บางคนอาจจะพอนึกภาพออกนะครับว่า เด็กม.ปลายที่กำลังจะเข้าสอบสมภาษณ์เข้ามหาลัยเนี่ย มันกังวลแค่ไหน (ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเลย) กลัวนู่น กลัวนี่ ขี้หด ตดหาย กังวลสารพัด ประดุจว่าห้องสัมภาษณ์คือห้องดับจิตก็ไม่ปาน
ก็ยังไม่ทันได้ตอบคำถามน้องเค้าเลยครับ พอดีน้องเค้าขอตัวไปก่อน ,,,
อย่ากระนั้นเลย ไหนๆก็ไหนๆ ก็ยกเอามาตอบมันในบล็อกเสียเลย เวลาปีหน้ามีน้องมาถามอีก จะได้ไม่ต้องมาบิ๊วอารมณ์กันใหม่
,,, ,,, ,,,
เรามาดูว่า คำถามแบบไหน ที่มักจะเจอเวลาสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย
,,, ,,, ,,,
0.ถามข้อมูลส่วนตัว
อันนี้เป็นเรื่องปกติ ธรรมดาสามัญครับ อาจจะให้เราแนะนำตัว ชื่อ นามสกุล จบจากโรงเรียนอะไร เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ ก็ว่าไป ,,, ซึ่งบางคนก็อาจจะข้ามสเตปท์ตรงนี้ไปก็ได้ ถ้าอาจารย์คิดว่าได้ข้อมูลจากเอกสารที่วางอยู่ตรงหน้าอาจารย์พอแล้ว ,,, แต่บางที อาจารย์ก็อยากให้เราแนะนำตัว เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับอาจารย์ เพราะบางคนก็สั่นจนแนะนำตัวเองถูกๆผิดๆก็มี
มีเพื่อนผมคนนึง มันไปสร้างวีรกรรมตอนสอบสัมภาษณ์ไว้อย่างลือเลื่องมาก ,,, ผมสมติชื่อมันว่า โตแมง ก็แล้วกันนะครับ
โตแมง สอบได้คณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชา เคมี ณ มหาลัยในภาคอีสานแห่งหนึ่ง ,,, แต่โตแมง กะว่า ไปสอบสัมภาษณ์ชิวๆขำๆไปงั้นเอง เพราะคิดไว้ในใจแล้วว่า ไม่เลือกที่นั่นแน่ๆ ,,, พออาจารย์ถามชื่อ โตแมงตอบว่า "อาจารย์ไม่รู้เหรอครับ ว่าผมชื่ออะไร อาจารย์รู้มั้ยว่าผมเป็นใคร" และก็ตามด้วยคำตอบกวนตีนอีกหลายดอก ,,, ผลคือ โตแมง ไม่ผ่านการสอบสัมภาษณ์สมใจอยาก
,,, ,,, ,,,
1.ถามความมั่นใจ
แน่นอนครับ คำถามบังคับที่ทุกคนจะได้เจอ "ทำไมถึงอยากเรียนสาขา/คณะนี้" ,,,
ถ้าเป็นคนอยากเรียนจริงๆ ก็จะไม่ลำบากใจหน่อย ถ้าเป็นแบบโตแมงข้างบน อยากฮาราคีรีตัวเองก็ไม่ยาก แต่ถ้ายังสองจิตสองใจ อารมณ์ประมาณว่า จะไม่เอาก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็คิดหนัก ,,, ก็ให้พยามคิดถึงเหตุผลที่ทำให้อยากเรียนแล้วตอบไปแบบไม่ต้องคิดมากครับ เพราะเขาถามถึงเหตุผลที่อยากเรียน เขาไม่ได้ถามถึงเหตุผลที่จะทำให้ไม่อยากเรียน ,,, แต่จะดีมาก ถ้าเราสามารถตัดสินใจได้ก่อนการไปสัมภาษณ์ เพราะมันจะทำให้เราตอบได้อย่างมั่นใจ และไม่เป็นการตัดโอกาสคนที่เขาอยากเรียนจริงๆ แต่คะแนนสอบอาจจะน้อยกว่าเรา
ถ้ามั่นใจว่าอยากเรียนจริง แต่เจออาจารย์แอบขู่ เช่น "เรียนยากนะ", "รีไทร์เยอะนะ", "รุ่นพี่เธอก็บอกครูแบบนี้" ตอบๆไปเหอะ "มั่นใจครับ/ค่ะ" คนเก่งหรือจะเท่าคนใจสู้ อาจารย์ก็อยากวัดแค่นี้แหละครับ
,,, ,,, ,,,
2.ถามความรู้
คำถามวัดความรู้ แต่ละคนก็จะถูกลองของมากน้อยแตกต่างกัน บางคนก็เจอหนัก บางคนก็เจอเบา บางคนก็เจอคำถามตรงสายเลย บางคนก็เจอความรู้รอบตัว ก็สุดแล้วแต่บุญทำกรรมแต่งครับ (ha) ,,, แต่โปรดเถิดดวงใจ โปรดได้ฟังคำนี้ก่อน ,,, ถ้าไม่รู้เกี่ยวกับคำถาม พลีสเลยครับ กรุณาอย่าดำน้ำ อย่าพยายามเนียนนุ่มกรุ้มกริ่ม อาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าเรา เก๋าๆกันทั้งนั้น อย่าคิดว่าจะใส่ตีนกบสคูบ้าดำน้ำ แล้วจะรอด
ตอบถูกในสิ่งที่รู้และเข้าใจนั่นเป็นเรื่องดีครับ ถ้ารู้ก็ตอบอย่างมั่นใจเลย ,,, ถ้ารู้บ้างไม่รู้บ้าง ก็ตอบเฉพาะส่วนที่รู้ ,,, แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ ให้ตอบว่า ไม่ทราบครับ/ค่ะ ,,, การที่เราไม่รู้ ไม่ใช่เรื่องผิด เพราะถ้ารู้ไปหมด กูจะมาเรียนทำไม?
แต่ก็ควรทำการบ้านมาบ้างเหมือนกันนะจ๊ะ ,,, เพราะถึงไม่รู้ ไม่ใช่เรื่องผิด ,,, แต่ถ้าไม่รู้ไปหมดซะทุกเรื่อง มันก็กะไรอยู่ จริงไหม?
เพื่อนผมมันมาประจานตัวเองตอนสอบสัมภาษณ์เข้าวิทย์คอม ,,, อาจารย์ถามว่า ที่บ้านใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรบ้าง ,,, เพื่อนผมมันตอบว่า "ก็ใช้วายแน้ม(Winamp)ฟังเพลงอะค่ะ" (กรุณานึกถึงหน้าคนถาม ตอนเพื่อนผมมันตอบ)
,,, ,,, ,,,
3.ถามจุดแข็ง
อาจารย์แกก็จะดูคะแนนของเรา ถ้าวิชาไหนเราทำคะแนนได้ดี อาจารย์ก็อาจจะลองเทสท์ดูบ้างว่า เอ๊ ไอ้นี่มันมั่วแม่นรึปล่าว วิธีตอบก็ให้กลับขึ้นไปอ่านข้อที่แล้วครับ
,,, ,,, ,,,
4.ถามจุดอ่อน
บางคนนี่โคตรซวยครับ นอกจากอาจารย์จะไม่ถามจุดแข็งที่คันปากอยากจะตอบจะตายห่าน แต่ยังเสือกถามจี้จุดอ่อนเราอีก ,,,
เวลาโดนจี้จุดอ่อน ก็อย่าประสาทแดกไปครับ ,,, รู้ก็ตอบ ไม่รู้ก็บอก "ไม่ทราบ" จบ! ,,, ตอบไม่ได้ ไม่มีใครเอาM16 มารัวใส่ให้ตายหงส์คาห้องสัมภาษณ์แน่นอนครับ
พออาจารย์แกถามจนสาแก่ใจแกแล้ว ต่อไปก็จะกลับไปที่ข้อ 1. ครับ นั่นก็คือ "ช่วงวัดใจ"
อย่างผมนี่ ตอนม.ปลาย เกรดฟิสิกส์ได้น้อยมาตลอด ,,, คะแนนเอ็นท์วิชาฟิสิกส์ก็ได้น้อย ฟ้องตัวเองอีก ,,, เจอเลยครับ "มีเรียนฟิสิกส์ตั้ง 2 ตัวนะ มีแล็บฟิสิกส์ด้วย จะไหวเหรอ" ,,, เจอลองดีอย่างนี้ เราก็ตอบไปเลยครับว่า "คิดว่าไหว และจะพยายามให้ดีที่สุดครับ/ค่ะ" ,,,
ในชีวิตมหาลัย วิชาไหนเราไม่เก่ง มันก็เอาเกรดเอยาก อันนี้พอจะมองภาพออกนะครับ แต่เชื่อผมเหอะ ถึงเราจะเอาเกรดเอในวิชานั้นๆยาก แต่ก็ใช่ว่ามันจะติดเอฟกันง่ายๆ ,,, และผมก็ผ่านฟิสิกส์มาด้วย D+ 2 ตัว (ha)
,,, ,,, ,,,
5.ถามหาพ่อ หาแม่
เอ่อ อันนี้ไม่ได้กวนตีนนะครับ ,,, อาจารย์อาจจะถามหาพ่อ หาแม่ ของเราจริงๆ ,,, หลายคนงงว่า ทำไมต้องถาม? ,,, เคสนี้ เผื่อไว้ในกรณีที่ผู้ปกครองมีความขัดข้องในการหาค่าเล่าเรียนให้เราครับ ,,, อาจารย์ก็จะถามว่า พ่อ แม่ทำอาชีพอะไร มีลูกกี่คน ติดขัดเรื่องการเงินไหม เราต้องการทุนไหม ,,, ถ้าต้องการ ให้ตอบโดยไวเลยครับ อาจารย์ก็จะทำremarkไว้ ซึ่งก็เป็นผลดีกับตัวเราเอง
ในกรณีที่เราต้องการทุน แต่อาจารย์ไม่ถามเรา ให้เราชิงถามเองเลยครับ ,,, เรื่องทุนการศึกษานี่ เรื่องใหญ่ อย่ากลัว อย่าอาย อาจารย์เขาพร้อมตอบอยู่แล้ว
,,, ,,, ,,,
6.ถามหาพี่
ถามหาพ่อ หาแม่ แล้วอาจจะมีถามหาพี่บ้าง แต่อันนี้ออกแนวระลึกชาตินิดนึง ,,, ถ้าใครมีพี่หรือญาติที่เรียนคณะ/สาขา นั้นๆ ตลอดจนเป็นที่รู้จักของอาจารย์ผู้สัมภาษณ์ แกก็จะถามเลยว่า เป็นน้องของ/รู้จัก...หรือเปล่า ,,, ให้รู้ไว้เลยว่า พี่หรือญาติของน้องๆ อาจจะมีจุดเด่นซักอย่างนึง ที่เป็นที่จดจำของอาจารย์ที่ถาม ,,, ส่วนจะเป็นจุดเด่นด้านดีหรือร้ายนั้น ก็ไปวัดดวงกันเอง (ha)
แต่ข้อนี้ไม่ต้องซีเรียสอะไรมากครับ ถามมา ก็ตอบไปแค่นั้นเอง
,,, ,,, ,,,
7.ถามหาอะไร?
นอกจากทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว จะมีคำถามอยู่ประเภทหนึ่ง ที่เราฟังแล้วอาจจะเกิดความสงสัยว่า อาจารย์จะถามหาซอกตึกอะไรครับ? เช่น "ชื่อแปลว่าอะไร", "ใครเป็นคนตั้งชื่อให้", "เมื่อคืนไปกินเหล้ากับรุ่นพี่มารึเปล่า" หรือ "รุ่นพี่เลี้ยงเนื้อย่างร้านไหน"
ก็ไม่ต้องก่งก๊งหรอกครับ คำถามเหล่านี้ ดูเหมือนจะกวนตีน แต่มันเป็นการสร้างความผ่อนคลายและความคุ้นเคยให้กับพวกน้องๆเองนั่นแหละ เพราะบางคนเข้าไปเจออาจารย์ก็เกร็งจนรูตูดขมิบไป 30 รอบก็มี เดี๋ยวจะสัมภาษณ์ไม่รู้เรื่องกันพอดี
,,, ,,, ,,
ก็คงจะพอเป็นแนวทางได้บ้างไม่มากก็น้อย (ประโยคนี้ คำนำรายงานส่งครูชัดๆ -3-) หรืออาจจะทำให้น้องที่กำลังจะได้เข้าสัมภาษณ์เร็วๆนี้ ได้สบายใจขึ้น ,,, แต่ขอเตือนก่อนว่า ทั้งหมดที่ว่ามา มันก็แค่ความเห็นของผมคนเดียวเท่านั้น อ่านพอเป็นแนวทางได้ แต่อย่าเชื่อทั้งหมด เตรียมตัวให้พร้อม เป็นตัวของตัวเอง ผ่อนคลาย แต่มั่นใจ แล้วการสอบสัมภาษณ์เข้ามหาลัย ก็จะไม่น่ากลัวอีกต่อไป
เทคนิคการสอบสัมภาษณ์ นำไปใช้สอบติดแน่นอน เป็นบทความแนะนำสอบสัมภาษณ์ที่ดีที่สุดใน internet ตอนนี้นะครับ มีคนอ่านมากกว่า 10000 ครั้ง ถูกเผยแพร่ใน หลายๆเว็บ
Credit watchi.exteen.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น