กสพท ใกล้จะปิดรับสมัครแล้วนะครับ วันนี้ UniGang มีบทความดีดีมาให้อ่าน สำหรับคนอยากเป็นหมอ ลองมาอ่านบทความนี้ ที่เขียนโดยพี่หมอ ตอบถึงปมสงสัยในอาชีพแพทย์ ว่าหลังสอบเข้าไปแล้วชีวิตเราจะเป็นอย่างไร
..........................................................
สำหรับน้องๆที่กำลังตัดสินใจจะสมัครเรียนหมอ
พี่ตั้งใจเขียนให้อ่านนะครับ
เชื่อว่าน้องๆอาจจะค้นหาข้อมูลอะไรมาเยอะแล้ว
พี่เป็นหมอคนนึงที่หลายสิบปีก่อน
เคยเป็นอย่างน้องๆในรูปด้านล่าง
เคยปักธงชาติบนหน้าอก
เคยตั้งใจอยู่เอาทุนไปเรียนต่อวิศวะ
แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้อยากเรียนแพทย์
ตอนนั้นสงสัยปนไม่แน่ใจว่าอาชีพแพทย์ หลังจากสอบเข้าไปได้แล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นกับเราต่อไป
แต่ก็ไม่มีใครมาอธิบายแบบตรงๆ
มีแต่มาอ้อมๆ แบบหล่อๆ เช่น
'เป็นหมอเหนื่อยนะ แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ'
'เป็นหมอไม่รวยนะ แต่ก็ไม่จน'
- หมอเรียน 6 ปี จะได้จบเป็นแพทย์มีคำนำหน้า นายแพทย์ แพทย์หญิง
- ปีแรกเรียนคณะวิทย์
ปี 2-3 เรียนชั้น preclinic
ปี 4-6 เรียนชั้น clinic
- ปี 1 ยังใช้ทักษะคล้ายๆตอนม.ปลายอยู่บ้าง เรียนไป ทำกิจกรรมไป
- ปี 2 น้องจะได้เรียนศาสตร์ที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ในภาวะปกติ
ศัพท์แพทย์ ภาษากรีก ลาติน เป็นพันๆคำในช่วงเวลา 1 ปี
ส่วนใหญ่เป็นการท่องจำ ไม่ต้องไบรท์มากแต่ต้องขยัน สม่ำเสมอ
ใจต้องรัก เพราะต้องอยู่กับกลิ่นฟอร์มาลีนตลอดปี
- ปี 3 เรียนโรค เชื้อต่างๆ ร่างกายมนุษย์ที่ผิดปกติ
ท่องจำเป็นหลักเหมือนเดิม
คนที่สอบได้เกรดสูงๆ อาจจะไม่ใช่คนที่ได้คะแนนสูงตอนสอบเข้าก็ได้
เพราะรูปแบบการเรียนต่างออกไป
- ปี 4-6 คือการทำงาน
ต้องใช้ EQ มากกว่า IQ มากมายมหาศาล
ความรับผิดชอบ การเสียสละ รู้จักการทำงานเป็นทีม
ต้องทำงานกับพยาบาล รุ่นพี่ รุ่นน้อง
รูปแบบการเรียนฉีกออกไปจากที่น้องเคยรู้จักแบบสิ้นเชิง
เหมือนถูกถีบ ลงไปในมหาสมุทร
ความรู้มหาศาล ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นฝั่ง
ก่อนสอบลงกอง (ไม่แก่จริงอาจจะไม่รู้จักคำนี้)
จะมีโพยข้อสอบลอยมาให้ท่องไปสอบ จากรุ่นพี่
น้องอาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่โพยเหล่านั้น
คือสิ่งที่เค้าต้องการให้เรารู้ก่อนจบแพทย์ออกไป
ต้องเรียนให้เป็น
จึงจะเอาตัวรอดได้ ในแต่ละภาควิชาที่วนผ่าน
อารมณ์ประมาณ เที่ยวญี่ปุ่นทุกจังหวัด ภายใน 30 วัน
- 5-6 ปีนี้น้องต้องจากที่บ้านมาอยู่หอพัก
- น้องต้องสามารถอดนอน สามารถทำงานได้ 36 ชั่วโมงต่อเนื่อง
อาจได้กินข้าววันละมื้อ
อาจต้องยืนในห้องผ่าตัด 10 ชั่วโมงไม่ได้นั่ง
- น้องอาจต้องเสียความสดใส ในชีวิตวัยรุ่นตอนปลายไป
- ถ้ามีแฟนต่างคณะ โอกาสที่ต้องจบด้วยการเลิกราค่อนข้างสูง
- น้องต้องทำเกรดให้ดีที่สุด
ถ้าพี่อยากสร้างภาพพี่จะพูดว่า
'เกรดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นแพทย์' ฟังแล้วหล่อมั๊ยครับ
แต่ในโลกความเป็นจริง
เกรดตอนเป็นนักเรียนแพทย์นี่แหละกำหนด ชีวิตมะ-รึงเลย
- กดดันมั๊ย? เวลาก็ไม่ค่อยมี งานก็หนัก ยังต้องพะวงเกรดอีก
- จบออกมา น้องต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด 3 ปี
ปีแรก มักจะอยู่รพ.ใหญ่ ทำงานเป็นควาย บางที่หนักชนิดถ่อยเถื่อนเลยหล่ะ
เดือนนึงอาจจะได้นอนแค่ 10 - 15 คืน
ปีสอง ปีสาม อาจจะสบายหน่อย ออกไปอยู่รพ. อำเภอ
แต่ไกลผู้ไกลคน
- มีไม่กี่คนในรุ่นที่ถูกเลือกเป็นอาจารย์ จะออกไปใช้ทุนแค่ 1 ปีและกลับมา
เรียนต่อเลย พิจารณาจากเกรด กับ เส้นสาย (ลูกอาจารย์ นามสกุลต่างๆ)
- สามปีนี้แหละ ที่น้องจะได้สัมผัสระบบสาธารณสุขของบ้านเราแบบเข้าไส้
ขาข้างนึง อยู่ในคุก พี่ไม่ได้พูดเกินเลย
ถ้าเกิดอะไรขึ้น หันไปรอบๆ อาจหาไม่เจอซักคนที่คอยช่วยเรา
นอกจาก ขยัน อดทน เสียสละ น้องต้องอยู่ให้เป็น
ทำอย่างไร ให้ปลอดภัยที่สุดต่อคนไข้และตัวเราเอง
- รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 6 หมื่นถึง 1 แสนนิดๆ
ถ้าคิดต่อชม. ต่ำกว่าแรงงานขั้นต่ำ
น้องต้องเก็บเงินส่วนนึงเอาไว้ ก่อนไปเรียนต่อด้วย
เพราะตอนเรียนต่อ เงินเดือนสองหมื่นนิดๆ
- น้องจากพ่อแม่มากี่ปีแล้วนะ ตอนนี้ ... 9 ปีแล้ว
- จบ 6 ปี บวกใช้ทุนสามปี ถ้าน้องจะออกจากรพ. อำเภอ
กลับเข้ามาอยู่เมืองใหญ่
ไม่ต้องกรุงเทพ แค่จังหวัดใหญ่
พี่บอกเลยว่า ไม่พอ
น้องต้องเรียนต่อ ยิ่งยุคของน้องด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง
- การจะเรียนต่อมีสองแบบ
1. เรียนต่อในโรงเรียนแพทย์
2. ทำงานใช้ทุนในรพ. ใหญ่ เช่น รพศ.หลักๆตลอดตอนใช้ทุน 3 ปี บวกเพิ่มอีกนิดหน่อย
สามารถไปสอบอนุมัติบัตรเป็นแพทย์เฉพาะทาง
(ถ้าอยากทำแบบสอง น้องต้องสมัครตอนอยู่ปี 6 คนแย่งกันเยอะเหมือนกัน ดูเกรด กับ เส้น)
- ถ้าจะเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์หลังใช้ทุนครบสามปี ทำได้สองแบบ
1. สมัครด้วยตนเอง เรียกว่า free train
2. สมัครแบบมีต้นสังกัดส่งให้มาเรียน เรียกว่า ทุนต้นสังกัด
คือน้องต้องกลับไปทำงานให้รพ.ต้นสังกัดหลังจากเทรนจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง
- พื้นที่การได้เข้าเรียนต่อมีจำกัด ยิ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ดังๆ ยิ่งแข่งขันสูง
ถ้าเป็น free train น้องต้องได้เกรดสูงถึงสูงมาก
ทุนต้นสังกัด อาจไม่ต้องเกรดดีมาก แต่การจะได้ทุนต้นสังกัดนั้น
อาจต้องอาศัย เส้น และ ดวง ไม่ใช่ได้กันง่ายๆเช่นกัน
- การที่อาจารย์จะพิจารณารับว่าจะเอาใครมาเรียนต่อ
ไม่มีการสอบเข้า โดยทั่วไปจะดูสามอย่างตามลำดับดังนี้
1. เส้น
2. เกรด
3. ทุนต้นสังกัด
เค้าอาจจะเลือกกันตั้งแต่ก่อนเอาคุณไปสัมภาษณ์แล้วด้วยซ้ำ
(พี่พูดตรงไปมั๊ยวะเนี่ย)
- ไปๆมาๆมีแต่เส้น กับ เกรด
- การเทรนแพทย์เฉพาะทางใช้เวลา สามสี่ปี โดยเฉลี่ย
ต้องอดทนกับการโดนโขกสับ บางสาขาก็ถือว่าโหดมาก
ร้องไห้ ลาออก กันไปก็มี
- หลังจากจบแล้วก็ต้องอ่านหนังสือสอบบอร์ด
- จบแพทย์เฉพาะทางมาแล้วเราก็จะได้บอร์ด แต่ก็มักต้องเรียนต่อยอด
ในสาขานั้นๆอีก 2-3 ปี เพื่อให้ได้ subboard
- ช่วงที่เทรนอยู่ 3-6 ปีนี้จะค่อนข้างจนมาก เพราะรายได้สองหมื่น
ต้องอยู่เวรเพิ่ม การจะมีรถมีบ้านเป็นของตัวเอง แทบจะลืมไปได้เลย
- หลังจากเข้าแพทย์มาถึงตอนนี้ก็ ... 12 - 15 ปีแล้ว
อายุประมาณ 30 - 33 ปี น้องก็จะจบไปเป็นแพทย์เฉพาะทาง
เพิ่งได้เริ่มต้นชีวิต ขณะที่เพื่อนๆที่เรียนอาชีพอื่นไปถึงไหนกันหมดแล้ว
- การจะเชี่ยวชาญได้นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ทำงานอีกเป็นสิบปี
เพื่อที่จะมั่นใจมากพอในการรักษาคนไข้ซักคนนึง ให้ผิดพลาดน้อยที่สุด
รู้ด้านลบต่างๆแล้ว ทีนี้มาฟังด้านดีบ้าง
- แพทย์เปรียบเหมือนสื่อกลาง (media-) ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
เป็นคนที่อยู่บนเส้นของความเป็นกับความตาย
การตัดสินใจของเราบางครั้ง เลือกที่จะส่งวิญญาณไปสู่สุคติ หรือ เลือกที่จะให้เค้ามีชีวิตกลับคืนมา
- ศาสตร์ทางการแพทย์ มีไม่กี่คนในโลกที่มีโอกาสได้เรียน
'you are the chosen one'
อาจารย์ใหญ่ท่านอุทิศร่างท่านเพื่อแลกกับความรู้ในการสร้างแพทย์ขึ้นมา 1 คน
คนไข้มากมายในโรงเรียนแพทย์ที่เปรียบเหมือนครูที่สอนเรา ก่อนจะจบออกมา
- With great power comes great responsibility
... ความรู้อันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงส่ง
ไม่มี super hero คนไหนที่ไม่ลำบาก เศร้ามากถึงมากที่สุดเกือบทุกคน
เราอาจจะได้รับการคาดหวังจากสังคมที่สูงมาก
เราอาจจะรู้สึกว่า ดูแลแต่คนอื่น พ่อแม่กับคนรักเรา กลับไม่เคยได้เหลียวแล
เราอาจจะรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมอะไรเลย ที่หมอเสียภาษีเป็นแสน แต่โดนด่าทุกวันว่าชั้นเสียภาษีนะโว๊ย
เราอาจจะรู้สึกว่า ตั้งใจช่วยชีวิตคนเต็มที่ แต่ถ้าพลาดขึ้นมาโดนฟ้อง ขาข้างนึงเหมือนอยู่ในคุก
ไม่ว่าเราเลือกที่จะเป็นหรือถูกกำหนดให้เป็น จงภูมิใจที่ได้เป็น
- น้องอาจจะได้ช่วยชีวิตคนเกือบร้อยคน ตั้งแต่อายุแค่ 25
ถึงแม้เค้าอาจจะไม่ได้เห็นคุณค่าของน้อง แต่น้องจะรู้สึกภูมิใจที่สุดเชื่อพี่
- เงินทองของนอกกาย คนเราเกิดมาอายุไม่ได้ยืนยาว
แต่การที่เราได้คืนอะไรให้กับสังคม ได้ช่วยชีวิตคน พี่ว่ามันเป็นที่สุดแล้ว
ขอโทษที่ยาวไป
พี่ไม่เคยพิมพ์เรื่องพวกนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกนะครับ
แต่อยากให้เหล่าน้องๆที่เป็น candidate ในการเข้าแพทย์ได้อ่าน
ตอนนี้ยังเลือกได้ ... จงเลือกมันด้วยตัวเองครับ
พี่ตั้งใจเขียนให้อ่านนะครับ
เชื่อว่าน้องๆอาจจะค้นหาข้อมูลอะไรมาเยอะแล้ว
พี่เป็นหมอคนนึงที่หลายสิบปีก่อน
เคยเป็นอย่างน้องๆในรูปด้านล่าง
เคยปักธงชาติบนหน้าอก
เคยตั้งใจอยู่เอาทุนไปเรียนต่อวิศวะ
แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้อยากเรียนแพทย์
ตอนนั้นสงสัยปนไม่แน่ใจว่าอาชีพแพทย์ หลังจากสอบเข้าไปได้แล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นกับเราต่อไป
แต่ก็ไม่มีใครมาอธิบายแบบตรงๆ
มีแต่มาอ้อมๆ แบบหล่อๆ เช่น
'เป็นหมอเหนื่อยนะ แต่เป็นอาชีพที่มีเกียรติ'
'เป็นหมอไม่รวยนะ แต่ก็ไม่จน'
- หมอเรียน 6 ปี จะได้จบเป็นแพทย์มีคำนำหน้า นายแพทย์ แพทย์หญิง
- ปีแรกเรียนคณะวิทย์
ปี 2-3 เรียนชั้น preclinic
ปี 4-6 เรียนชั้น clinic
- ปี 1 ยังใช้ทักษะคล้ายๆตอนม.ปลายอยู่บ้าง เรียนไป ทำกิจกรรมไป
- ปี 2 น้องจะได้เรียนศาสตร์ที่เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ในภาวะปกติ
ศัพท์แพทย์ ภาษากรีก ลาติน เป็นพันๆคำในช่วงเวลา 1 ปี
ส่วนใหญ่เป็นการท่องจำ ไม่ต้องไบรท์มากแต่ต้องขยัน สม่ำเสมอ
ใจต้องรัก เพราะต้องอยู่กับกลิ่นฟอร์มาลีนตลอดปี
- ปี 3 เรียนโรค เชื้อต่างๆ ร่างกายมนุษย์ที่ผิดปกติ
ท่องจำเป็นหลักเหมือนเดิม
คนที่สอบได้เกรดสูงๆ อาจจะไม่ใช่คนที่ได้คะแนนสูงตอนสอบเข้าก็ได้
เพราะรูปแบบการเรียนต่างออกไป
- ปี 4-6 คือการทำงาน
ต้องใช้ EQ มากกว่า IQ มากมายมหาศาล
ความรับผิดชอบ การเสียสละ รู้จักการทำงานเป็นทีม
ต้องทำงานกับพยาบาล รุ่นพี่ รุ่นน้อง
รูปแบบการเรียนฉีกออกไปจากที่น้องเคยรู้จักแบบสิ้นเชิง
เหมือนถูกถีบ ลงไปในมหาสมุทร
ความรู้มหาศาล ที่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นฝั่ง
ก่อนสอบลงกอง (ไม่แก่จริงอาจจะไม่รู้จักคำนี้)
จะมีโพยข้อสอบลอยมาให้ท่องไปสอบ จากรุ่นพี่
น้องอาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่โพยเหล่านั้น
คือสิ่งที่เค้าต้องการให้เรารู้ก่อนจบแพทย์ออกไป
ต้องเรียนให้เป็น
จึงจะเอาตัวรอดได้ ในแต่ละภาควิชาที่วนผ่าน
อารมณ์ประมาณ เที่ยวญี่ปุ่นทุกจังหวัด ภายใน 30 วัน
- 5-6 ปีนี้น้องต้องจากที่บ้านมาอยู่หอพัก
- น้องต้องสามารถอดนอน สามารถทำงานได้ 36 ชั่วโมงต่อเนื่อง
อาจได้กินข้าววันละมื้อ
อาจต้องยืนในห้องผ่าตัด 10 ชั่วโมงไม่ได้นั่ง
- น้องอาจต้องเสียความสดใส ในชีวิตวัยรุ่นตอนปลายไป
- ถ้ามีแฟนต่างคณะ โอกาสที่ต้องจบด้วยการเลิกราค่อนข้างสูง
- น้องต้องทำเกรดให้ดีที่สุด
ถ้าพี่อยากสร้างภาพพี่จะพูดว่า
'เกรดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตการเป็นแพทย์' ฟังแล้วหล่อมั๊ยครับ
แต่ในโลกความเป็นจริง
เกรดตอนเป็นนักเรียนแพทย์นี่แหละกำหนด ชีวิตมะ-รึงเลย
- กดดันมั๊ย? เวลาก็ไม่ค่อยมี งานก็หนัก ยังต้องพะวงเกรดอีก
- จบออกมา น้องต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด 3 ปี
ปีแรก มักจะอยู่รพ.ใหญ่ ทำงานเป็นควาย บางที่หนักชนิดถ่อยเถื่อนเลยหล่ะ
เดือนนึงอาจจะได้นอนแค่ 10 - 15 คืน
ปีสอง ปีสาม อาจจะสบายหน่อย ออกไปอยู่รพ. อำเภอ
แต่ไกลผู้ไกลคน
- มีไม่กี่คนในรุ่นที่ถูกเลือกเป็นอาจารย์ จะออกไปใช้ทุนแค่ 1 ปีและกลับมา
เรียนต่อเลย พิจารณาจากเกรด กับ เส้นสาย (ลูกอาจารย์ นามสกุลต่างๆ)
- สามปีนี้แหละ ที่น้องจะได้สัมผัสระบบสาธารณสุขของบ้านเราแบบเข้าไส้
ขาข้างนึง อยู่ในคุก พี่ไม่ได้พูดเกินเลย
ถ้าเกิดอะไรขึ้น หันไปรอบๆ อาจหาไม่เจอซักคนที่คอยช่วยเรา
นอกจาก ขยัน อดทน เสียสละ น้องต้องอยู่ให้เป็น
ทำอย่างไร ให้ปลอดภัยที่สุดต่อคนไข้และตัวเราเอง
- รายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 6 หมื่นถึง 1 แสนนิดๆ
ถ้าคิดต่อชม. ต่ำกว่าแรงงานขั้นต่ำ
น้องต้องเก็บเงินส่วนนึงเอาไว้ ก่อนไปเรียนต่อด้วย
เพราะตอนเรียนต่อ เงินเดือนสองหมื่นนิดๆ
- น้องจากพ่อแม่มากี่ปีแล้วนะ ตอนนี้ ... 9 ปีแล้ว
- จบ 6 ปี บวกใช้ทุนสามปี ถ้าน้องจะออกจากรพ. อำเภอ
กลับเข้ามาอยู่เมืองใหญ่
ไม่ต้องกรุงเทพ แค่จังหวัดใหญ่
พี่บอกเลยว่า ไม่พอ
น้องต้องเรียนต่อ ยิ่งยุคของน้องด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง
- การจะเรียนต่อมีสองแบบ
1. เรียนต่อในโรงเรียนแพทย์
2. ทำงานใช้ทุนในรพ. ใหญ่ เช่น รพศ.หลักๆตลอดตอนใช้ทุน 3 ปี บวกเพิ่มอีกนิดหน่อย
สามารถไปสอบอนุมัติบัตรเป็นแพทย์เฉพาะทาง
(ถ้าอยากทำแบบสอง น้องต้องสมัครตอนอยู่ปี 6 คนแย่งกันเยอะเหมือนกัน ดูเกรด กับ เส้น)
- ถ้าจะเรียนต่อในโรงเรียนแพทย์หลังใช้ทุนครบสามปี ทำได้สองแบบ
1. สมัครด้วยตนเอง เรียกว่า free train
2. สมัครแบบมีต้นสังกัดส่งให้มาเรียน เรียกว่า ทุนต้นสังกัด
คือน้องต้องกลับไปทำงานให้รพ.ต้นสังกัดหลังจากเทรนจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง
- พื้นที่การได้เข้าเรียนต่อมีจำกัด ยิ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ดังๆ ยิ่งแข่งขันสูง
ถ้าเป็น free train น้องต้องได้เกรดสูงถึงสูงมาก
ทุนต้นสังกัด อาจไม่ต้องเกรดดีมาก แต่การจะได้ทุนต้นสังกัดนั้น
อาจต้องอาศัย เส้น และ ดวง ไม่ใช่ได้กันง่ายๆเช่นกัน
- การที่อาจารย์จะพิจารณารับว่าจะเอาใครมาเรียนต่อ
ไม่มีการสอบเข้า โดยทั่วไปจะดูสามอย่างตามลำดับดังนี้
1. เส้น
2. เกรด
3. ทุนต้นสังกัด
เค้าอาจจะเลือกกันตั้งแต่ก่อนเอาคุณไปสัมภาษณ์แล้วด้วยซ้ำ
(พี่พูดตรงไปมั๊ยวะเนี่ย)
- ไปๆมาๆมีแต่เส้น กับ เกรด
- การเทรนแพทย์เฉพาะทางใช้เวลา สามสี่ปี โดยเฉลี่ย
ต้องอดทนกับการโดนโขกสับ บางสาขาก็ถือว่าโหดมาก
ร้องไห้ ลาออก กันไปก็มี
- หลังจากจบแล้วก็ต้องอ่านหนังสือสอบบอร์ด
- จบแพทย์เฉพาะทางมาแล้วเราก็จะได้บอร์ด แต่ก็มักต้องเรียนต่อยอด
ในสาขานั้นๆอีก 2-3 ปี เพื่อให้ได้ subboard
- ช่วงที่เทรนอยู่ 3-6 ปีนี้จะค่อนข้างจนมาก เพราะรายได้สองหมื่น
ต้องอยู่เวรเพิ่ม การจะมีรถมีบ้านเป็นของตัวเอง แทบจะลืมไปได้เลย
- หลังจากเข้าแพทย์มาถึงตอนนี้ก็ ... 12 - 15 ปีแล้ว
อายุประมาณ 30 - 33 ปี น้องก็จะจบไปเป็นแพทย์เฉพาะทาง
เพิ่งได้เริ่มต้นชีวิต ขณะที่เพื่อนๆที่เรียนอาชีพอื่นไปถึงไหนกันหมดแล้ว
- การจะเชี่ยวชาญได้นั้น ต้องอาศัยประสบการณ์ทำงานอีกเป็นสิบปี
เพื่อที่จะมั่นใจมากพอในการรักษาคนไข้ซักคนนึง ให้ผิดพลาดน้อยที่สุด
รู้ด้านลบต่างๆแล้ว ทีนี้มาฟังด้านดีบ้าง
- แพทย์เปรียบเหมือนสื่อกลาง (media-) ระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า
เป็นคนที่อยู่บนเส้นของความเป็นกับความตาย
การตัดสินใจของเราบางครั้ง เลือกที่จะส่งวิญญาณไปสู่สุคติ หรือ เลือกที่จะให้เค้ามีชีวิตกลับคืนมา
- ศาสตร์ทางการแพทย์ มีไม่กี่คนในโลกที่มีโอกาสได้เรียน
'you are the chosen one'
อาจารย์ใหญ่ท่านอุทิศร่างท่านเพื่อแลกกับความรู้ในการสร้างแพทย์ขึ้นมา 1 คน
คนไข้มากมายในโรงเรียนแพทย์ที่เปรียบเหมือนครูที่สอนเรา ก่อนจะจบออกมา
- With great power comes great responsibility
... ความรู้อันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่สูงส่ง
ไม่มี super hero คนไหนที่ไม่ลำบาก เศร้ามากถึงมากที่สุดเกือบทุกคน
เราอาจจะได้รับการคาดหวังจากสังคมที่สูงมาก
เราอาจจะรู้สึกว่า ดูแลแต่คนอื่น พ่อแม่กับคนรักเรา กลับไม่เคยได้เหลียวแล
เราอาจจะรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมอะไรเลย ที่หมอเสียภาษีเป็นแสน แต่โดนด่าทุกวันว่าชั้นเสียภาษีนะโว๊ย
เราอาจจะรู้สึกว่า ตั้งใจช่วยชีวิตคนเต็มที่ แต่ถ้าพลาดขึ้นมาโดนฟ้อง ขาข้างนึงเหมือนอยู่ในคุก
ไม่ว่าเราเลือกที่จะเป็นหรือถูกกำหนดให้เป็น จงภูมิใจที่ได้เป็น
- น้องอาจจะได้ช่วยชีวิตคนเกือบร้อยคน ตั้งแต่อายุแค่ 25
ถึงแม้เค้าอาจจะไม่ได้เห็นคุณค่าของน้อง แต่น้องจะรู้สึกภูมิใจที่สุดเชื่อพี่
- เงินทองของนอกกาย คนเราเกิดมาอายุไม่ได้ยืนยาว
แต่การที่เราได้คืนอะไรให้กับสังคม ได้ช่วยชีวิตคน พี่ว่ามันเป็นที่สุดแล้ว
ขอโทษที่ยาวไป
พี่ไม่เคยพิมพ์เรื่องพวกนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกนะครับ
แต่อยากให้เหล่าน้องๆที่เป็น candidate ในการเข้าแพทย์ได้อ่าน
ตอนนี้ยังเลือกได้ ... จงเลือกมันด้วยตัวเองครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น