"อยากเป็น .. หมอตา หมอฟัน หมอเด็ก หมอศัลย์ หมอผิวหนัง หมอหัวใจ หมอสมอง บลา ๆๆ"
หลังจากที่ได้ดูโฆษณาตัวใหม่ของเครื่องดื่มบำรุงสมองยี่ห้อเดิม ก็ได้แต่รู้สึกเพลียอยู่ลึก ๆ
'คราวนี้มันหลายหมอเหลือเกิน แล้วยัย 2 เปียที่พูดอยากเป็นหมอคราวก่อน ได้เป็นเปล่าเนี่ยย ?!'
หลังจากที่ได้ดูโฆษณาตัวใหม่ของเครื่องดื่มบำรุงสมองยี่ห้อเดิม ก็ได้แต่รู้สึกเพลียอยู่ลึก ๆ
'คราวนี้มันหลายหมอเหลือเกิน แล้วยัย 2 เปียที่พูดอยากเป็นหมอคราวก่อน ได้เป็นเปล่าเนี่ยย ?!'
เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ อยากเป็นหมอตา หมอเด็ก หมอศัลย์ หมอห่าหมอเหวอะไร ก็ต้องเข้ามาเรียนหมอให้ได้ก่อน แต่ถึงเข้ามาได้แล้วก็ใช่ว่าจะได้เป็นหมอไปซะทุกคน เรามาลองดูกันดีกว่าว่า "ตัวเราเองนั้นเหมาะจะเรียนหมอรึเปล่า ??"
5 คุณลักษณะของคนที่ไม่ควรเรียนหมอ (อ่านเสร็จก็บอกด้วยนะว่าโดนกันไปกี่ข้อ ฮ่า ๆๆ)
1. ขี้เกียจ
คุณลักษณะแรกที่สำคัญที่สุดในการเรียนแพทย์ คือ "ต้องขยันหมั่นเพียร ห้ามขี้เกียจเป็นอันขาดด !!" เพราะถ้าเป็นคนขี้เกียจ ไม่ว่าจะเป็นขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจตื่นเช้าไปเรียน ขี้เกียจเปิดเน็ตหาความรู้เพิ่มเติม บอกตรง ๆ ว่าไปไม่รอดชัวร์ ยิ่ง "ขี้เกียจอ่านหนังสือ" เนี่ยตัวดีเลย เพราะจะต้องพบกับความเครียดเมื่อเจอพวกหัวกะทิปล่อยแสงใส่ ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
คุณลักษณะแรกที่สำคัญที่สุดในการเรียนแพทย์ คือ "ต้องขยันหมั่นเพียร ห้ามขี้เกียจเป็นอันขาดด !!" เพราะถ้าเป็นคนขี้เกียจ ไม่ว่าจะเป็นขี้เกียจอ่านหนังสือ ขี้เกียจตื่นเช้าไปเรียน ขี้เกียจเปิดเน็ตหาความรู้เพิ่มเติม บอกตรง ๆ ว่าไปไม่รอดชัวร์ ยิ่ง "ขี้เกียจอ่านหนังสือ" เนี่ยตัวดีเลย เพราะจะต้องพบกับความเครียดเมื่อเจอพวกหัวกะทิปล่อยแสงใส่ ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
"เฮ้ยย !! Amoxicillin ใช้รักษาอะไรบ้าง ไปอ่านมารึยังง ??" เพชรแกล้งถามลองภูมิ
"อ๋ออ .. อ่านมาแล้ว ๆ มันใช้รักษาเชื้อแกรมบวกพวก Streptococcus spp. นอกจากนั้นยังรักษาแกรมลบอย่างพวก E. coli ก็ได้นะ แล้วก็ใช้กับ Ear Nose Throat infection, คนเป็น Endocaditis มาทำฟัน, UTI ในคนท้อง แล้วก็ H. pylori แต่ต้องใช้ร่วมกับ Clarithromycin ด้วยนะ มันไม่รบกวนการดูดซึม จะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ถ้าเป็น Ampicillin จะรบกวน ต้องกินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง หรือถ้าลืมกินก็กินหลังอาหาร 2 ชั่วโมงก็ได้ บลา ๆๆ (ที่จริงยังมีต่ออีกเยอะ)" ขวัญปล่อยลำแสงอย่างเต็มภาคภูมิ สร้างความตึงเครียดให้แก่ฝูงชนโดยรอบ
คนตอบไม่ได้ก็ได้แต่คิดในใจ 'แม่มแดกชีทมารึไงวะ ?!' (ก็ไม่ได้อะไรมากหรอกก .. แต่แม่มถามกันข้ามหัวกุ !!)
(* หมายเหตุ ใครที่ไม่เข้าใจศัพท์คำว่า "ปล่อยแสง" ให้กลับไปอ่านภาคผนวกเอ็นทรี่ นักเรียนมัธยม กับ นักศึกษามหา'ลัย)
"อ๋ออ .. อ่านมาแล้ว ๆ มันใช้รักษาเชื้อแกรมบวกพวก Streptococcus spp. นอกจากนั้นยังรักษาแกรมลบอย่างพวก E. coli ก็ได้นะ แล้วก็ใช้กับ Ear Nose Throat infection, คนเป็น Endocaditis มาทำฟัน, UTI ในคนท้อง แล้วก็ H. pylori แต่ต้องใช้ร่วมกับ Clarithromycin ด้วยนะ มันไม่รบกวนการดูดซึม จะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ถ้าเป็น Ampicillin จะรบกวน ต้องกินก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง หรือถ้าลืมกินก็กินหลังอาหาร 2 ชั่วโมงก็ได้ บลา ๆๆ (ที่จริงยังมีต่ออีกเยอะ)" ขวัญปล่อยลำแสงอย่างเต็มภาคภูมิ สร้างความตึงเครียดให้แก่ฝูงชนโดยรอบ
คนตอบไม่ได้ก็ได้แต่คิดในใจ 'แม่มแดกชีทมารึไงวะ ?!' (ก็ไม่ได้อะไรมากหรอกก .. แต่แม่มถามกันข้ามหัวกุ !!)
(* หมายเหตุ ใครที่ไม่เข้าใจศัพท์คำว่า "ปล่อยแสง" ให้กลับไปอ่านภาคผนวกเอ็นทรี่ นักเรียนมัธยม กับ นักศึกษามหา'ลัย)
แต่ก็ไม่ใช่ว่านักศึกษาแพทย์จะชอบปล่อยแสงไปหมดซะทุกคน คนที่ไม่ชอบปล่อยก็จะไม่ยิงความรู้ใส่คนอื่นให้เดือดร้อน แต่คนที่ชอบปล่อยนี่ถามไป 1 อย่าง ตอบกลับมาสัก 5 อย่าง เคยสัมภาษณ์มาคนนึงนะ เธอบอกรู้สึกดีที่ได้ปล่อยแสง เพราะจะรู้สึก WIN ทุกครั้งที่เพื่อนทำหน้างง (กุเนี่ยแหละคนนึงที่โดนมัน WIN)
ส่วนตัวคิดว่าคงมีไม่กี่คนที่โดนข้อนี้ เพราะกว่าจะสอบติดหมอมาได้ก็ต้องขยันกันพอตัวแหละ ไม่ใช่หวังพึ่งแต่เครื่องดื่มบำรุงสมอง ที่ชอบโฆษณา "อยากเป็นหมอ ๆ" ดื่มไปวันละ 3 ลัง ก็ไม่ได้ทำให้ติดหมอหรอกนะ นี่บอกไว้เลย เอิ้ก ๆ
2. ปรับตัวไม่ได้
คุณลักษณะที่จำเป็นข้อต่อมา คือ "ต้องปรับตัวให้ได้ เพราะมันไม่เหมือนตอน ม.ปลาย" จาก ม.6 สู่ ปี 1 ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ เพื่อน การเรียน ฯลฯ ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
คุณลักษณะที่จำเป็นข้อต่อมา คือ "ต้องปรับตัวให้ได้ เพราะมันไม่เหมือนตอน ม.ปลาย" จาก ม.6 สู่ ปี 1 ชีวิตพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ เพื่อน การเรียน ฯลฯ ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
- จากที่เป็นพี่ใหญ่ในโรงเรียน คอยรังแกรุ่นน้อง ก็กลายมาเป็นน้องเล็กในมหา'ลัย คอยถูกรุ่นพี่ข่มเหง
- จากที่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นแล้วกลับบ้าน ก็เปลี่ยนไปเป็นเลิกเรียนตอน 5 โมงเย็นแล้วทำกิจกรรมต่อถึง 3 ทุ่ม
- จากที่เคยดูการ์ตูนแล้วนอนตอน 4 ทุ่ม ก็ต้องมานั่งอ่านหนังสือแล้วนอนตอนตี 1
- จากที่อ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนวันสอบ 1 วัน ก็ต้องมานั่งอ่านทุกวัน (เพราะเพื่อนมันปล่อยแสงแบบ Unlimited !!)
หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ก็ต้องปรับตัวตามให้ได้ ถ้าปรับไม่ได้ก็จะต้องทนอยู่แบบนั้นอย่างไม่มีความสุข สุดท้ายก็ต้องซิ่วหาที่เรียนใหม่ นี่ยังไม่ได้พูดถึงตอนขึ้นคลินิกไปแล้วนะ หนักกว่านี้อีกหลายขุมเลยย !! การปรับตัวอาจจะไม่ได้จำเป็นเฉพาะคนที่อยากเป็นหมอ คนที่อยากเป็นวิศวะ ครู ฯลฯ ก็คงต้องปรับตัวเช่นเดียวกัน
ส่วนตัวคิดว่าคนที่โดนข้อนี้จะลำบากกว่าคนที่โดนข้อแรก เพราะถึงจะขี้เกียจ แต่ถ้าปรับตัวได้ก็จะกลายเป็นคนขยันอย่างไม่รู้ตัว (รวมถึงตัวข้าพเจ้าเองด้วย แต่ก็ยังขี้เกียจอยู่เหมือนเดิมแหละ ฮ่า ๆๆ)
3. ไม่มีน้ำใจ
คุณลักษณะข้อนี้ไม่ได้มีผลต่อการเรียนเท่าไหร่หรอกก .. แต่มีผลต่อเพื่อนในคณะมากก !! คณะแพทยศาสตร์ นอกจากจะเรียนหนักแล้ว กิจกรรมยังเยอะอีกต่างหาก แน่นอนว่าทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันทำให้มันเสร็จ ๆ ไม่ใช่ว่าคนไหนที่ช่วยก็ทำ ๆๆๆ จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ คนไหนที่ไม่ช่วยก็อ่านหนังสืออยู่หอบ้าง นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบ้าง บ่นในเฟซบุ๊คบ้าง จนโดนเพื่อน ๆ ในคณะเอาไปนินทาลับหลัง ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
คุณลักษณะข้อนี้ไม่ได้มีผลต่อการเรียนเท่าไหร่หรอกก .. แต่มีผลต่อเพื่อนในคณะมากก !! คณะแพทยศาสตร์ นอกจากจะเรียนหนักแล้ว กิจกรรมยังเยอะอีกต่างหาก แน่นอนว่าทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันทำให้มันเสร็จ ๆ ไม่ใช่ว่าคนไหนที่ช่วยก็ทำ ๆๆๆ จนไม่มีเวลาอ่านหนังสือ คนไหนที่ไม่ช่วยก็อ่านหนังสืออยู่หอบ้าง นอนกลิ้งไปกลิ้งมาบ้าง บ่นในเฟซบุ๊คบ้าง จนโดนเพื่อน ๆ ในคณะเอาไปนินทาลับหลัง ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
"แกก !! วันนั้นน่ะที่ปั่นปั๊นนัดคุยงานรับน้อง เราเห็นเฮอร์ไมโอนี่วิ่งออกไปพร้อมแฮรี่กับรอน" มาดามเริ่มเปิดประเด็นนินทา
"มันหนีออกไปได้ไงอ่ะ หยกก็ยืนกักอยู่หน้าห้องแล้วนี่" ผู้ร่วมนินทาถามขึ้น
คนเปิดประเด็นรีบตอบทันที "ก็มันหนีไปตรงทางหนีไฟ เราก็วิ่งตามมันไปนะ แต่มันล็อคประตูอ่ะ"
หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็นินทากันต่ออย่างดุ เด็ด เผ็ด มันส์ !!
(*หมายเหตุ เฮอร์ไมโอนี่ แฮรี่ และรอน เป็นเพียงนามสมมติ)
"มันหนีออกไปได้ไงอ่ะ หยกก็ยืนกักอยู่หน้าห้องแล้วนี่" ผู้ร่วมนินทาถามขึ้น
คนเปิดประเด็นรีบตอบทันที "ก็มันหนีไปตรงทางหนีไฟ เราก็วิ่งตามมันไปนะ แต่มันล็อคประตูอ่ะ"
หลังจากนั้นทั้ง 2 คนก็นินทากันต่ออย่างดุ เด็ด เผ็ด มันส์ !!
(*หมายเหตุ เฮอร์ไมโอนี่ แฮรี่ และรอน เป็นเพียงนามสมมติ)
จะมีคนแบบนี้ในคณะบ้างมันก็ไม่ได้แปลกหรอก เพราะโลกของเรามันคงไม่ได้สวยงามอย่างที่วาดฝันไว้ อย่างน้อยก็มาช่วยงานให้พอเห็นหน้าเห็นตา ไม่ใช่หายเงียบจนได้รับตำแหน่ง Rare ประจำคณะ (บางครั้งก็งงว่ามีคนหน้าตาแบบนี้อยู่ในคณะเราด้วยหรอ)
ส่วนตัวคิดว่าคนที่โดนข้อนี้ไม่น่ามีอยู่ในคณะแพทยศาสตร์เลยย .. เพราะหน้าที่ของวิชาชีพแพทย์ก็คือ "ช่วยเหลือผู้อื่น" แม้แต่คนเป็นเพื่อนกันยังไม่มีน้ำใจช่วย แล้วคนอื่นที่เดินเข้าโรงพยาบาลมาจะไปเหลืออะไรล่ะ ??
4. ไม่ให้ความร่วมมือ
คุณลักษณะข้อนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเรียนเหมือนกันน .. แต่ส่งผลต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ เภสัช เทคนิค หรือ พยาบาล ต่างก็ต้องทำงานร่วมกัน จะทำอยู่คนเดียวมันไม่ได้ แต่ก่อนจะทำงานร่วมกับเพื่อนต่างคณะ ก็ต้องทำงานร่วมกับเพื่อนคณะตัวเองให้รอดก่อน ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
คุณลักษณะข้อนี้ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการเรียนเหมือนกันน .. แต่ส่งผลต่อการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น แพทย์ เภสัช เทคนิค หรือ พยาบาล ต่างก็ต้องทำงานร่วมกัน จะทำอยู่คนเดียวมันไม่ได้ แต่ก่อนจะทำงานร่วมกับเพื่อนต่างคณะ ก็ต้องทำงานร่วมกับเพื่อนคณะตัวเองให้รอดก่อน ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
(เหตุการณ์สมมติ)
"เพื่อน ๆ อาจารย์ผิวพรรณให้ส่งวิธีป้องกันพยาธิอ่ะ" หนึ่งในสมาชิกสมอลกรุ๊ปคนหนึ่งโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊ค
เงียบบ .. (Seen by 2)
"งั้นเราเอาเป็น OV แล้วกันเนอะ จะป้องกันยังไงดีล่ะ" สมาชิกคนเดิมคอมเมนต์ตอบโพสต์ตัวเอง
เงียบบ .. (2 Likes, Seen by 5)
"เอาเป็นอย่างนี้ ๆๆ แล้วกันนะ" สุดท้ายก็ทำคนเดียวจนเสร็จ ส่งเข้าอีเมลอาจารย์เรียบร้อย
เงียบบ .. (6 Likes, Seen by everyone)
(* หมายเหตุ การเรียนสมอลกรุ๊ป คือ การเรียนแบบกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 8-9 คน)
"เพื่อน ๆ อาจารย์ผิวพรรณให้ส่งวิธีป้องกันพยาธิอ่ะ" หนึ่งในสมาชิกสมอลกรุ๊ปคนหนึ่งโพสต์ขึ้นเฟซบุ๊ค
เงียบบ .. (Seen by 2)
"งั้นเราเอาเป็น OV แล้วกันเนอะ จะป้องกันยังไงดีล่ะ" สมาชิกคนเดิมคอมเมนต์ตอบโพสต์ตัวเอง
เงียบบ .. (2 Likes, Seen by 5)
"เอาเป็นอย่างนี้ ๆๆ แล้วกันนะ" สุดท้ายก็ทำคนเดียวจนเสร็จ ส่งเข้าอีเมลอาจารย์เรียบร้อย
เงียบบ .. (6 Likes, Seen by everyone)
(* หมายเหตุ การเรียนสมอลกรุ๊ป คือ การเรียนแบบกลุ่มย่อย โดยมีสมาชิกกลุ่มละ 8-9 คน)
เอิ่มม .. ถ้าคนส่วนน้อยไม่ให้ความร่วมมือก็ว่าไปอย่าง แต่นี่มันทั้งกลุ่มเลยย !! แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากอยู่กลุ่มเดียวกันกับบุคคลประเภทนี้สักเท่าไหร่หรอก แต่บางทีคนเรามันก็ต้องมีขี้เกียจกันบ้างแหละเนอะ เอิ้ก ๆ
ส่วนตัวคิดว่าคนที่โดนข้อนี้ไม่น่ามีอยู่ในคณะแพทยศาสตร์เลยย .. เพราะหน้าที่ของวิชาชีพแพทย์ก็คือ "ช่วยเหลือผู้อื่น" แม้แต่คนเป็นเพื่อนกันยังไม่ให้ความร่วมมือ แล้วคนอื่นที่เดินเข้าโรงพยาบาลมาจะไปเหลืออะไรล่ะ ?? (เฮ้ยย !! เมิงก็อปข้อข้างบนลงมานี่)
5. ไม่มีใจรัก
คุณลักษณะข้อนี้ส่งผลต่อทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การทำงาน จะเห็นได้ว่าก่อนที่จะเข้ามาเรียนหมอ ทุกคนต้องผ่านการสัมภาษณ์ด้วยคำถามสุดคลาสสิค "ทำไมถึงอยากเป็นหมออ ??" ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
คุณลักษณะข้อนี้ส่งผลต่อทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน การทำงาน จะเห็นได้ว่าก่อนที่จะเข้ามาเรียนหมอ ทุกคนต้องผ่านการสัมภาษณ์ด้วยคำถามสุดคลาสสิค "ทำไมถึงอยากเป็นหมออ ??" ดังตัวอย่างด้านล่างง ..
"ทำไมถึงอยากเป็นหมอล่ะครับ ?" กรรมการสัมภาษณ์เอ่ยถามเด็กหนุ่มในชุดนักเรียน
"ผมอยากใช้ความสามารถของผมให้เต็มที่ในการช่วยเหลือสังคมครับ" คนถูกถามตอบออกไปด้วยความมั่นใจ
เด็กหนุ่มนั่งยิ้มพลางคิดในใจ 'ด้วยคำตอบนี้แหละ กุติดหมอแน่ !! ฮะฮ่า'
"ผมอยากใช้ความสามารถของผมให้เต็มที่ในการช่วยเหลือสังคมครับ" คนถูกถามตอบออกไปด้วยความมั่นใจ
เด็กหนุ่มนั่งยิ้มพลางคิดในใจ 'ด้วยคำตอบนี้แหละ กุติดหมอแน่ !! ฮะฮ่า'
นอกจากนี้ยังมีคำตอบอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำตอบสุดคลาสสิค "อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ค่ะ" คำตอบแบบพาไปที "พ่ออยากให้เรียนครับ" คำตอบแบบไม่รู้จะตอบอะไร "หนูชอบเรียนชีวะค่ะ" ส่วนจะผ่านสัมภาษณ์หรือไม่นั้นก็อีกเรื่องนึง
ส่วนตัวคิดว่าคงมีหลายคนแหละที่โดนข้อนี้ เพราะเท่าที่ถาม ๆ มาในคณะ คำตอบส่วนใหญ่คือ "มันสอบติดอ่ะ ก็เลยเอาเลย" แต่อย่าเพิ่งคิดนะว่า 'ไม่เห็นจะมีใจรักสักคน แล้วพวกนี้มันจะรอดมั้ยเนี่ยย ?! มันจะเป็นหมอที่ดีกันได้ยังไงง ?!' บางครั้งการที่คนเราจะรักอะไรบางอย่าง ก็ต้องลองทำมันดูก่อน
คำพูดทิ้งท้าย: มันไม่สำคัญหรอกว่าเราจะโดนไปกี่ข้อ ตราบเท่าที่เราอยากเป็นหมอ อยากช่วยเหลือคนอื่น เท่านี้ก็พอแล้วที่จะเข้ามาเรียนในคณะแพทยศาสตร์ (ส่วนจะไปรอดหรือไม่นั้นก็อีกเรื่องนึง)
ป.ล. ที่จริงควรจะเป็น "ล้านแปดคุณลักษณะของคนที่ไม่ควรเรียนหมออ !!" เพราะยังมีมากกว่านี้อีกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความสุขุมรอบคอบ ฯลฯ แต่ยกข้อเด่น ๆ มาแค่ 5 ข้อ (แค่นี้ก็ยาวเป็นพรืดแล้ว)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น