วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

เก่งแบบใหม่เก่งอย่างไร


นักเรียนไทยใช้เวลาอยู่ในห้องเรียนมากที่สุดในโลก เด็กไทยจมอยู่แต่ในห้องเรียน และโรงเรียนกวดวิชา เรียนเรื่องเก่าๆเดิมๆซ้ำๆ จนลืมไปว่า โลกและสิ่งแวดล้อม สังคม มีอะไรให้ศึกษาและเรียนรู้อีกมากมาย เด็กไม่มีเวลาทำสิ่งที่ชอบ ค้นหาสิ่งที่สนใจ และค้นพบความเป็นตนเอง ศักยภาพ อัจฉริยภาพ ถูกลดทอน เพราะระบบการศึกษาที่ทำให้คนกลายเป็นตำราเดินได้ ตั้งแต่มีการปฏิรูปการศึกษา เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นนักเรียนทำกิจกรรมที่แตกต่างกันไปตามความสนใจ เห็นครูนั่งดูเด็กออกมาบรรยาย เห็นเด็กหัวเราะและสนุกสนานในห้องเรียน มาถูกทางแล้วครับ แต่ยังมีอีกมากมาย ที่ครูและผู้บริหาร ยังคงต้องกังวลกับการตรวจสอบมาตรฐานการศึกษา ยังคงกังวัลว่าเด็กจะมีเวลาเรียนวิชาต่างๆน้อยเกินไป บางโรงเรียนยังพัฒนาเด็กทุกคน ให้เป็น นักเรียนที่ เก่งแบบเก่า เห็นข้อมูลแล้วก็คงจะบอกได้ว่า ถึงเวลาอันสมควรที่เราเตรียมความพร้อมให้แก่เด็ก ๆ ในรูปแบบใหม่ ให้เขาสนุกที่โรงเรียน เขาจะได้มี “ความเก่ง” ในรูปแบบใหม่ สามารถรับมือกับโลกในอนาคตได้อย่างมั่นคง… เก่งแบบใหม่เก่งอย่างไร ต้องเก่งแบบ บิลล์ เกตส์ คือรู้ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองชอบอะไรแล้วก็ลุยเลย เขาเรียนปี 2 ที่ฮาร์เวิร์ด ดร็อปการเรียนไว้ ป่านนี้ยังเรียนไม่จบปริญญาตรีครับ เขาสนใจเรื่องอินเตอร์เน็ต เรื่องคอมพิวเตอร์และเป็นคนแรกของโลกที่ทำให้เราสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว ไม่ต้องเรียนมากมาย ไม่ต้องรู้จักโปรแกรมก็ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ นี่แหละครับ คนสร้างระบบปฏิบัติการ วินโดว ที่คนทั่วโลกใช้กัน เขาประสบความสำเร็จและกลายเป็นคนร่ำรวยอันดับหนึ่งของโลกมาหลายปีติดต่อกัน แต่ปีล่าสุด หลุดอันดับไป เพราะนำเงินไปบริจาคซะเยอะ คนเรียนไม่จบปริญญาตรีคนนี้แหละครับ พูดเรื่องอะไร ดอกเตอร์ยังต้องตั้งใจฟัง ทุกคนมีความเก่งอยู่ในตัว เพื่อเตรียมพร้อมรับสาขาแห่งอนาคต ถ้าอยากเก่งแบบใหม่ ลองสำรวจดูตัวเองว่าเราอยาก้ก่งแบไหน เหมาะกับทางใค ผมมีแนวทางในการเลือกเป็น คนเก่งแบบใหม่ เก่งแบบ4+1 คือเลือกเอาหนึ่งใน4ด้าน ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเก่งทุกด้าน เพียงแต่ขอให้เก่งสักด้าน บวกด้านบังคับ เพราะจำเป็นต้องเก่งอีก1ด้าน แค่นี้ก็สามารถทำงานในอนาคตได้แล้ว
เลือก 4 เก่งได้ดังนี้ครับ …
1.เก่งภาษา
ในอเมริกาคนจบวิทยาศาสตร์น้อยลง ค่าตัวนักวิทยาศาสตร์ในอเมริกาจึงแพง อเมริการวยได้เพราะงานวิจัย การคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ แล้วมาจ้างให้ต่างชาติทำ
ในประเทศอินเดีย มีคนจบวิศวะเยอะแยะ ค่าจ้างก็ถูก ภาษาอังกฤษดี ตอนนี้คนอเมริกาจึงต้องมาจ้างคนอินเดียทำงาน เรียกว่าการจ้างงานต่อ (Outsourcing)
จ้างต่อกันจนทำให้ เมืองบังกาลอร์ กลายเป็นแหล่งผลิตโปรแกรม ศูนย์รวมนักวิจัยและพัฒนาด้านไอทีที่ใหย๋เป็นที่สองของโลก รองจากซิลิคอนวาเลย์ ที่ซานฟรานซิสโก
เดี๋ยวนี้คนรับโทรศัพท์ของโรงแรมที่นิวยอร์ค ไม่ได้นั่งอยู่ที่นิวยอร์คแล้ว แต่มีบริษัทอินเดียที่บังกาลอร์ รับงานต่อ คนรับโทรศัพท์เป็นคนอินเดีย แต่ทำงานเสมือนเป็นพนักงานที่นั่งอยู่ที่โรงแรมในอเมริกา
งานด้านบัญชี รวมทั้งงานวิจัยของอเมริกา จำนวนมากมายหลั่งไหลมาที่ บังกาลอร์
เงินเดือนของคนที่ทำงานในบังกาลอร์ สูงกว่าเงินเดือนของคนอินเดียทั่วไปมากกว่าสองสามเท่าตัว
ที่เชียงใหม่ บริษัททำการ์ตูนจากยุโรปมาจ้างคนไทยทำ ตอนแรก ๆ ก็รับพนักงานที่เขียนการ์ตูนเก่งพูดภาษาอังกฤษได้ เขียนเก่งหาไม่ยาก แต่ที่พูดอังกฤษรู้เรื่องนี่ยากหน่อยครับ คนที่ทำกาตูนร์และพูดอังกฤษได้ จึงรับเงินเดือนสูงกว่าเพื่อนๆที่จบมาพร้อมกันมากกว่าเท่าตัว
นี่เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ของโลกยุคนี้ โดยเฉพาะที่บังกาลอร์ของอินเดีย เดี๋ยวนี้คนทำงานที่บังกาลอร์ได้เงินเดือนมากกว่าคนที่ทำงานที่อื่นถึง 3 เท่า
ประเทศจีน เห็นอินเดียทำได้ขนาดนี้ก็เอาบ้าง แต่คนจีนมีอุปสรรคในการพูดภาษาอังกฤษทุกวันนี้จึงเร่งฝึกฝนกันสุดฤทธิ์สุดเดช เพื่อที่จะตั้งซิลิคอน วัลเลย์หรือศูนย์รวมไอทีแห่งที่ 3 ของโลกขึ้นมาที่เมืองต้าเหลียน
แม้วันนี้คนจีนจะยังใช้ภาษาอังกฤษไม่คล่อง แต่ได้เปรียบตรงที่แต่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ เพราะต้าเหลียนเคยถูกญี่ปุ่นเข้ามาครอบครอง ทำให้คนจีนในเกาะเล็ก ๆ ที่นี่พูดภาษาญี่ปุ่นได้  คนญี่ปุ่นร่ำรวย เศรษฐกิจก็ดี แต่ค่าแรงสูงมาก เดี๋ยวนี้เลยมาจ้างคนจีนทำต่อก็เลยแฮปปี้กันทั้งสองฝ่าย
เพราะฉะนั้นวันนี้ เด็กไทยเราที่กำลังจะไปเรียนเกษตร ไปเรียนประมง ไปเรียนศึกษาศาสตร์ หรือเอกอะไรก็ตามขอให้เก่งภาษารับรองไปรอด นี่คือเก่งแบบแรก ที่เลือกได้
2.เก่งประสาน
ปัจจุบันและในอนาคตจะมีการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านต่างที่ดูเหมือนว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ ตั้งแต่สองสาขาหรือสามสาขาขึ้นไป คนที่มีความรู้หลากหลายนี้จะสามมารถ คิด และสร้าง สิ่งใหม่ๆได้ ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ จะเป็นตัวกลางในการสื่อสารความรู้และบูรณาการความรู้ที่แตกแต่งกัน
เช่น ความร่วมมือระหว่างวิศวคอมพิวเตอร์กับปฐพีวิทยา  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้นำเอาสองสาขามาทำความร่วมมือที่น่าจะเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้อย่างดี
คือบ้านเราจะปลูกอะไรขึ้นไม่ขึ้นอยู่ที่ดินและการให้ปุ๋ย  และปุ๋ยที่ทำขายและซื้อใช้กันอยู่ในปัจจุบันคือปุ๋ยสำเร็จรูป
นักปฐพีวิทยาได้ทำการวิจัย พบว่าถ้าปุ๋ยมีสูตรผสมที่เหมาะสมจะทำให้เกิดผลผลิตที่ดีขึ้นกว่า 30% จึงทำเครื่องมือสำรวจดิน ก็แจกจ่ายไปให้เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล เพื่อนำตรวจดูค่าของดิน จะรู้ว่าดินเป็นกรดเป็นด่างอย่างไร จะได้นำไปสั่งส่วนผสมปุ๋ยที่ตรงกับสภาพดิน แต่ชาวไร่ชาวนาวัดเสร็จก็ไม่รู้ว่าจะไปบอกทางร้านอย่างไร เพราะไม่ได้เรียนเกษตรมา ด้วยการประสานความรู้ด้านวิศวกรรม ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ก็ได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาโดยผ่านโทรศัพท์มือถือ เป็นโปรแกรมที่ช่วยชาวไร่ชาวนา ทีนี้พอเกษตรกรนำเครื่องมือวัดไปตรวจสอบดิน ก็เพียงแค่นำค่าที่ครวจสอบได้ ใส่ลงในโทรศัพท์มือถือ แค่กด SEND
สูตรปุ๋ยก็ปรากฏบนหน้าจอ
ชาวไร่ชาวนาก็ไปซื้อปุ๋ยได้เอง
เรื่องเก่งประสานนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ที่ มหาวิทยาลัยจอร์เจีย เทคโนโลยี ของสหรัฐ เขาเน้นเรื่องนี้มานาน ตอนนี้คณะวิศวะของที่นี่ใช้ระบบการรับนักศึกษาแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน คือ ให้นักเรียนที่มาสมัครเล่นดนตรีแข่งกัน ไม่ต้องมาคณิตศาสตร์แข่งกันแล้ว เพราะว่าอยากได้วิศวกรที่มีจินตนาการ ไม่ต้องการแบบเดิม ๆ คือคิดเลขเก่ง คำนวณเก่งมันจะไม่เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ขึ้นมา
ในยุโรปตอนนี้เงินเดือนสูงมากๆคือนักสถิติที่เก่งด้านชีววิทยา
มหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มีการปรีบเปลี่ยนหลักสูตรเร็วมากครับ
NYUมหาวิทยาลัย นานยาง เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเซียด้านวิศวกรรม ตอนนี้เร่งเปิดสาขาที่ มีลักษณะประสาน ใหม่ๆหลายสาขา เช่น สาขา ชีววิศวกรรมและเคมีโมเลกุลวิศวกรรม (นี่คือสาขาเดียวนะครับไม่ใช่สองสาขา)
สาขา  วิศวกรรมและเศรษฐศาสตร์
ในประเทศเราหลายมหาวิทยาลัยก็เริ่มเปิดหลักสูตรประสานกันแล้ว ใครอยากเก่งแบบนี้ก็น่าสนใจนะครับ
3.เก่งเชี่ยวชาญ
ถ้าเก่งพูดให้คนขำ ก็ต้องฝึกฝนจนสามารถยึดเป็นอาชีพได้ ตลกเมืองไทยรายได้สูงกว่าหมอนะครับ
ไทเกอร์วูด ลาออกจากสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยในฝันของคนอเมริกัน เพราะมุ่งมั่นสิ่งเดียวในชีวิต คือ กอล์ฟ และเขาก็กลายเป็นนักกีฬาอาชีพอันดับหนึ่งของโลก
สตีเฟน สปีลเบอร์ก หมกมุ่นทุ่มเทกับการทำหนังตั้งแต่แปดเก้าขวบ และกลายมาเป็นผู้สร้าง อินเดียน่าโจนส์ จูราสสิคพารค์ เป็นตำนานของฮอลลีวูด ทั้งๆที่ไม่เคยเรียนเรื่องการทำหนังในมหาวิทยาลัยใดๆ
แอด คาราบาว เรียนจบด้านสถาปัตย์ แต่คงใช้เวลากับการเรียนรู้ด้านสถาปัตย์น้อยกว่าการทุ่มเทด้านงานดนตรี
140หน่วยกิต เรียนในมหาวิทยาลัย มันไม่พอที่จะทำให้ใคร เก่ง เชี่ยวชาญได้หรอกครับ
ถ้าจะเลือกเก่งด้านนี้ต้องมุ่งมั่นทุ่มเท จริงจัง ค้นหาตนเองแล้วเดินหน้าฝึกฝน หาความรู้
ต้องสำเร็จครับ
4.เก่งคิด
ถ้ายังค้นหาตัวเองไม่ได้ว่าทั้ง 3 ด้านที่ผ่านมา เราจะเก่งจริงหรือไม่ ก็มาสำรวจเรื่องความคิดกัน ปัญหาเด็กส่วนใหญ่ในบ้านเรามักจะเน้นในการทำโจทย์ ตอนเป็นเด็กเรามักจะถูกสอนว่า 2+2 ต้องเป็น 4 ถ้าไม่ตอบ 4 คือผิด ซึ่งการเรียนการสอนแบบนี้มันไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์  ลองมาดูการคิดแบบสิงคโปร์ เขาจะถามเด็กว่าเลขอะไรที่มากกว่า 2+2 อาจจะเป็น 7+1 หรือ 9+3 ก็ได้ นี่คือการคิดแบบสิงคโปร์
ใช้คณิตศาสตร์เหมือนกัน แต่ผลออกมาต่างกันเลย
ทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์ถูกเหมือน ๆ กัน  ไม่จำเป็นว่าจะต้องตอบ 4 ให้เหมือนกันหมดถึงจะถูก
เรื่องความคิดสร้างสรรค์บ้านเรามีปัญหามาก ยกตัวอย่างคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คราคา 35,000 บาท คนทำอยู่สมุทรปราการ ค่าทำ 5,000 บาท แต่คนคิดรับไป 30,000 บาท นี่เป็นทิศทางของอนาคตแน่นอน
ถ้าใครเลือกทางนี้จะต้องเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้  เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยาก
ค่าของความคิดสร้างสรรค์เดี๋ยวนี้มันแพงเหลือเกิน
แค่มีคนคิดเก่ง ๆ ประเทศชาติก็รวยเหลือเกินแล้ว
มาดูเรื่องความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นinnovation  คือมีการจดสิทธิบัตร สถิติในอเมริกาชี้ชัดว่าเพียงแค่เขามีคนส่วนหนึ่งทำ innovation ประเทศเขาก็รวยได้แล้ว ฟินแลนด์ประเทศเล็กนิดเดียวแต่มี innovation อันดับ 2 ของโลก
ส่วนเอเชียเราญี่ปุ่นอยู่อันดับ 12 ของโลก
ไทยเราเริ่มดี ปีนี้อยู่อันดับที่ 43 ของโลก ก้าวหน้าขึ้นเยอะมาก นี่เป็นนิมิตหมายอันดี
5.เก่งดำเนินชีวิต
นักเรียนน้อยใจแฟน ฆ่าตัวตาย
นักศึกษาเกรดสามกว่ามหาวิทยาลัยชื่อดัง โดดตึกตาย
แห่ซื้อเลขเด็ด
จับสึกพระมั่วสีกาคากุฏิ
สั่งพักการเรียนรุ่นพี่ รับน้องโหด
ประสานงาฉลองรับปริญญา ตายอนาถ คาดว่าเมา
รุมโทรม สารภาพรู้จักทางอินเตอร์เนต
วันนี้เราอยู่ท่ามกลางกระแสของข้อมูลและสังคมที่ซับซ้อนกว่าเดิมมาก  ดังนั้นไม่ว่าจะเก่งด้านใดแต่ถ้าไม่เก่งดำเนินชีวิต ก็น่าเสียดายกับความเก่งที่ต้องมาจบลงง่ายๆ
ความจริงแล้ว ถึงเราจะไม่เก่งด้านใดเลยแต่เราเป็นคนมีน้ำใจ ใครเห็นก็รัก ทำอะไรใครก็อยากช่วย ผมเจอคนอย่างนี้ ไม่ต้องเก่งอะไรประสบความสำเร็จมามากมาย
เราอาจไม่เก่งด้านใดแต่เป็นคนซื่อสัตย์ จนเป็นที่ร่ำรือ อย่างนี้ใครๆก็ต้องการตัว คนไม่เก่งแต่ซื่อสัตย์ ก็ประสพความสำเร็จได้เช่นกัน
คนร่ำรวยมากมายที่ไม่ได้หาเงินเก่ง แต่เก็บมากใช้น้อย ความประหยัดนี่ก็เป็นความเก่งด้านดำเนินชีวิตที่ทำให้เราร่ำรวย
อยากเก่งดำเนินชีวิตลองไปดูแผนที่ชีวิตสิครับที่ www.teenlifemap.com

ไม่มีความคิดเห็น: