วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

รับตรง ทุนเรียนฟรีถึงปริญญาเอก โครงการพสวท. ม.วลัยลักษณ์ 57

โครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษ ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปีการศึกษา 2557
มีทุนเรียนฟรีจนถึงปริญญาเอก + ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 7,300/เดือน + ค่าหนังสือและตำรา ปีละ 5,000 + ค่าจัดซื้อคอมพิวเตอร์ 25,000
สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ - 14 พฤศจิกายน 2556 เท่านั้น

โควตา คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ ปีการศึกษา 2557

คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ประจำปีการศึกษา 2557 ใน 2 โครงการ โครงการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาต่อ ในพื้นที่การดูแลของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ โควต้าบุตรชาวประมง

ทำอย่างไร ??? เมื่อเราต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต !!!

ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะมาคิดว่า ชีวิตคนเรานั้น
อนาคตเราสามารถกำหนดได้ด้วยตัวของเราเอง
หลายคนร่ำรวย หลายคนยากจน หลายคนมีความสุข
หลายคนมีความทุกข์ ทำไมบางคนก้าวหน้า
ในขณะที่ บางคนย่ำอยู่กับที่ไม่ไปไหน หรือแย่ลง
ส่วนหนึ่งมาจากกรรมคือสิ่งที่เขาหรือเธอสร้างมา
ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว กรรมหนักหรือกรรมเบา
...

.....
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่มีผลสำคัญต่อชีวิตของคนแต่ละคนนั้น
คือการตัดสินใจ นั่นเอง เขาบอกว่าคนเรานั้น
นอกจากจะเก่ง จะคิด จะวางแผนเป็นแล้ว
ต้องตัดสินใจให้ถูกที่ ถูกเวลา กล้าตัดสินใจด้วย
....
เราจึงเห็นหลายคน ที่บ่นว่าอยากรวย อยากก้าวหน้า
ได้แต่คิด แต่ไม่กล้าตัดสินใจ ไม่กล้าลงมือทำเสียที
ทั้งที่ความคิดหรือไอเดียของเขานั้น ยอดเยี่ยมทีเดียว

......
.......
คนที่จบบริหารธุรกิจหรือ MBA มาคงเคยเรียน
เรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจ ที่เรียกว่า แผนภูมิต้นไม้
หรือ Decision Tree ซึ่งบอกไว้ว่า เมื่อเราตัดสินใจในจุดหนึ่ง
จะส่งผลถึงจุดต่อๆไป เช่น ตัดสินใจลงทุน ก็จะมีกำไรหรือขาดทุน
เป็นต้น หรือตัดสินใจเลิกกิจการ ก็จะเกิดจุดต่อไป
คือขายทิ้งทั้งหมด หรือ ลดขนาดกิจการลงอย่างช้ำๆ เป็นต้น
.......
เส้นทางชีวิตของคนเรา ไม่ว่าเรื่องงาน เรื่องครอบครัว ความรัก
การเงิน ความก้าวหน้า หรืออะไรก็ตาม จึงเปรียบเสมือน
การเดินทางที่ยาวไกลจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง มากมายหลายล้านจุด
แต่ในจำนวนจุดบนเส้นทางชีวิตของคนเรานั้น
จะมีทั้งจุดที่เราต้องตัดสินใจ และจุดที่เราเป็นไปตามการตัดสินใจนั้น

จุดตัดสินใจนั้น เราสามารถเลือกได้ คิดได้
ส่วนจุดที่เป็นไปตามผลแห่งการตัดสินใจ หรือ เหตุการณ์นั้น เราเลือกไม่ได้
เมื่อเกิดขึ้นแล้ว หากเป็นด้านบวก เราก็มีสุข หากเป็นด้านลบ เราก็มีทุกข์
....
ในจุดตัดสินใจต่างๆมากมายในชีวิตของคนเรานั้น
จะมีบางจุดเท่านั้นที่เป็นจุดตัดสินใจใหญ่ๆ
.
ที่ส่งผลอย่างมากต่อเส้นทางชีวิตของเรา
เช่น ตัดสินใจทำงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น ตัดสินใจทำธุรกิจส่วนตัว
ตัดสินใจแต่งงาน ตัดสินใจซื้อบ้าน ซื้อรถ ตัดสินใจออกจากงาน เป็นต้น
จุดตัดสินใจเหล่านี้ มีผลต่อชีวิตในอนาคตของเรา
ทำให้เราก้าวหน้า หรือล้มเหลว มีความสุข หรือ มีความทุกข์ได้
ขึ้นอยู่กับว่า ในขณะที่เราอยู่บนจุดตัดสินใจนั้น
เรามีความพร้อม เรามีความมุ่งมั่น หรือเรามีทัศนคติอย่างไร
....
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอยากจะออกมาทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
คิดมานานหลายปีก้อไม่กล้าตัดสินใจเสียที บอกแต่ว่าไม่พร้อม
ถึงจุดหนึ่ง คุณบอกว่าเอาล่ะ ผมจะออกจากงานมาทำเองแล้ว
จุดต่อไปในชีวิตของเขาอาจเป็นได้ตามแผนภูมิข้างล่างนี้
.......

......
จะเห็นได้ว่า เขาอาจจะไม่ได้ทำธุรกิจเพราะเขายังไม่พร้อม
..
สุดท้ายก็ตกงาน อาจต้องไปประกอบอาชีพที่ไม่สุจริตก็ได้
หรือเขาอาจมีความพร้อมเป็นอย่างดี ทำธุรกิจแล้วก้าวหน้า
นั่นเพราะก่อนที่จะถึงจุดตัดสินใจ เขาคิดและวางแผน มุ่งมั่นมาอย่างดี
หรือเขาอาจทำทุกอย่างดีแล้ว แต่จังหวะไม่ดี
ทำให้ธุรกิจไปไม่รอด ปิดกิจการ มีหลายคนครับที่ร่ำรวยขึ้นมาได้
แต่ไม่ใช่จากธุรกิจแรกหรือสินค้าชิ้นแรก เขาต้องผ่านปัญหา
ผ่านอุปสรรคมามากมายจึงจะประสบความสำเร็จได้
หรือออกจากงานมาแล้ว เพราะไม่พอใจที่ทำงานเก่า
เอาแต่บ่นเรื่องปัญหาและอุปสรรคสารพัดสารพัน
สุดท้ายก้อหางานใหม่ แต่ได้งานใหม่แล้ว
ก็ทำงานเหมือนเดิม ปัญหามีเหมือนเดิม ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหน

ใช้ชีวิตทำงานไปวันวัน มีงานก็ทำงาน งานเสร็จก็กลับบ้าน

.....
สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ ไม่มีอะไรบอกหรือวัดได้ว่า
แบบไหนดีกว่ากัน บางคนบอกว่า คนที่ร่ำรวยไม่ได้มีความสุขเสมอไป
แค่รู้จักพอเพียง เพียงพอก็พอแล้ว ก็มีความสุขแล้ว
บางคนขอให้ทำงานมีเงินได้เลี้ยงดูครอบครัวให้มีความสุข
ไม่ต้องร่ำรวยมากแต่ก้อไม่มีหนี้สินก็เพียงพอแล้ว
ได้ทั้งหมดครับ เพราะชีวิตของคนเรามีหลากหลายล้านล้านรูปแบบ
ขึ้นอยู่กับเส้นทางชีวิตของแต่ละคน เพียงแต่อยากจะบอกว่า
ขอให้เราทำความดี ละเว้นความชั่ว พัฒนาตนเองอยู่เสมอ
และตัดสินใจเมื่อต้องตัดสินใจในแต่ละจุด คิดให้ดี
เมื่อคิดดีแล้วก็กล้าที่จะตัดสินใจ กล้าลงมือทำ
และเมื่อทำไปแล้ว ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องยอมรับ
ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ เราก็ได้ความสุข ความสำเร็จ
ทำไม่สำเร็จตามเป้าหมาย เราก็ได้ประสบการณ์ ครั้งต่อไปก็ง่ายขึ้น
แย่ที่สุด คือล้มเหลวไม่เป็นท่า เราก็ได้บทเรียน ไม่ทำแบบนี้อีก
เพื่อให้เราสามารถยืนหยัดและเข้มแข้งขึ้นในจุดตัดสินใจครั้งต่อไป
.....

หวังว่า บทความที่ผมเขียนขึ้นนี้ จะเป็นกำลังใจให้ทุกคน
รวมทั้งตัวผมเองและครอบครัว ในการต่อสู้ชีวิตกันต่อไป
อย่างสนุกสนานและมีความสุขนะครับ
เพราะ ชีวิต คือ ชีวิต เมื่อมีเข้ามา ก็มีเลิกไป นั่นเอง ครับ

เปิดเคล็ดไม่ลับฉบับเด็กแอดมิชชันทำคะแนนอันดับ 1

       เด็กแอดมิชชันอันดับ 1 ของคณะ เผยเคล็ดไม่ลับพิชิตคณะที่ใฝ่ฝัน เน้นตั้งใจเรียนในห้อง-อ่านหนังสือเป็นหลัก พร้อมส่งกำลังใจแก่เพื่อนพลาดหวังอย่าท้อ ย้ำแอดมิชชันไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิต ขณะที่ “สุธิวิชญ์” อันดับ 1 นิติฯ จุฬาฯ เตรียมดร็อปเรียน ก่อนบินเรียนต่อด้วยทุน กต.ที่ฝรั่งเศส
 
นายสุธิวิชญ์ สร้อยสุวรรณ หรือ ต้า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
       นายสุธิวิชญ์ สร้อยสุวรรณ หรือ ต้า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ผู้ทำคะแนนสูงสุดอันดับ 1 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยภายหลังทราบผลแอดมิชชัน ว่า รู้สึกดีใจเพราะเป็นคณะที่อยากเรียน โดยตนเลือกเรียนสาขาการเมืองการปกครองเพราะสนใจเรื่องการเมือง และพยายามติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ตลอดเวลา โดยมองว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน แม้จะไม่สนใจแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผลกระทบกับทุกคน ดังนั้น เราจึงควรมองและติดตามข่าวสารการเมืองด้วยข่าวเข้าใจ ไม่ใช่เชื่อทุกอย่าง แต่ต้องรู้จักคิดวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ ด้วย เพราะหากเราเชื่อไปตามข่าวสารทุกอย่างโดยไม่มีการคิดวิเคราะห์ ก็จะเกิดความวุ่นวาย
      
       “คาดว่าจะเข้าไปเรียนที่จุฬาฯ ได้เพียงแค่ประมาณเดือนเศษๆ เท่านั้น หลังจากนั้นจะขอดร็อปไว้ก่อน เพราะตนได้รับทุนของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ไปเรียนสาขาฝรั่งเศสศึกษา ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วย ซึ่งก็คงจะไปลองเรียนดู หากเรียนไม่ได้ก็จะกลับมาเรียนที่จุฬาฯ ต่อ ส่วนใครจะมองว่าเป็นการไปกันสิทธิคนอื่นหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่มุมมองของแต่ละคน และถ้ากลับมาเรียนที่จุฬาฯ ก็ยังเรียนสาขาการเมืองการปกครองเช่นเดิม ซึ่งวันนี้ผมสามารถสอบติดในคณะที่ต้องการและอยากเรียนแล้ว เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนก็ทำได้อย่างเต็มที่เพื่อเรียนในคณะที่เขาต้องการก็ควรได้รับการชื่นชมเช่นกัน” นายสุธิวิชญ์ กล่าว

 
น.ส.พิมพิกา ประสานศักดิ์สกุล หรือ แพรว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
       น.ส.พิมพิกา ประสานศักดิ์สกุล หรือ แพรว โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา คะแนนสูงสุดของคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น และดีใจมาก เพราะเป็นอีกหนึ่งคณะที่ใฝ่ฝันว่าจะเข้าเรียนให้ได้ แต่หลังจากนี้คงต้องไปปรึษากับพ่อแม่อีกครั้งว่าจะเรียนต่อในคณะนี้หรือไม่ เพราะขณะนี้ตนกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งคณะที่ตนใฝ่ฝันอยากจะเรียนต่อเช่นกัน แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีคะแนนสูงที่สุดของคณะนิเทศฯ อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจดีว่าหากไม่เลือกเรียนในคณะนิเทศฯ คงต้องมีคนคิดว่าแย่งที่นั่งเรียนของคนอื่น แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำตามความฝันของตนเอง ดังนั้นตนก็เลยลองมาแอดมิชชันดู อยากฝากถึงเพื่อนๆ ที่พลาดหวังให้สู้ต่อไปเพราะแอดมิชชันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ปีหน้าก็ยังมีโอกาสมาแอดมิชชันใหม่ได้
 
นายจิรวัฏ สมรักษ์ หรือ กาย โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จ.น่าน
       ด้าน นายจิรวัฏ สมรักษ์ หรือ กาย โรงเรียนศรีสวัสดิ์วิทยาคาร จ.น่าน คะแนนสูงสุดของคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจและภูมิใจมากเพราะเป็นสิ่งที่คาดหวังมากโดยตนได้เลือกคณะนี้เป็นอันดับที่ 1 และไม่คิดว่าเด็กต่างจังหวัดจะสามารถทำคะแนนได้สูงสุดของคณะ เพราะฉะนั้น จึงชี้ให้เห็นว่าเด็กต่างจังหวัดก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กในกรุงเทพฯ เรียนที่ไหนคุณภาพก็เหมือนกัน เพียงแต่ตัวเราเองต้องตั้งใจเรียนให้มากที่สุด
      
       “เวลาเรียนผมจะทำให้รู้สึกสนุก ไม่ต้องเครียดจนเกินไป ซึ่งก่อนจะมีการสอบ GAT-PAT ผมก็จะใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 1 เดือน โดยฝึกทำโจทย์เยอะๆ และเลือกเรียนพิเศษในวิชาที่จำเป็น เช่น คณิตศาสตร์ เคมี ฟิสิกส์ ซึ่งเหมือนเป็นการทบทวนอีกครั้งก่อนสอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าครูที่โรงเรียนจะสอนไม่ดี เพียงแต่เรียนพิเศษเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง ซึ่งขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ ทุกคนที่พลาดจากแอดมิชชัน อยากให้ลุกขึ้นเดินไปข้่งหน้าอย่างเข้มแข็ง เพราะยังมีมหาวิทยาลัยดีๆ ที่รองรับ”นายจิรวัฏ กล่าว

 
น.ส.ชนม์นิภา นิ่มธุภะริยะ หรือ นุ๊ก โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม
       ขณะที่ น.ส.ชนม์นิภา นิ่มธุภะริยะ หรือ นุ๊ก โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม ได้คะแนนสูงสุดคณะมนุษยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้รู้ว่าผ่านแอดมิชชัน และได้คณะมนุษยศาตร์ มก.ซึ่งตนเลือกไว้เป็นอันดับ 1 โดยที่เลือกคณะนี้เพราะส่วนตัวแล้วชอบในเรื่องของภาษา จึงเริ่มเตรียมตัวในการเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1 เรียนในหลักสูตรอิงลิชโปรแกรม ที่โรงเรียนพอขึ้น ม.ปลายก็เลือกเรียนเช่นเดิม ทั้งนี้ ที่สำคัญตนมองว่าเราต้องตั้งใจเรียนในห้องเรียนและทำงานส่งอาจารย์ให้ครบถ้วนตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ประโยชน์ต่อตัวเราและช่วยในเรื่องคะแนน GPAX ด้วย อย่างไรก็ตาม ตนก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนกวดวิชา เพราะรู้ตัวดีว่าบังคับตนเองเรื่องการอ่านเองไม่เก่งนัก และอยากเสริมความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เรียนให้เพิ่มขึ้น ซึ่งไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเรียนกวดวิชาเพราะมีเพื่อนตนหลายคนไม่ได้เรียนก็สอบติดเช่นกัน ทั้งหมดอยู่ที่ความตั้งใจของเรา สำหรับเพื่อนที่พลาดหวังอยากฝากว่าไม่ต้องเสียใจขอให้ตั้งใจและพยายามต่อไป
 
นายจารุเดช บุญญสิทธิ์ หรือ น้องฟอร์ด โรงเรียนจิตรลดา
       ด้าน นายจารุเดช บุญญสิทธิ์ หรือ น้องฟอร์ด โรงเรียนจิตรลดา คะแนนสูงสุดคณะนิติศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า รู้สึกดีใจเพราะไม่คิดว่าจะมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ของคณะ อยากจะฝากบอกเพื่อนๆ ที่ไม่ติดว่าขอให้สู้ต่อไป ส่วนเคล็ดลับในการเรียนก็ขอให้ตั้งใจเรียนในห้องให้ดี และอาจจะหาที่กวดวิชาเพิ่มบ้าง เพราะส่วนตัวมองว่าการเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวบางครั้งความรู้ก็ไม่พอที่จะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย โชคดีที่โรงเรียนจิตรลดามีการนำการทดสอบความถนัดทั่วไปหรือแกทมาให้นักเรียนได้เรียนรู้ นอกจากนี้อยากให้มีการปรับหลักสูตรโดยตัดบางวิชาที่ไม่จำเป็นออก ขณะที่ระบบแอดมิชชันไม่อยากให้ปรับบ่อย เพราะจะทำให้เด็กเตรียมตัวไม่ทัน
      
       นายธนดล หิรัญวัฒน์ หรือ น้องไบร์ท โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย คะแนนสูงสุดคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า ขณะนี้คนเก่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะเลือกเรียนครู แต่ตนเลือกเรียนครุศาสตร์เพราะชอบ ตอนเรียนก็ช่วยสอนเพื่อนๆและน้องๆ หากเรียนจบก็อยากจะทำงานด้านการศึกษาเพราะอยากเห็นการศึกษาไทยพัฒนา ในฐานะนิสิตครูเห็นข่าวทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วยแล้วไม่สบายใจ อยากให้กระทนวงศึกษาธิการหามาตรการดูแลให้เข้มงวด เพราะครูควรจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนอื่น หากปล่อยให้การสอบบรรจุครูเกิดการทุจริต แล้วประเทศของเราจะเป็นอย่างไร

10 ข้อคิดดี ๆ สำหรับวัยรุ่นที่มีรักในวัยเรียน จากใจ โต้ สุหฤท

            หลังจากที่ สุหฤท สยามวาลา ดีเจอินดี้ และผู้บริหารบริษัทเครื่องเขียนดังของตระกูลสยามวาลา ได้กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น ภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทำให้ขณะนี้เขาได้กลายเป็นขวัญใจเด็กแนวทั่วประเทศ ด้วยแนวคิดแหกกรอบ แต่แฝงไปด้วยข้อคิดดี ๆ และความคิดสร้างสรรค์มากมายนั่นเอง
            และในฐานะที่เขาเป็นขวัญใจของวัยรุ่นเด็กแนวทั่วประเทศ ล่าสุด (16 พฤษภาคม 2556) โต้ สุหฤท ก็ยังได้ฝากข้อคิดดี ๆ เกี่ยวกับเรื่องความรักของวัยรุ่น มาสอนและเตือนทุก ๆ คนไว้อย่างน่าสนใจผ่านทวิตเตอร์ @Suharit ดังนี้
            1. คือวัยรุ่นไม่ต้องจะเป็นจะตายอะไรนักหนาหรอกเวลาอกหัก มี 20 % ที่รักกันตอนวัยรุ่นแล้วแต่งงานกัน และมีจำนวนมากที่อกหักอยู่นั่นแล้วเจอรักแท้
            2. วัยรุ่นค่ะอย่ารุนแรงกับความรักมากนักเพราะรักแท้มันมาเองแล้วมันไม่จากไปนะคะเบยงุงิ
            3. อีตอนเป็นวัยรุ่นก็หากันจังอีรักแท้ พอได้คู่เสือกคุยกันน้อยลงตอนแก่ มันมีถมเถไปนะคะเบยงุงิ ที่ถูกต้องคือคุยกันทั้งชีวิตด้วยรอยยิ้มและน้ำตา
            4. จะรักใครก็รักแต่หัดเผื่อใจไว้บ้างนะวัยรุ่น เพราะเขาคนนั้นอาจเป็นของคนอื่นที่ทิ่มแทงใจเราไปตลอด และอาจเป็นเพื่อนสนิทเราเอง
            5. การมีเซ็กส์มันห้ามยากและสวยงาม พี่ไม่กระแดะนะ อย่าเมาเป็นพอเพราะมันเฟคและจอมปลอมมาก แต่ไม่เข้าใจอีวันลอยกระทงกับวาเลนไทน์ อะไรนักหนาคะ
            6. รักที่กรีดแขน ฝนตก รถฉุกเฉินมารับเหมือนในมิวสิควิดีโอมันไม่มี คือน้องจะตายห่าทันทีที่ทำเรื่องโง่ๆแบบนั้น เศร้าก็ร้องไห้ หยุดแล้วเดินต่อ
            7. รักนั้นสวยงามแต่มียาพิษซ้อนอยู่นะวัยรุ่น มันไม่ใช่วิตามินชีวิตตลอดไปหรอก น้องอกหักก็อกหัก รักก็รัก เลิกก็เลิก แต่ต้องเด็ดขาดกับความรู้สึก
            8. วัยรุ่นคะอย่าหลงรักจนเลิกเรียน มันทุเรศนะคะเบยงุงิ ไม่ต้องโกรธพี่ด้วย เพราะพี่พูดจริง อยากได้สามีหรือใบปริญญา!
            9. โปรดสนุกกับความรักแบบวัยรุ่นเพราะมันจะหายไปตอนแต่งงานเพื่อชีวิตจริง วัยรุ่นงอนกันน่ารัก พอแก่แต่งงานกันงอนกันน่าตบที่หัวใจตนเอง นะคะเบย
            10. วัยรุ่นอย่ากระแดะทำเป็นรักหนักหนาครับ ให้รักเงียบ รักแบบจริงใจ รักแบบพรุ่งนี้ไม่มีเธอ แล้วต่อด่วยคำว่า แสรด ทำไมกูจะไม่มีมึงไม่ได้ว่ะ

ถ้าเป็นคุณจะเลือกทางไหน

มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง
รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว


มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่

เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ
คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่
แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน 


หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม?
ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้ 


คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป
รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้


คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น
ผมคิดว่า คุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน 


แน่นอน ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก
ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้นดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก
 

แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้อง ที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก 


แต่ทว่า เขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจ
และเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย 


สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน 
ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมืองโดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย
คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก
แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม


เด็กคนที่เลือกที่จะไม่เล่นบนรางที่อยู่ในการใช้งานตามเพื่อนๆของเขา
และคงไม่มีใครเสียน้ำตาให้หากเขาต้องสละชีวิตก็ตาม


เพื่อนที่ส่งต่อเรื่องนี้มาบอกว่า เขาจะไม่พยายามเปลี่ยนเส้นทางรถไฟ

เพราะเขาเชื่อว่าเด็กที่เล่นอยู่บนรางที่อยู่ในการใช้งานย่อมรู้ดีว่า
รางนั้นยังอยู่ในระหว่างการใช้งาน
และพวกเขาควรจะหลบออกมาเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหวูดรถไฟ 


ถ้าทางรถไฟถูกเปลี่ยน เด็กหนึ่งคนนั้นต้องตายอย่างแน่นอน
เพราะเขาไม่เคยคิดว่ารถไฟจะเปลี่ยนมาใช้เส้นทางนั้น
 


นอกจากนั้น รางที่ไม่ได้ถูกใช้งานอาจเป็นเพราะรางนั้นไม่ปลอดภัย
ถ้ารถไฟถูกเปลี่ยนเส้นทางมาที่รางนี้
เราทำให้ชีวิตของผู้โดยสารทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย
ในขณะที่คุณพยายามช่วยชีวิตเด็กจำนวนหนึ่งโดยการสละชีวิตเด็กหนึ่งคน
อาจกลายเป็นการสังเวยชีวิตผู้คนนับร้อยก็เป็นได้


เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก บางครั้งเราอาจลืมไปว่า 



การตัดสินใจอันรวดเร็วใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

จำไว้ว่า สิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ
และสิ่งที่เป็นที่นิยม ไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป

ทุกๆคนสามารถทำสิ่งผิดพลาดได้
และนั่นคือเหตุผลที่เขาใส่ยางลบไว้ที่ปลายของดินสอ

 

ที่มา : forward mail , Teenee

ลุงโง่ ย้ายภูเขา

กาลครั้งก่อนนานมาแล้วมีชายชราคนหนึ่งอายุเกือบ ๙๐ ปี มีชื่อว่าอวี๋กง  ชาวบ้านเรียกขานพ่อเฒ่าว่า ลุงโง่   บ้านของลุงโง่อยู่ทางเหนือของภูเขา ที่หน้าบ้านมีภูเขาไท่หังและภูเขา   หวางอูสองลูกตั้งขวางอยู่ ทุกวันเดินเข้าเดินออกจะไปไหนก็จะต้องเดินอ้อมภูเขาที่ขวางหน้าบ้านนี้ ทำให้รู้สึกไม่สะดวกยิ่งนัก ดังนั้น ลุงโง่จึงตัดสินใจจะย้ายภูเขาทั้งสองลูกที่ขวางหน้าบ้านนี้ออกไปเสีย. และนับจากนั้นมา  ลุงโง่ก็ตื่นแต่เช้า  นำลูกๆ หลานๆ ช่วยกันขุดเจาะหินผาที่หน้าบ้านกันอย่างไม่หยุดมือ  ตั้งใจจะย้ายภูเขาสองลูกนี้ให้พ้นไปให้ได้
ในละแวกใกล้เคียงที่ลุงโง่อาศัยอยู่นั้น มีชายชราอีกผู้หนึ่งชื่อจือโส้วอาศัยอยู่  ชาวบ้านเรียกขานพ่อเฒ่าคนนี้ว่า  “เฒ่าเรืองปัญญา” วันหนึ่งเขาเดินผ่านมาเห็นลุงโง่กับลูกหลานพากันง่วนอยู่กับการขุดเจาะภูเขา  ก็อดหัวเราะในความโง่เขลาของลุงโง่ไม่ได้จึงพูดกับลุงโง่ว่า 
”ท่านท่าจะเลอะเลือนไปใหญ่แล้ว  อายุปูนนี้เปรียบไปก็เหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ยังจะขุดย้ายภูเขาอะไรกันอีก ถึงขุดไปจนตัวตายก็ยังหาได้สะเทือนภูเขาใหญ่สองลูกนี้แม้สักน้อยนิดไม่.”
ลุงโง่ตอบว่า
”คนที่เลอะเลือนนั้นมิใช่ข้า  เป็นท่านต่างหาก แม้ข้าตายไปแล้วก็ไม่เป็นไร ยังมีลูกของข้า  แล้วลูกก็มีหลาน หลานก็ยังมีเหลนอีก  ลูกหลานเหลนรับช่วงสืบต่อกันไปหลายชั่วคน ช่วยกันขุด ขุดมันออกไปหน่อยหนึ่ง มันก็น้อยลงหน่อยหนึ่ง  แต่ภูเขานั้นไม่มีวันงอกสูงขึ้นอีกเป็นแน่  ขอแต่ให้พวกเรามีความตั้งใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่  ย่อมจะขุดย้ายภูเขาสองลูกนี้ให้ราบไปได้”
ชายชราที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เรืองปัญญาฟังแล้วให้รู้สึกอับจนถ้อยคำ
นิทานสุภาษิตนี้มีบันทึกไว้ในหนังสือ”เลี่ยจื่อ”  สอนให้เรารู้ว่า คนเราย่อมเอาชนะธรรมชาติได้ คนๆ หนึ่งขอแต่ให้มีความตั้งใจ มีความมานะบากบั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค  แม้จะยากลำบากแค่ไหนก็สามารถขจัดได้  คนเราไม่ว่าจะทำการงานใดจะต้องมีจิตใจแบบลุงโง่ย้ายภูเขา ภูเขาแม้จะใหญ่โตก็มิสู้ปณิธานของลุงโง่ หินผาแม้จะแข็งแกร่ง ก็ไม่สู้ความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ของลุงโง่
(บทความนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของนิทานสุภาษิตจีน เลี่ยจื่อ)
"คนโง่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการงาน หากมุ่งมานะ ก็พบหนทางแห่งความสำเร็จได้  ฉะนั้นจงอย่าได้ประมาทคนโง่"...mata
เรียบเรียงโดย  พรชัย  สังเวียนวงศ์   http://thai.cri.cn/chinaabc/chapter16/chapter160207.htm