วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผู้ประกาศข่าวเลือดใหม่ หัวใจไทย ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ และ ปริยา เนตรวิเชียร



 
ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ และ ปริยา เนตรวิเชียร

เผยโฉมสองสาว ผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ ททบ.5 สวย เก่ง ครบสูตร แม้จะต่างที่มา แต่ความฝันเดียวกัน


ในยุคที่ต้องเกาะติดสถานการณ์ข่าวสารมิได้ขาด คงปฏิเสธไม่ได้ว่า รายการข่าวคือช่องทาง เรียกกระแสความนิยมของแต่ละสถานีโทรทัศน์จนเกิดการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ชนิดที่เรียกได้ว่า แย่งชิงเรตติ้งยิ่งกว่าละคร และจุดสนใจที่คอยกระชากเรตติ้งได้เป็นอย่างดีหนีไม่พ้น “ผู้ประกาศข่าว” ที่นับวันแต่ละคนจะโด่งดังเป็นหน้าเป็นตาให้แก่สถานี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากแต่ละช่องจะเฟ้นหา ผู้ประกาศหน้าใหม่มาประดับวงการอยู่เสมอ

อย่างสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 (ททบ.5) ที่เพิ่งค้นหาคนข่าวคลื่นลูกใหม่ ไปสดๆ ร้อนๆ จนได้สองสาว ตูน-ปรินดา คุ้มธรรมพินิจ และ ปราง-ปริยา เนตรวิเชียร มาเป็น ผู้ประกาศข่าวสาวใหม่แกะกล่อง ที่พร้อมจะนำเสนอให้ผู้ชมได้ยลโฉมและความสามารถในเร็ววันนี้ 

ทันทีที่ ททบ.5 ประกาศรับสมัครผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ ตูน-ปรินดา แอร์โฮสเตสสาววัย 26 ปี ก็หอบดีกรีปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 2 คณะนิเทศศาสตร์ เอกประชาสัมพันธ์ โฆษณา และวาทวิทยา จุฬาฯ เข้าไปสมัครด้วยความมุ่งมั่น คล้อยหลังกันไม่นาน ปราง-ปริยา สาวนักเรียน นอกวัย 25 ปี ที่เต็มเปี่ยมด้วยความฝันอยากเป็นผู้ประกาศ ก็เดินทางไปสมัครพร้อมปริญญาตรี เกียรตินิยม อันดับ 1 เหรียญทอง คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขานาฏศิลป์ตะวันตก จุฬาฯ และปริญญาโทเกียรตินิยม Master of Arts จากซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยแอบหวังลึกๆ ในใจว่า โอกาสของเธอมาถึงแล้ว

ตูนเล่าว่า เมื่อครั้งสัมภาษณ์ รอบแรก เธอตื่นเต้นสุดๆ เพราะมีคณะกรรมการเกือบ 10 ท่าน คอยให้คะแนน แต่เพราะความ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ประกาศข่าวให้ได้ เธอจึงเตรียมตัวเป็นอย่างดี ติดตามข่าวสารและหัดอ่านข่าว โดยอัดวีดีโอไว้ดูความข้อผิดพลาด ทำให้เกิดความมั่นใจอยู่ในที “ยากตรงที่คณะกรรมการให้เล่าข่าว เป็นภาษาอังกฤษแบบด้นสด เลยขออนุญาตแปลจากสคริปต์ข่าวที่อ่าน ซึ่งคณะกรรมการก็ใจดี” อดีตแอร์โฮสเตสที่ไล่ตามฝันจนได้เป็นผู้ประกาศสมใจถ่ายทอดความรู้สึก

ขณะที่ ปราง-ปริยา ยิ้มสวยก่อนบอกว่า ผู้ประกาศข่าวคืออาชีพในฝัน แม้ร่ำเรียนมาด้านนี้ โดยตรง แต่ไม่มีโอกาสได้ทำแบบจริงๆ จังๆ กระทั่งบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา และมีโอกาส ฝึกงานที่สถานีโทรทัศน์ CBS ของซานฟรานซิสโก ทำให้ความรู้สึกชอบทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ เมื่อทาง ททบ.5 เปิดรับสมัคร คุณแม่ที่เห็นประกาศโดยบังเอิญจึงรีบโทรบอกเธอทันที ภายใน 2 วัน เอกสารประกอบการสมัครก็ถูกส่งตรงจากอเมริกามาถึงเมืองไทย และประมาณ 2 สัปดาห์หลังจาก นั้น จึงได้รับการติดต่อให้มาสอบสัมภาษณ์รอบแรก

“คุณแม่ติวให้ทุกอย่าง เพราะท่านจบเอกภาษาไทย ฝึกอ่านออกเสียงให้ถูกต้องตามอักขระ วิธี ด้วยการอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ อ่านทุกแนว การเมือง ต่างประเทศ สังคม บันเทิง เวลาอ่าน ก็ต้องควบคุมโทนเสียง อย่าให้ตก อย่าให้ยาน ร เรือ ล ลิง หรือคำควบกล้ำต้องชัด” เล่าพลางหัวเราะ ขำตัวเอง เพราะครั้งนั้นมีเธอเพียงคนเดียวที่พาคุณแม่ไปนั่งรอพร้อมกุมมืออยู่ข้างๆ

เมื่อถึงวันประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ 2 ทางอินเทอร์เน็ต แม้ทั้งสองคนจะอยู่ต่างที่ แต่รู้สึกดีใจไม่ต่างกัน เพราะพวกเธอสอบผ่านรอบแรกได้อย่างฉลุย ซึ่งวันนั้นตรงกับวันคล้ายวันเกิด ของปรางพอดี จึงนับเป็นเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดในวัยเบญจเพศของเธอ “เช็กอีเมล์บนรถเมล์ ร้องไห้เลย แล้วก็โทรหาคุณแม่ ณ เวลานั้นไม่อายใครทั้งนั้น (หัวเราะ) รีบจองตั๋วกลับมาสอบ สัมภาษณ์รอบ 2 ทันที” สาวปรางกล่าว น้ำเสียงยังตื่นเต้นไม่หาย

ทางด้านตูนเล่าให้ฟังว่า หลังตั้งสติได้ก็รีบหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต เพราะโจทย์ที่ได้ ในรอบที่ 2 คือ ต้องทำสกู๊ปข่าวยาเสพติด “คราวนี้ทุกอย่างเหมือนจัดรายการจริงหมด ต้องแต่งหน้า ทำผม ใส่หูฟัง และมีจอภาพแบบ CG ให้รายการงานด้วย 2 ข่าว ส่วนข่าวที่ 3 เป็นข่าวยาเสพติดที่ เตรียมมา” ฟังดูเหมือนเครียด แต่ปรางช่วยเสริมว่า ช่วงเตรียมตัวกดดันมาก แต่พอถึงวันจริง ความเครียดต่างๆ ไม่หลงเหลือเลย มีแต่ความสนุกสนานและเป็นกันเองที่สุด

กระทั่งผ่านเข้าสู่รอบที่ 3 ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายพร้อมสอบใบผู้ประกาศ มีผู้ผ่านการคัดเลือก ทั้งหมด 9 คน ซึ่งต้องถูกคณะกรรมการจาก กสทช. หัวหน้าฝ่ายข่าวของแต่ละโต๊ะ และผู้ประกาศ อื่นๆ พิจารณา ตูนเล่าว่า เป็นความโชคดีที่ได้ลำดับเกือบสุดท้าย ทำให้มีเวลาฝึกซ้อมอ่านออกเสียง “เลือกสคริปต์ข่าวขึ้นมาอ่าน มีข่าวในพระราชสำนัก ข่าวต่างประเทศ ข่าวในประเทศ และข่าวกีฬา เป็นอะไรที่ยาก แต่โชคดีที่มีเวลาทำความเข้าใจกับเนื้อหาข่าวค่อนข้างเยอะ อาการประหม่าหรือ วิตกกังวลเลยไม่มี”

ส่วนปราง เธอว่าตอนนั้นป่วยเป็นไข้หวัด เนื่องจากร่างกายปรับตัวรับสภาพอากาศไม่ทัน จึงมีน้ำมูกไหลตลอด โชคดีเตรียมพร้อม อีกทั้งมีความมั่นใจเกินร้อย จึงสอบผ่าน ได้เป็นผู้ประกาศ ดังที่หวัง
แม้เตรียมตัวฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่เพื่อให้มั่นใจคูณสอง ทั้งสองสาวยอมรับว่า ไม่พลาดที่ จะหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ บนบานศาลกล่าวพระพรหมและองค์พระพิฆเนศวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ประดิษฐานอยู่ตรงทางเข้า ททบ.5

“บนตั้งแต่วันแรกที่มาสอบสัมภาษณ์เลย ปกติเป็นคนชอบทานเนื้อวัวมาก เลยบนกับท่าน ว่า ถ้าสอบเป็นผู้ประกาศข่าวของที่นี่ได้จะงดกินเนื้อวัวเป็นเวลา 1 เดือน” ตูนเล่าปนหัวเราะกับ วิธีแก้บนของตัวเอง

ส่วนปราง เรื่องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะนอกจากกราบไหว้พระพรหม และพระพิฆเนศวร์ที่หน้าช่อง 5 แล้ว ยังขับรถไปบนถึงองค์ช้างเอราวัณ จ.สมุทราปราการด้วย 

“ถ้าได้เข้ามาทำงานที่นี่แล้วทำให้ชีวิตมีความสุข ก็ขอให้ท่านดลบันดาลให้สอบสัมภาษณ์ และสอบคัดเลือกเป็นผู้ประกาศผ่านด้วย” ผู้ประกาศคนสวยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อผ่านการคัดเลือกได้เป็นผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่สมใจหวัง สองสาวก็ได้ประเดิมงานแรก ด้วยการโพสท่าเป็นนางแบบสมัครเล่น สวมชุดผ้าไทยถ่ายปฏิทินประจำปี 2555 ซึ่งเป็นหนึ่งใน กิจกรรม “ททบ.5 เทิดไท้มหาราชินี” เนื่องในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการ ให้ประชาชนชาวไทยหันมาสนใจสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น ทาง ททบ.5 จึงจัดทำปฏิทินชุดนี้ โดยให้ ผู้ประกาศข่าวของ ททบ.5 แต่งกายด้วยชุดผ้าไทยเป็นแบบถ่ายภาพลงในปฏิทิน พร้อมสอดแทรก ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทย เพื่อให้ทราบถึงประวัติและความเป็นมาของผ้าแต่ละชนิด อาทิ ผ้าไหมยกดอก ผ้าไหมยกทอง ผ้าฝ้ายยกดอกลำพูน ผ้าไหมภุมเรียง ผ้าโขมพัสร์ เป็นต้น

งานนี้สองสาวบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า รู้สึกดีใจไม่ต่างจากวันที่รู้ผลว่าได้เป็นผู้ประกาศข่าว “ขอบคุณพี่ๆ ที่ให้โอกาส ทั้งที่ยังไม่ได้เข้ามาทำงานแบบเต็มตัว รู้สึกได้ว่าคิดไม่ผิดที่เข้ามาอยู่ตรงนี้ โดยเฉพาะการถ่ายปฏิทินซึ่งไม่เหมือนที่อื่น เพราะอนุรักษ์ผ้าไทย ปกติจะดูกะโปโล แต่พอใส่ผ้าไทย แล้วไม่กล้าทำอะไรรุ่มร่ามเลย” สาวตูนกล่าวใบหน้าเปื้อนยิ้ม

ส่วนปรางบอกว่า นอกจากทำความฝันให้เป็นจริงแล้ว ยังดีใจที่ได้ถ่ายปฏิทินร่วมกับ ผู้ประกาศข่าวรุ่นพี่ และได้ใส่ชุดไทยที่สวยถูกใจด้วย “ถ้ามีโอกาสได้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม ของไทยไว้ ก็ควรที่จะทำเป็นอย่างยิ่ง แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ถ้าเราไม่ลืมความเป็นไทย น่าจะเป็นสิ่งที่ดีมาก” ผู้ประกาศข่าวน้องใหม่กล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มพิมใจ

เห็นหน้าค่าตากันไปแล้ว แต่ถ้าอยากเห็นลีลาการอ่านข่าวของสองสาว...เร็วๆ นี้ คงได้ยลโฉม



ไม่มีความคิดเห็น: