วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หนุ่มเศร้าจบเห่ตั้งแต่นัดเดทแรก เพราะดันขอฝ่ายหญิงอเมริกันแชร์ !?

 เมนต์กระจาย หนุ่มเศร้าจบเห่ตั้งแต่นัดเดทแรก เพราะดันขอฝ่ายหญิงอเมริกันแชร์ !?

          หนุ่มเศร้า เผยประสบการณ์ผิดหวังจากการจีบสาว เหตุงบน้อยเลยเสนอ "อเมริกันแชร์" ช่วยกันแชร์ค่าอาหารคนละครึ่งตามสไตล์ฝรั่ง ผลสุดท้ายฝ่ายหญิงถึงกับอึ้งทั้งที่เป็น "เดทแรก" เลยขอเลี้ยงเอง แล้วก็ขอคอนเวิร์ส ทางใครทางมัน

          เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บบอร์ดพันทิป ได้มีการตั้งกระทู้จากสมาชิกรายหนึ่ง ตั้งกระทู้ชื่อ "นัดสาวทานข้าวครั้งแรก ก็จบเห่เพราะถามเธอ อเมริกันแชร์" เผยประสบการณ์การจีบสาวที่ไม่สมหวังของตนเอง หลังรู้จักเพื่อนสาวทางไลน์ โดยตนเองอยู่เชียงใหม่ ส่วนหญิงสาวอยู่กทม. จากนั้นเมื่อตนมีโอกาสไปกรุงเทพฯ จึงนัดทานข้าวกัน แต่วันนั้นดันมีงบน้อย จึงเสนอให้แชร์ค่าอาหารกัน จากนั้นฝ่ายหญิงจึงเสนอตัวขอเลี้ยงเอง ซึ่งในตอนแรกตนเองไม่ยอมที่จะให้ฝ่ายหญิงเป็นคนเลี้ยงทั้งหม แต่ได้รับคำยืนยันว่าจะเลี้ยง แต่หลังจากนั้น ฝ่ายหญิงกลับเริ่มตีตัวออกห่าง จนมารู้ที่หลังว่า สาเหตุมาจากการที่เป็นฝ่ายชายแล้วยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว จึงไม่อยากคุยด้วย

          ดังรายละเอียดต่อไปนี้

          "ใน group Chat ของ เหล่าวิศวะคอมรุ่นหนึ่ง เพื่อนที่เรียนต่อโทเค้าก็แปะ contact เพื่อนเค้าคนนึงมาให้ในห้อง บอกว่าคนนี้โสด ลอง add ไปคุยสิ อยากให้เค้าได้เจอผู้ชายดีๆ (หนุ่มๆ วิดวะคอม nerd เชื่องๆ ตรงไปตรงมา ไม่เป็นภัยต่อสาวๆ) ผมก็เลยลองตัดสินใจ add ไปคุย ดูช่วงแรกๆ ก็คุยแบบเพื่อนทำความรู้จักเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พักหลังๆ เริ่มคุยกันบ่อยทุกวัน เค้าทักมาก่อนบ้าง ผมทักไปบ้าง จนวันนึงก็ผมบอกว่า สนใจเค้าอยู่ แต่ถ้าจะเป็น long range relation เค้าจะ ok ไหม

          เค้าก็บอกว่ามันแปลกอยู่นะ เจอกันก็ไม่เคยเจอ แต่จู่ๆ มาบอกว่าสนใจเค้า เค้าก็บอกว่าเรายังไม่รู้จักกันดีรึเปล่า ผมก็เลยบอกว่าถ้างั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมละกันที่จะหาโอกาสไปเจอเค้าตัวเป็นๆ กันด้วย ระยะทางขนาดนี้ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่สำหรับผมอยู่แล้ว แล้วก็คุยกันเรื่อยๆ จนวันนึงผมสอบข้อเขียนของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่งผ่าน และได้ไปต่อ รอบ ยื่นเอกสาร ทดสอบสุขภาพจิต ตรวจร่างกาย และสอบสัมภาษน์ ต้องไปอยู่ กทม หลายวันก็เลยทักเค้าไปว่าผมอยู่ กทม หลายวัน เราพอจะมีเวลาว่างนัดทานข้าวทำความรู้จักกันเพิ่มบ้างไหมหลังจากให้ตารางเวลาผมไป เค้าก็เลยเลือกมาเป็น "พรุ่งนี้เย็นได้มั๊ยคะ" ซึ่งผมก็ ok

          วันนั้นเอาเข้าจริงๆ แล้ววันค่อนข้างกระชั้นชิดแถมยังเป็นวันแรกๆ ที่ผมไปอยู่ กทม ต้อง control ค่าใช้จ่ายให้งบที่ตั้งไว้มันพอใช้ถึงวันท้ายๆ เลยไม่ได้พกเงินไปเยอะ พอไปถึงที่ร้านที่เค้าแนะนำมา เห็นเมนูแล้วก็เริ่มหวั่นๆ ราคาเอาเรื่องอยู่ เลยพยายามสั่งอะไรที่มันไม่แพง ครั้นจะเลี้ยงเค้ามื้อนี้ ตังในกระเป๋ามันก็ไม่พอ เลยถามเค้าไปตรงๆ ว่ามื้อนี้ อเมริกันแชร์ ok มั๊ย เค้า ก็ตอบมาว่า ไม่เป็นไรมื้อนี้เค้าเลี้ยงก็ได้ ผมไม่ ok ก็บอกว่าแชร์ดีกว่าน่า เค้าบอกว่าผมมาไกลเค้าเลี้ยงเอง ในเมื่อเค้ายืนกรานผมเลยถามเค้าไปว่าแน่ใจนะ เค้าก็ตอบว่าแน่ใจ ผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้าก็เลยตามนั้น ก็ทานข้าวคุยกันสนุกอยู่ ตอนกลับผมจะกลับรถใต้ดิน เค้าก็ชวนไปด้วยกันทางกลับบ้านเค้าผ่านรถใต้ดิน แล้วก็แยกย้ายกันที่สถานี

          หลังจากที่ผมกลับถึงที่พัก เค้าก็ LINE ถามว่าถึงที่พักรึยัง เสร็จแล้วก็คุยกันต่อเหมือนทุกที แต่หลังจากนั้น 2-3 วัน ผมก็เริ่มรู้สึกว่า เค้าทำตัวห่างเหินทักไม่ค่อยตอบ หรือ เค้าแค่อาจจะงานยุ่งก็เป็นได้ จนกระทั่งวันท้ายๆ ก่อนกลับ งบที่ตั้งไว้เหลือพอสมควร เลยชวนเค้าไปทานข้าวกันอีกรอบ รอบนี้ขอเลี้ยงเค้าตอบแทนวันก่อนด้วย แต่เค้าก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่ว่าง หลังจากนั้นทุกทีที่ทัก LINE ไปก็เริ่มรู้สึกมากขึ้นว่าเหมือนเค้าไม่ค่อยอยากคุยด้วยเท่าไหร่ จนเมื่อผมกลับมาเชียงใหม่ได้สักพัก ก็ยังทักเค้าไปอยู่เรื่อยๆ จนวันนึงก็ถามเค้าไปว่าทำไมพักหลังๆ นี้คุยไม่เหมือนทุกทีเลย ไม่ประทับใจอะไรผมรึเปล่า

          เค้าก็ถามผมกลับมาว่า แล้วผมทำอะไรล่ะ ผมก็บอกเค้าไปว่าผมไม่ทราบจริงๆ ครับ (ไม่เข้าใจว่าเป็น Stereo type ของสาวๆ หรือเปล่า เวลาเราเห็นเค้าผิดสังเกตุ คิดว่าเราลงทำอะไรที่ไม่ถูกใจเค้าสักอย่าง พอถามไปเค้าจะถามกลับมาแบบนี้ "แล้วเธอทำอะไรล่ะ" คือ... ถ้าผมรู้ว่าคนที่ผมชอบ ไม่ชอบที่จะถูกปฏิบัติอย่างไร ผมจะจงใจทำแบบนั้นให้เค้าไหม? ก็ไม่ครับ แล้วบางคนย้ำกลับมาอีก ของแค่นี้น่าจะรู้ ... ไม่บอกว่าไม่ชอบอะไร แต่คาดหวังว่าผมจะทุกอย่างถูกใจรึครับ ผมไม่สามารถขนาดนั้นหรอกครับ) เมื่อผมยืนยันกับเค้าว่าผมไม่ทราบจริงๆ ว่าเค้าไม่ชอบใจอะไร เค้าก็จัดมาหนึ่งชุด "ถามอเมริกันแชร์ แบบนั้นไม่คิดบ้างหรือว่ามันน่าเกลียด ในเมื่อไม่เต็มใจจ่ายเค้าจ่ายเองก็ได้เงินแค่นี้ไม่ได้เป็นประเด็นสำหรับเค้า เป็นผู้ชายอะไรยอมให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าว เค้าไม่อยากคุยด้วยแล้ว"

          วินาทีนั้น รู้สึกจุกครับ อยากจะพิมพ์บอกเค้าไปว่า ที่ถามไม่ได้เพราะว่าไม่เต็มใจจ่าย แต่เพราะว่าตังในกระเป๋าวันนั้นไม่พอเลี้ยงเค้า แต่ในใจผมบอกว่า พิมพ์อะไรไปก็เหมือนแก้ตัว ผมก็เลยบอกเค้าไปว่า สำหรับผมมันเป็นเรื่องปกติที่จะอเมริกันแชร์ค่าข้าว และเป็นเรื่องธรรมดาที่ถามกัน แต่เมื่อมันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็ยอมรับในความผิดพลาด และถ้าสิ่งนี้เป็นผลที่ตามมาก็ยินดียอมรับมันครับ เมื่อเค้าไม่อยากคุยด้วยแล้วผมก็เคารพในการตัดสินใจของเค้า เค้าก็บอกว่า ดีแล้วที่ถามเพราะเค้าก็ไม่รู้จะบอกผมยังไงว่ามันไม่ ok จะได้ไม่ต้องไปทำกับคนอื่น ผมก็ขอบคุณเค้า แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยครับ

          หลังจากวันนั้นในเสียงในหัวก็มีเข้ามาเป็นพักๆ "เพราะฉันจนใช่ไหม ถ้าวันนั้นฉันมีตังมากกว่านี้มันก็คงไม่จบแบบนี้ แล้วไอ้พวกผู้ชายแมงดา มันทำยังไงเกาะผ้าถุงผู้หญิงกิน ได้ล่ะ" "มันผิดมากใช่ไหมที่นัดทานข้าว จะได้รู้จักกันมากขึ้น แล้วเอ่ยปากถามอเมริกันแชร์" "เราก็ตั้งใจ และแคร์ความรู้สึก แต่ทำไมไม่มีใครมองเห็นและให้โอกาสบ้าง ทีบางคนกลับไปให้โอกาสผู้ชายที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกเค้าเลยล่ะ?" ได้แต่เช็ดน้ำตา แล้วยอมรับผลสิ่งที่มันเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ เรียนรู้จากความผิดพลาดเพื่อพัฒนาตัวเอง"

          ทั้งนี้ หลังจากที่ฝ่ายชายโพสข้อความได้ไม่นาน ก็ได้มีสมาชิกรายหนึ่งที่ระบุว่าเป็นเพื่อนของฝ่ายหญิง ได้เข้ามาตอบกลับความคิดเห็น โดยระบุว่า ยังมีข้อความบางส่วนที่ฝ่ายชายเล่าไม่หมด เช่น วันนั้นฝ่ายชายเป็นคนเลือกร้านเอง ไม่ใช่ฝ่ายหญิงที่เป็นผู้แนะนำ พร้อมบอกว่าเพื่อนของตนเองนั้นไม่ได้หวังให้ผู้ชายเลี้ยงอาหาร แต่เห็นฝ่ายชายมีความกังวลกับราคาอาหารของร้านนี้จึงตัดปัญหาด้วยการอาสาขอเลี้ยงไม่ได้เป็นการลองใจแต่อย่างใด เพียงแค่รู้สึกไม่โอเคในการที่ผู้ชายขอแชร์ในนัดที่ตนเองเป็นคนนัด เพราะปกติผู้ชายมักไม่พูดเรื่องขอแชร์ค่าอาหาร โดยเฉพาะในเดทแรกที่ผู้ชายเป็นคนนัด

          จากนั้นฝ่ายชายก็ได้ออกแสดงความคิดเห็นอีกครั้งว่า  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเองได้รู้ว่าทำผิดพลาดตรงไหน โดยขอยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง และยินดีรับผลที่ตามมาทั้งหมด พร้อมขอโทดสำหรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และขอบคุณ ทุกความเห็น และจากเพื่อนของฝ่ายหญิงที่ทำให้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในแง่มุมทั้ง 2 ด้าน  

          ทั้งนี้ กระทู้เรื่องนี้ได้รับการแชร์และมีสมาชิกพันทิปเข้าปแสดงความเห็นกันอย่างถล่มทลาย คลิกอ่านได้ที่นี่ http://pantip.com/topic/33568197 
เรียบเรียง kapook.com

ไม่มีความคิดเห็น: