วันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

"เล็ก"จากเด็กสลัม..สู่เจ้าของเกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ




เด็กสลัม... เจ้าของเกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬาฯ (มติชน)

           "การศึกษาและความรู้เท่านั้นที่จะช่วยสร้างทักษะชีวิตและลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม"

           ....
น้ำเสียงยืนยันที่หนักแน่นของ "เล็ก" น.ส.พรทิพย์ ปานอินทร์ วัย 23 ปี อดีตบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง จากคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเป็นอีกคนที่พิสูจน์กับตัวเองแล้วว่า เมื่อทุกคนมีการศึกษาก็จะได้รับการยอมรับจากสังคมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

          
สาวเก่งคนนี้เกิดและเติบโตที่ชุมชน 70 ไร่ ในชุมชนคลองเตย พื้นที่ที่คนจากสังคมภายนอกมองว่าเป็นสลัม คุณภาพชีวิตต่ำ ขาดโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งเป็นแหล่งมั่วสุมของยาเสพติด แต่เธอก็พิสูจน์แล้วว่าหากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงใช้โอกาสทางการศึกษา ที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุดก็สามารถประสบความสำเร็จได้

          
เล็กย้อนเล่าถึงชีวิตครอบครัวและการเรียนว่า ครอบครัวฐานะยากจน มีเพียงพ่อ (นายแผ้ว อายุ 61 ปี) คนเดียวที่ทำงานเป็นพนักงานบรรจุหีบห่อของบริษัทแห่งหนึ่งแถวรามคำแหง ส่วนแม่ (นางบุญสาน วัย 63 ปี) เป็นแม่บ้านไม่ได้ทำงานเพราะมีโรคประจำตัว พี่ชายและพี่สาวจึงมีโอกาสเรียนแค่ชั้น ม.3 แล้วออกมาหางานทำ เพราะทางบ้านไม่มีเงินส่งให้เรียน

           "
เล็กก็เกือบจะไม่ได้เรียน แต่โชคดีได้ทุนจากมูลนิธิดวงประทีป และเรียนค่อนข้างดีจึงได้เรียนสูงกว่าพี่ๆ หลังจากเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนวัดธาตุทอง ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.94 แล้วสอบเอ็นทรานซ์ติดที่คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชีวิตในชุมชนยอมรับว่าลำบาก วันไหนฝนตกหนักน้ำก็ท่วมซอยต้องเดินลุยน้ำ หากวันใดกลับบ้านดึกต้องให้พ่อออกมารับที่ปากซอย เพราะกลัวคนติดยาเสพติดมาทำร้าย"

          
เธอเล่าต่อว่า "ตอนเรียนที่จุฬาฯ ค่อนข้างหนักมาก เพราะทุกคนก็เรียนเก่งๆ กันทั้งนั้น ตลอดเวลาที่เรียนไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องได้เกียรตินิยม หวังเพียงแค่เรียนจบได้รับปริญญาให้พ่อแม่ชื่นใจก็พอแล้ว ซึ่งช่วงสอบจะอ่านหนังสือหนักมากเกรดจึงออกมาดีและเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.86 ได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง รู้สึกดีใจมากๆ ที่เด็กสลัมอย่างเราสร้างความสำเร็จให้กับชุมชนได้ ตลอดเวลาที่เรียนไม่ได้ปิดบังว่ามาจากสลัมซึ่งเพื่อนๆ ที่คณะก็ไม่ได้รังเกียจ ถือว่าโชคดีมากๆ ที่มหาวิทยาลัยให้ทุนเรียนต่อระดับปริญญาโทจนถึงปริญญาเอก ซึ่งครอบครัวสนับสนุนให้เรียนเต็มที่" 

         
  ส่วนเคล็ดลับการเรียนเก่งนั้น เล็กบอกอย่างถ่อมตัวว่า ผลการเรียนออกมาดีนั้นไม่ได้มีเคล็ดลับอะไร ตลอดเวลาที่เรียนไม่เคยไปกวดวิชาที่ไหน เพราะต้องช่วยครอบครัวประหยัดค่าใช้จ่าย จะตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้เข้าใจ หากไม่เข้าใจจะรีบถามอาจารย์ทันที พอกลับถึงบ้านก็ไปทบทวนทำความเข้าใจอีกรอบ และช่วงสอบตั้งใจอ่านหนังสือและจะไม่กดดันตัวเองเวลาสอบ แต่จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด



          
ทุกวันนี้เธอยังคงมุ่งมั่นกับการเรียนปริญญาโททุกวัน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ เล็กจะไปทำงานที่คลีนิคย่านรามคำแหง เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เล็กบอกว่า ไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องเรียนและทำงานไปพร้อมๆ กัน เพราะเมื่อมีโอกาสทางการศึกษาแล้วต้องทำให้เต็มที่ แต่ขณะเดียวกันเราจะสบายโดยไม่ช่วยครอบครัวเธอก็ทำไม่ได้ 

ไม่มีความคิดเห็น: