กายภาพ บำบัด (Physical Therapy หรือ Physio Therapy)
เป็นวิชาชีพทาง ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน รักษา
และจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติที่เกิดขึ้นจากสภาพและภาวะของ โรค ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต
กายภาพบำบัดจะกระทำโดย นักกายกายภาพบำบัด (PT)หรือผู้ช่วยนักกายภาพ บำบัด(Physical Therapy Assistant) ภายใต้การดูแลและแนวทางของนักกายภาพบำบัดอย่างไรก็ตาม
แพทย์ทางด้านการ จัด กระดูก โปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัดยังเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสาธารณสุขอื่นๆ อีกด้วย
นัก กายภาพ บำบัด จะใช้ประวัติทางการรักษา และข้อมูลจากการตรวจร่างกาย
เพื่อประกอบการวินิจฉัยและ ให้การรักษา
ถ้าหากว่าจำเป็น
นักกายภาพ บำบัดอาจจะต้องอาศัยข้อมูล หรือผลจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
และการศึกษาภาพถ่ายทางรังสีด้วย
การ ตรวจวินิจฉัยทางไฟฟ้า (เช่น การตรวจคลื่นกล้ามเนื้อไฟฟ้า, การวัดความเร็วการนำกระแสประสาท)
ยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยได้
นักกายภาพบำบัด
ปฏิบัติงานในหลาย ลักษณะงาน เช่น ในส่วนของผู้ป่วยนอก คลินิค หรือสำนักงาน, แผนกผู้ป่วยใน
เกี่ยวกับเวชกรรมฟื้นฟู, ผู้ป่วยที่ทำการฟื้นฟูอยู่บ้าน, วงการการศึกษา หรือศูนย์วิจัย, โรงเรียน,
สถานพักฟื้น,โรงงานอุตสาหกรรม,ศูนย์ฟิตเนส และ สถานการฝึกสอนนักกีฬา
เป็นวิชาชีพทาง ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกัน รักษา
และจัดการเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติที่เกิดขึ้นจากสภาพและภาวะของ โรค ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงของชีวิต
กายภาพบำบัดจะกระทำโดย นักกายกายภาพบำบัด (PT)หรือผู้ช่วยนักกายภาพ บำบัด(Physical Therapy Assistant) ภายใต้การดูแลและแนวทางของนักกายภาพบำบัดอย่างไรก็ตาม
แพทย์ทางด้านการ จัด กระดูก โปรแกรมการรักษาทางกายภาพบำบัดยังเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการสาธารณสุขอื่นๆ อีกด้วย
นัก กายภาพ บำบัด จะใช้ประวัติทางการรักษา และข้อมูลจากการตรวจร่างกาย
เพื่อประกอบการวินิจฉัยและ ให้การรักษา
ถ้าหากว่าจำเป็น
นักกายภาพ บำบัดอาจจะต้องอาศัยข้อมูล หรือผลจากห้องปฏิบัติการทางการแพทย์
และการศึกษาภาพถ่ายทางรังสีด้วย
การ ตรวจวินิจฉัยทางไฟฟ้า (เช่น การตรวจคลื่นกล้ามเนื้อไฟฟ้า, การวัดความเร็วการนำกระแสประสาท)
ยังสามารถช่วยในการวินิจฉัยได้
นักกายภาพบำบัด
ปฏิบัติงานในหลาย ลักษณะงาน เช่น ในส่วนของผู้ป่วยนอก คลินิค หรือสำนักงาน, แผนกผู้ป่วยใน
เกี่ยวกับเวชกรรมฟื้นฟู, ผู้ป่วยที่ทำการฟื้นฟูอยู่บ้าน, วงการการศึกษา หรือศูนย์วิจัย, โรงเรียน,
สถานพักฟื้น,โรงงานอุตสาหกรรม,ศูนย์ฟิตเนส และ สถานการฝึกสอนนักกีฬา
การเรียน >>> กายภาพบำบัด ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
ปีที่ 1.
เพิ่งเข้าสู่รั้ว มหาวิทยาลัย จึงรู้สึกหนักมาก
ต้องทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งรับน้องเอย เข้าซ้อมแสตนเชียร์เอย หนักหนาสาหัสมาก
เลิกเรียนเสร็จต้องรีบเข้าห้องเชียร์ แต่อยากบอกน้องๆว่า เราควรเข้าเชียร์
เพราะมันจะสอนอะไรแก่เราหลายๆอย่าง ทั้งความสามัคคี เสียสละ
รักใคร่กลมเกลียว ทำให้เรามีเพื่อนเยอะด้วย
......... ส่วนเรื่องเรียน
จะเป็นวิชาพื้นฐานทั่วไป ยังเรียนสบายๆอยู่ เราควรทำเกรดให้ดีเอาไว้
และเตรียมตัวรับศึกหนักในปีต่อไป
ปล. )) คณะนี้เจอ แคล 1 ตัว
ปีที่ 2..
กิจกรรมก็ยังมี
อยู่ แล้วแต่ว่าเราจะเข้าร่วมหรือเปล่า
........ ส่วนการเรียน
จะหนักขึ้นเป็นเท่าตัว เราต้องปรับตัวให้ได้ จะเป็นพื้นฐานของวิชาชีพ
วิชาที่เด่นๆคือ
- Anatony 1,2 เราต้องเรียนกะอาจารย์ใหญ่นะ
ซึ่งจะแบ่งกลุ่มๆละ 5-7 คน ต่ออาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน
ช่วงนี้เราจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง
เพราะถ้าว่างเมื่อไรต้องรีบวิ่งเข้าหาอาจารย์ใหญ่
บางทีต้องเอากระดูกกลับหอไปนอนด้วย(กลัวอาจารย์ใหญ่เหงา)
ไม่รู้เป็นไรใครๆเห็นก็มองแปลกๆ แล้วเราจะเจอสอบแลปกริ๊ง ตื่นเต้นมากๆ
-Neuro
ต้องส่องสไลด์ดู และต้องมีจินตนาการสูงมากนะ
ปีที่ 3...
กิจกรรม
เริ่มห่างลง...การเรียนเริ่มเข้ามาแทนที่ เราจะเรียนวิชาชีพเต็มตัว
เรียนทฤษฎีกับปฏิบัติพอๆกันเลย จะเครียดและตื่นเต้นมากๆก็ตอนสอบแล็ป
กอดคอกันร้องไห้และหัวเราะก็จะเห็นในปีนี้แหละ
หมายเหตุ
ปิดเทอมต้องไปฝึก งาน 2 เดือน 2 ที่ วันแรกที่จับคนไข้ตื่นเต้นมาก
พอวันต่อๆมาค่อยดีขึ้น เราไปฝึกงานที่ รพ.พระพุทธบาท กับ รพ. ราชบุรี
เราเริ่มรักกายภาพก็ตอนที่เราฝึกคนไข้อัมพาตจากนั่งรถเข็นมา
จนเดินได้เรามีความสุขมากเลย
ปีที่ 4....
เทอม 1..
ปี นี้จะหนักไปทางโปรเจค
ต้องอดหลับอดนอน ชีวิตอยู่หน้่าคอมเกือบตลอดเวลา ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
เพราะถ้าไม่ผ่านก็จะไม่จบ
เราจะได้รู้นิสัยเพื่อนที่ซ่อนไว้ลึกๆก็ตอนนี้แหละ
เทอม 2..
เรา ต้องไปฝึกงานทั้ง เทอมเลย เราไปฝึกที่ รพ. พิจิตร อาจารย์ใจดีมากเลย
สอนทักษะนอกห้องเรียนให้มากมาย และอีกที่คือ รพ. อุตรดิตถ์
และ แล้ว
............. 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยก็ผ่านไปด้วยดี
จาก นั้นก็ มา
เริ่มใช้ชีวิตใหม่ในการทำงาน ซึ่งมันต่างจากตอนเรียนมากๆเลยแหละ
เรียนจบแล้วทำงานอะไร ได้บ้าง?. อ๋ออ
ไม่ต้องกังวลว่าจบแล้วจะไม่มีงานทำ
เพราะวิชาชีพเรามีแนวทางกว้างขวาง ให้เลือกตามถนัด ตามใจชอบ ได้แก่
ใครชอบรักษาคนไข้ ก็ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งเอกชนและรัฐบาล
ในส่วนของรัฐบาลตอนนี้กำลังขยายไปตามโรงพยาบาลชุมชน กำลังต้องการเป็นจำนวนมาก
- ใครชอบด้านความสวยความงาม ก็ไปทำในสปา หรือปรึกษาความงาม
- ใครชอบความท้าทาย ชอบความอิสระ ชอบเดินทาง ก็ไปเป็น sell man ขายอุปกรณ์การแพทย์
- ส่วนใครชอบกีฬา ชอบออกกำลัง กาย ก็ไปทำงานตามฟิตเนต
- หรือ...ใครมีเงิน ทุนก็เปิดคลีนิ คเองเลย รายได้ดีนะ
เป็นอย่าง ไรบ้าง รู้จักกายภาพมอนอ. ไปแล้ว
รู้สึกอย่างไรบ้างคะ >๐ๆ<
หยาดเหงื่อที่ริน รดบนใบหน้าของพ่อแม่ ~ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นค่าเล่าเรียน
เบื้องหลังของเงินที่เราจับจ่ายใช้ซื้อ
คือ ความเหนื่อยของพ่อแม่
จงใช้ ความเหนื่อยและเหงื่อ ทุกหยาดของพ่อแม่ที่แลกมาเป็นเงินเรา
“ให้คุ้มค่า”เถอะ...^^
Credit : http://www.unigang.com/
ปีที่ 1.
เพิ่งเข้าสู่รั้ว มหาวิทยาลัย จึงรู้สึกหนักมาก
ต้องทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งรับน้องเอย เข้าซ้อมแสตนเชียร์เอย หนักหนาสาหัสมาก
เลิกเรียนเสร็จต้องรีบเข้าห้องเชียร์ แต่อยากบอกน้องๆว่า เราควรเข้าเชียร์
เพราะมันจะสอนอะไรแก่เราหลายๆอย่าง ทั้งความสามัคคี เสียสละ
รักใคร่กลมเกลียว ทำให้เรามีเพื่อนเยอะด้วย
......... ส่วนเรื่องเรียน
จะเป็นวิชาพื้นฐานทั่วไป ยังเรียนสบายๆอยู่ เราควรทำเกรดให้ดีเอาไว้
และเตรียมตัวรับศึกหนักในปีต่อไป
ปล. )) คณะนี้เจอ แคล 1 ตัว
ปีที่ 2..
กิจกรรมก็ยังมี
อยู่ แล้วแต่ว่าเราจะเข้าร่วมหรือเปล่า
........ ส่วนการเรียน
จะหนักขึ้นเป็นเท่าตัว เราต้องปรับตัวให้ได้ จะเป็นพื้นฐานของวิชาชีพ
วิชาที่เด่นๆคือ
- Anatony 1,2 เราต้องเรียนกะอาจารย์ใหญ่นะ
ซึ่งจะแบ่งกลุ่มๆละ 5-7 คน ต่ออาจารย์ใหญ่ 1 ท่าน
ช่วงนี้เราจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง
เพราะถ้าว่างเมื่อไรต้องรีบวิ่งเข้าหาอาจารย์ใหญ่
บางทีต้องเอากระดูกกลับหอไปนอนด้วย(กลัวอาจารย์ใหญ่เหงา)
ไม่รู้เป็นไรใครๆเห็นก็มองแปลกๆ แล้วเราจะเจอสอบแลปกริ๊ง ตื่นเต้นมากๆ
-Neuro
ต้องส่องสไลด์ดู และต้องมีจินตนาการสูงมากนะ
ปีที่ 3...
กิจกรรม
เริ่มห่างลง...การเรียนเริ่มเข้ามาแทนที่ เราจะเรียนวิชาชีพเต็มตัว
เรียนทฤษฎีกับปฏิบัติพอๆกันเลย จะเครียดและตื่นเต้นมากๆก็ตอนสอบแล็ป
กอดคอกันร้องไห้และหัวเราะก็จะเห็นในปีนี้แหละ
หมายเหตุ
ปิดเทอมต้องไปฝึก งาน 2 เดือน 2 ที่ วันแรกที่จับคนไข้ตื่นเต้นมาก
พอวันต่อๆมาค่อยดีขึ้น เราไปฝึกงานที่ รพ.พระพุทธบาท กับ รพ. ราชบุรี
เราเริ่มรักกายภาพก็ตอนที่เราฝึกคนไข้อัมพาตจากนั่งรถเข็นมา
จนเดินได้เรามีความสุขมากเลย
ปีที่ 4....
เทอม 1..
ปี นี้จะหนักไปทางโปรเจค
ต้องอดหลับอดนอน ชีวิตอยู่หน้่าคอมเกือบตลอดเวลา ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย
เพราะถ้าไม่ผ่านก็จะไม่จบ
เราจะได้รู้นิสัยเพื่อนที่ซ่อนไว้ลึกๆก็ตอนนี้แหละ
เทอม 2..
เรา ต้องไปฝึกงานทั้ง เทอมเลย เราไปฝึกที่ รพ. พิจิตร อาจารย์ใจดีมากเลย
สอนทักษะนอกห้องเรียนให้มากมาย และอีกที่คือ รพ. อุตรดิตถ์
และ แล้ว
............. 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยก็ผ่านไปด้วยดี
จาก นั้นก็ มา
เริ่มใช้ชีวิตใหม่ในการทำงาน ซึ่งมันต่างจากตอนเรียนมากๆเลยแหละ
เรียนจบแล้วทำงานอะไร ได้บ้าง?. อ๋ออ
ไม่ต้องกังวลว่าจบแล้วจะไม่มีงานทำ
เพราะวิชาชีพเรามีแนวทางกว้างขวาง ให้เลือกตามถนัด ตามใจชอบ ได้แก่
ใครชอบรักษาคนไข้ ก็ทำงานในโรงพยาบาล ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งเอกชนและรัฐบาล
ในส่วนของรัฐบาลตอนนี้กำลังขยายไปตามโรงพยาบาลชุมชน กำลังต้องการเป็นจำนวนมาก
- ใครชอบด้านความสวยความงาม ก็ไปทำในสปา หรือปรึกษาความงาม
- ใครชอบความท้าทาย ชอบความอิสระ ชอบเดินทาง ก็ไปเป็น sell man ขายอุปกรณ์การแพทย์
- ส่วนใครชอบกีฬา ชอบออกกำลัง กาย ก็ไปทำงานตามฟิตเนต
- หรือ...ใครมีเงิน ทุนก็เปิดคลีนิ คเองเลย รายได้ดีนะ
เป็นอย่าง ไรบ้าง รู้จักกายภาพมอนอ. ไปแล้ว
รู้สึกอย่างไรบ้างคะ >๐ๆ<
หยาดเหงื่อที่ริน รดบนใบหน้าของพ่อแม่ ~ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นค่าเล่าเรียน
เบื้องหลังของเงินที่เราจับจ่ายใช้ซื้อ
คือ ความเหนื่อยของพ่อแม่
จงใช้ ความเหนื่อยและเหงื่อ ทุกหยาดของพ่อแม่ที่แลกมาเป็นเงินเรา
“ให้คุ้มค่า”เถอะ...^^
Credit : http://www.unigang.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น