'สวัสดีแคมปัส' สวัสดีเดือนพฤศจิกายน พร้อมๆ กับการทยอยเปิดเทอมในภาคเรียนที่ 2 และยินดีต้อนรับรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ ทั้งนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ
สัปดาห์นี้ 'สวัสดีแคมปัส' จะพาไปทำความรู้จักกับสาวรามคำแหง ซึ่งหลงใหลในการเรียนด้านภาษา และมีดีกรีเป็นถึงนางแบบด้วย
สัปดาห์นี้ 'สวัสดีแคมปัส' จะพาไปทำความรู้จักกับสาวรามคำแหง ซึ่งหลงใหลในการเรียนด้านภาษา และมีดีกรีเป็นถึงนางแบบด้วย
'น้องพิม' นางสาวพิมจันทร์ พิชยะสูตร นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยรามคำแหง มาเยือนไทยรัฐออนไลน์ พร้อมเล่าถึงความสนใจด้านการเรียนกับ 'สวัสดีแคมปัส' ว่าสนใจการเรียนด้านภาษามาตั้งแต่เด็ก เพราะอยากพูดได้หลายภาษา และคิดว่าสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ตอนเรียนช่วงมัธยมปลายที่โรงเรียนสารวิทยา จึงเลือกเรียนสายญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสนใจและชอบศิลปินเพลงญี่ปุ่นเป็นการส่วนตัว
น้องพิม บอกว่า เมื่อจบมัธยมปลายจึงตัดสินใจเรียนด้านภาษา เลือกเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และศึกษาภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น เป็นเพราะเราต้องเรียนและทำงานไปด้วย การเรียนที่นี่จึงทำให้เรามีเวลาไปทำงานได้มากขึ้น แต่ก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มากด้วย และพอมีเวลาว่างก็ยังมาเรียนได้
น้องพิม บอกว่า เมื่อจบมัธยมปลายจึงตัดสินใจเรียนด้านภาษา เลือกเรียนสาขาวิชาภาษาอังกฤษ และศึกษาภาษาเกาหลีด้วยตัวเอง ส่วนสาเหตุที่เลือกเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหงนั้น เป็นเพราะเราต้องเรียนและทำงานไปด้วย การเรียนที่นี่จึงทำให้เรามีเวลาไปทำงานได้มากขึ้น แต่ก็ต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มากด้วย และพอมีเวลาว่างก็ยังมาเรียนได้
ส่วนงานที่ทำนั้นเป็นงานที่เริ่มทำมาตั้งแต่ตอน ม.5 ตั้งแต่มีโอกาสได้ประกวดเวทีมิสทีนไทยแลนด์ ก็ได้รับงานด้านการเดินแบบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเองชอบอยู่แล้ว จากที่เราเคยเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก การได้ไปอบรมเก็บตัว และทำงานด้านนี้ นอกจากทำให้เรากล้าแสดงออกมากขึ้น ยังได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ สังคมใหม่ๆ ด้วย
"การเรียนรามคำแหง เราไม่เคยคิดว่าขาดประสบการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัยหรือด้อยโอกาสกว่าคนอื่นเลย กลับกันเราคิดว่าได้โอกาสและประสบการณ์มากกว่าคนอื่น เพราะเราได้ทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ได้ฝึกการทำงานก่อนคนอื่น ทุกวันนี้เราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนเองได้ทั้งเรื่องค่าเล่าเรียน และการใช้จ่ายประจำวัน โดยไม่ต้องขอผู้ปกครอง จึงถือว่าเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง"
"การเรียนรามคำแหง เราไม่เคยคิดว่าขาดประสบการณ์ชีวิตมหาวิทยาลัยหรือด้อยโอกาสกว่าคนอื่นเลย กลับกันเราคิดว่าได้โอกาสและประสบการณ์มากกว่าคนอื่น เพราะเราได้ทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ได้ฝึกการทำงานก่อนคนอื่น ทุกวันนี้เราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของตนเองได้ทั้งเรื่องค่าเล่าเรียน และการใช้จ่ายประจำวัน โดยไม่ต้องขอผู้ปกครอง จึงถือว่าเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง"
ส่วนความคาดหวังด้านการเรียนนั้น น้องพิมบอกว่า จะพยายามทำให้เต็มที่ จะไม่ทิ้งแม้เราจะมีงานทำแล้วก็ตาม เพราะอย่างไรก็ยังอยากมีความรู้ด้านภาษาเอาไว้ให้มากๆ เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองในอนาคต ส่วนเรื่องงานหากเรียนจบก็จะตั้งใจทำในสิ่งที่เราเริ่มต้นไว้แล้วให้ดียิ่งขึ้น ตอนนี้ก็ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน
แม้ว่าจะทำงานและเรียนไปด้วยนั้น แต่น้องพิมก็พยายามหาเวลาว่างในการทำสิ่งที่ตัวเองชอบ คือการเต้นโคฟเวอร์ และไปช่วยพี่ขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ เธอบอกว่าแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ชอบการขายของเท่าไรนัก แต่การไปช่วยพี่ขายของนอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังได้ใช้ภาษาอังกฤษกับลูกค้าชาวต่างชาติเพื่อเป็นการฝึกด้านภาษา และทำให้เราได้เจอคนในหลากหลายรูปแบบด้วย.
แม้ว่าจะทำงานและเรียนไปด้วยนั้น แต่น้องพิมก็พยายามหาเวลาว่างในการทำสิ่งที่ตัวเองชอบ คือการเต้นโคฟเวอร์ และไปช่วยพี่ขายเสื้อผ้าที่ประตูน้ำ เธอบอกว่าแม้ว่าตัวเองจะไม่ได้ชอบการขายของเท่าไรนัก แต่การไปช่วยพี่ขายของนอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังได้ใช้ภาษาอังกฤษกับลูกค้าชาวต่างชาติเพื่อเป็นการฝึกด้านภาษา และทำให้เราได้เจอคนในหลากหลายรูปแบบด้วย.
Credit http://www.thairath.co.th/column/edu/hicampus/303042
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น