิดพลิ้ว..” หรือ ..ออกมาเต้น ออกมาเต้น เด็ดขาดลีลาไปเลย..”
      
       “ผมชอบเพลงของพี่ติ๊ก ชิโร่ ร้องได้เกือบทุกเพลง ลีลาการเต้นก็ไม่เบา เต้นได้พลิ้วตลอด ผมชอบทำให้คนอื่นหัวเราะ และยิ้มไปพร้อมๆกับเรา เพราะรู้สึกว่า มันทำให้เราคลายเครียดได้ ลักษณะตัวตนของผม จะเป็นคนที่ชอบทำตัวเด่น แตกต่างจากคนอื่น ชอบหาอะไรแปลกมาเล่น สร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้าง”

 
สมัยวัยละอ่อน
       อดีต “ประธานนักเรียน” 
      
       ขอย้อนอดีตกลับไป สมัยยังเป็นเด็กนักเรียนอีกครั้ง แทบจะไม่หน้าเชื่อว่า หน้าตาหล่อๆแบบแปลกอย่างนี้จะได้เป็นถึง “ประธานนักเรียน และนักเรียนโอลิมปิกคอมพิวเตอร์ตัวแทนจังหวัด ผู้ผ่านเข้ารอบคัดเลือกระดับประเทศ “
      
       บี้ รีบบอกทันทีว่า หลายคนอาจจะมองว่า ชีวิตดูเป็นคนตลก ไร้สาระไปวันๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องเรียนจะเป็นคนละคนทันที โดยเฉพาะวิชาคอมพิวเตอร์เป็นสิ่งที่ถนัดมากที่สุด
        “ตอนมัธยมผมเรียนที่โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร เรียนสายวิทย์-คณิต ทำกิจกรรมโรงเรียนมาโดยตลอด เป็นตัวแทนนักเรียนเข้าแข่งขันโอลิมปิกคอมพิวเตอร์ จนได้เป็นตัวแทนจังหวัดเข้าคัดเลือกระดับประเทศ และด้วยลักษณะนิสัยที่ชอบทำตัวเด่น ทำตัวแปลกและแตกต่างจากคนอื่น ส่งผลให้ได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียน จนกระทั่งเรียนจบ ม.6 คว้าตำแหน่งนักเรียนเกียรตินิยม อันดับ 1 ของโรงเรียน ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.98 (หน้าไม่ให้เลยสักนิด)"

 
สมัยยังเป็นเฟรชชี่น้องใหม่
       ดาวเด่นวิศวฯ บางมด
       

       ก่อนหน้านี้ ผมสอบติดที่ ม.ขอนแก่น แต่ผมอยากโกอินเตอร์ เข้าสู่เมืองกรุงกับเขาบ้าง ผมเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ เอกวิชาคอมพิวเตอร์ ที่มจธ. (บางมด) สอบติดด้วยโควต้าโอลิมปิกคอมพิวเตอร์
      
       "ผมมองว่า สถาบันแห่งนี้ เด่นเรื่องหลักสูตรวิศวฯ ดีกรีอันดับต้นๆ ของประเทศ หลักสูตรมันโดนใจผมมาก แต่พอมาเรียนแรกต้องปรับตัวเยอะมาก เพราะเด็กต่างจังหวัดอย่างผมพอเข้ามาอยู่กรุงเทพ กลายเป็นเด็กหอ ตื่นเต้นไม่เคยแยกจากครอบครัวนานๆ แบบนี้ ส่วนเรื่องการเรียนแตกต่างจากมัธยม เวลาสอบต้องอ่านหนังสือเอง ต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือ ไม่มีสถาบันติวเหมือนตอนมัธยม และที่สำคัญชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยทำให้เรามีอิสระมากขึ้น”
      
       เมื่อก้าวเข้าสู่ชีวิตเด็กมหา'ลัยเต็มตัว บี้ ยังคงนิสัยแปลกๆ ยังคงมีความเป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม ปี 1 ยังเป็นเฟรชชี่ พอขึ้นปี 2 เริ่มแต่งตัว เสื้อนักศึกษาเข้ารูป พอดีตัว กางเกงทรงกระบอกไม่ได้รัดจนน่าเกียจ
      
       "ผมจะเน้นสีสันด้วยเชือกผูกรองเท้าผ้าใบ สีทอง สีเขียว แต่พอได้ใส่เสื้อช็อบของคณะ เสื้อด้านในเริ่มเปลี่ยน จากเสื้อนักศึกษาเป็นเสื้อเชิ้ตและยังคงความเป็นตัวเองด้วยสีสะท้อนแสง แต่ทุกๆ การแต่งตัวต้องเรียบร้อยถูกตามกฏระเบียบของมหาวิทยาลัย

      
       ถามว่ามีคนทักไหม คงต้องเปลี่ยนคำถามเป็น มีใครบ้างที่ไม่ทัก เพราะแต่งตัวแบบนี้มีแต่คนมอง เพราะมันเป็นสไตล์ของผม ซึ่งทุกคนก็รู้ดี เพราะผมพยายามทำตัวให้เด่นตามสไตล์อยู่แล้ว นอกจากนี้ผมก็ไม่พลาดที่จะทำกิจกรรมของคณะ เพราะผมเชื่อว่า กิจกรรมเกิดขึ้นปีละครั้งเท่านั้น ถ้าเราพลาดไปก็แย่ และที่สำคัญยิ่งทำกิจกรรม ยิ่งทำให้รู้จักเพื่อนมากขึ้น และเพื่อนก็รู้จักเรามากขึ้นด้วย"
      
       ประเดิมคลิปแรก แจ้งเกิด
      
       “จำได้ว่า คืนนั้นก่อนสอบเกิดเครียดหนัก ก็เลยคิดทำคลิปวิดีโอคลายเครียด เพราะอ่านหนังสือมันก็ไม่ทันแล้ว เลยทำคลิปเพลง"มันต้องถอน"ของปอยฝ้าย มาลัยพร เพราะตอนนั้นก็มีเพลงอย่างนี้มันต้องถอนกำลังดัง ผมก็เอาเลยอัดจากคอมพิวเตอร์ แล้วผมก็ทำสีหน้าท่าทางฮาๆ ให้เพื่อนรู้ว่าเราเครียด ทำให้เพื่อนในกลุ่มดูส่งอัพขึ้นยูทูบ เพื่อนก็ส่งต่อไปเรื่อยๆ พอมาดูวิวก็โห ขึ้นเร็วมาก แสดงว่าคนชอบฮาดี มีคอนเมนต์มาเยอะมากว่าชอบ ผมคิดว่าอันนั้นน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำเอ็มวีลงในยูทูบมาเรื่อยๆ”
      
       
      
       หลังจากสอบเสร็จ มีเวลาว่างมากขึ้นก็เริ่มมีเพลงที่ 2 ที่ 3 ตามมาเรื่อยๆ เลียนแบบขึ้นมา อาทิ โฆษณา What Ever Will Be Will Be กินวิตามิน กลัวที่ไหน, รักนะคะ Look Like Love ฯลฯ
      
       "ก่อนที่จะทำเพลงไหน ผมจะดูก่อนว่ามันจะดังหรือเปล่า และถ้าผมดูแล้วว่ามันโดน ผมก็จะเอามาทำสไตล์ผม มาทำสีหน้าท่าทางให้ฮาๆ เต้นพลิ้วๆ ตามสไตล์ ส่วนเรื่องสถานที่ก็ถ่ายในห้องบ้าง หน้ามหาวิทยาลัย หลังมหาวิทยาลัยบ้าง โปรโมตมหาวิทยาลัยไปด้วยในตัว (หัวเราะ)”
       

       ช่วงนั้นผมค่อนข้างเงียบ พอมาเห็นพี่โคมก็รู้สึกว่าเขายังทำได้เลย รู้สึกแพ้ไม่ได้ ทำให้ผมตัดสินใจทำคลิปต่อ จนกระทั่งมาทำเพลง “กลัวที่ไหน” ของพี่บี้ เดอะสตาร์ และที่สำคัญ MVเพลงนี้ยังไม่ได้ปล่อยลงยูทูบ "ผมก็ไม่รอช้า หัดร้อง หัดเต้น คืนแรกซ้อม คืนที่สองตั้งกล้อง ถ่ายคลิปเอง เพราะตั้งใจจะต้องทำคลิปออกก่อนที่ MV ของจริงจะลง ไม่น่าเชื่อว่า คนดูจะเยอะมาก สุดท้ายก็มีรายการทีวีเอาเรื่องของผมไปพูด กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม เริ่มมีแฟนคลับบ้างแล้ว"
      
       ที่มา “บี้ เดอะ สกา”
       

      
       
      
       หลังจากที่คลิปเลียนแบบเพลง “กลัวที่ไหน” ของบี้ เดอะสตาร์ แพร่หลายในยูทูป หรือแม้กระทั่งรายการโทรทัศน์ทั่วไป ทำให้หนุ่มน้อยคนนี้ อยากที่จะมีฉายาที่ทำให้คนรู้จักมากขึ้น และคุ้นเคยกับความเป็นตัวตนที่ไม่เหมือนใคร เค้าจึงตั้งฉายาตัวเองว่า “บี้ เดอะ สกา”
      
       “จริงๆ ผมชื่อ บี้ อยู่ก่อนแล้ว จึงคิดอยากจะหาฉายาขึ้นมาสักชื่อ เพราะหลายคนจำเราได้จากคลิปวีโออันนู้นบ้าง อันนี้บ้าง เรียกไม่ถูก จนได้มาทำคลิปวีดีโอของพี่ บี้ เดอะสตาร์ ซึ่งผมชื่นชอบ และหน้าตาละม้ายคล้ายพี่บี้ อยู่แล้ว จึงคิดว่างั้นผมขอเป็นบี้ เดอะสกา บ้างก็แล้วกัน ส่วนทำไมต้อง เดอะสกา ก็เพราะว่า ผมชอบแนวเพลงสกา เร็กเก้ ที่มีความสนุกสนาน ผมอยากให้ทุกคนฟังเพลงผมและสนุกไปพร้อมๆ กัน"
       

       ปัจจุบันผลตอบรับของการอัพโหลดคลิปวีดีโอลงบนเว็บไซต์ยูทูบของ บี้ เดอะสกา มีอย่างหนาแน่น “ทุกวันนี้ ผมก็ดีใจที่มีคนรู้จักเราและชื่นชอบสิ่งที่เราทำไป ทุกวันนี้สิ่งที่ผมคิด คือ จะทำคลิปอะไรให้โดนใจคน และต้องมีการพัฒนาอะไรให้แตกต่างออกไปจากที่เคยทำมา ทั้งเทคนิคการถ่ายทำ การตัดต่อ หรือท่าเต้น ด้วยวิชาความรู้ที่เราเรียนมา”
      
       “45 คลิป 31 ล้านวิว” สุดยอดผลงาน
       

      
       
      
       ปัจจุบันบี้เดอะสกากลายไอดอลของใครหลายๆคน ที่อยากจะสร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้ชม เขาคนนี้ ถือว่ามีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ที่จะสร้างสรรค์ผลงานดีๆออกมาเรียกเสียงรอยยิ้มแก่ผู้ที่มาเข้าชม ซึ่งผลงานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บี้ได้สร้างผลงานรวมทั้งสิ้น 45 คลิป ติดกระแสความนิยมด้วยยอดผู้เข้าชม 31 ล้านวิว

 
แฟนคลับในสังกัด บี้ เดอะสกา
       “เคล็ดลับที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ ด้วยการทำคลิปเลียนแบบนั้น ต้องเน้น ฮา ต้องกล้าทำในสิ่งที่คนคิดไม่ถึง ต้องเซอร์ไพรซ์ ทำให้แตกต่าง และไม่เหมือนใคร แบบว่าคนทั่วไปไม่ทำกัน เวลาไปที่ไหนคนจะได้จำง่าย และที่สำคัญเราต้องมีแบรนด์ ต้องตั้งชื่อตัวเองให้คนจำได้ เอาไว้เรียกชื่อเวลาถูกบอกต่อ เช่น ดูคลิปพี่บี้ เดอะ สกาหรือยัง อะไรประมาณนี้”
 
วันแห่งความสำเร็จลูกพระจอม
       
 
ไม่หล่อมาก แต่เก่งที่สุด
       อนาคต “บี้ เดอะ สกา”
       

       ช่วงเวลาระหว่างรอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร บี้ ตัดสินใจเข้าทำงานด้วยตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ของบริษัทแห่งหนึ่งตามความฝันสมัยเรียนมัธยม “ช่วงเวลา 1 ปี ผมเลือกที่จะทำงานตามที่ผมได้เรียนมา กับตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ เป็นความฝันที่ตั้งใจมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ได้ทำตามความสามารถของตัวเอง จนกระทั่งตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโท คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ เอกสาขาสารสนเทศทางธุรกิจ เพิ่มเติมความรู้ที่ผมเรียนมาแล้ว เน้นแนวไอทีบวกกับเรื่องการตลาด มาร์เก็ตติ้ง เพราะผมอยากมีองค์กรเป็นของตัวเอง อยากทำรายการเป็นของตัวเอง
       

 
ดีกรีหนุ่มวิศวฯ เกียรตินิยมอันดับ 2
       
 
เพื่อนฝูงร่วมสถาบัน
       "ที่ผ่านมา ผมได้สัมผัสสื่อมีเดีย โซเชียลเน็ตเวิร์ค มาร์เก็ตติ้ง ทำให้รู้ว่า ผมสามารถนำไอทีมาปรับเป็นองค์กรของผมเองได้ จับเรื่องโซเชียลเน็กเวิร์คมารวมกันได้ บวกกับประสบการณ์ของการทำงาน ผมอยากให้คนทั่วโลกรู้จัก โกอินเตอร์โดยมีคนไทยช่วยผลักดันผม แต่ก็ไม่ได้ออนแอร์บนทีวีนะ ยังอยู่ในออนไลน์ ในโซเชียลเน็ตเวิรค์ แต่คงไม่ใช่อาชีพหลัก เพราะรายได้มาตามกระแส ไม่ได้มาแน่นอน เพราะมันเป็นวัฏจักรอยู่แล้ว มาเร็ว ไปไหว และยังคงทำคลิปต่อไป คงไม่หยุดแน่นอน เพราะผมเกิดมาจากที่ตรงนี้ ผมจะหยุดไม่ได้”


Credit  Campus.manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น: