วันจันทร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อักษรศาสตร์ มนุษยศาสตร์ ศิลปศาสตร์...คืออะไร?

นั่นสิ...หลาย ๆ คนมีความใฝ่ฝันอยากจะเข้าคณะนี้นักหนา  แล้วรู้หรือเปล่าจ๊ะว่าคณะพวกนี้คืออะไร?  เรียนเกี่ยวกับอะไร?  ทำไมต้องเรียกให้ต่างกัน?  เรียนแล้วไปทำอะไร?  บางคนเข้ามาเรียนจนจบแล้วยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำอาชีพอะไร...เหมือนพี่...เป็นต้น  โฮะๆๆ

            ก่อนอื่นนะจ๊ะ...พี่ต้องขอออกตัวก่อนนะว่าพี่เป็นนักศึกษาคนหนึ่งที่เรียนอยู่ในคณะอักษรศาสตร์  มหาวิทยาลัยศิลปากร  วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์  จังหวัดนครปฐม  (เต็มยศเลย)  สิ่งที่พี่จะเล่าคือเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตการเรียนและความเป็นอยู่ของที่นี่  มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับ  หรืออาจจะเป็นเรื่องหลอกลวงสำหรับใครบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับพี่  มันเหมือนกับเป็นการแชร์ประสบการณ์ของพี่ให้กับน้อง ๆ เท่านั้นนะจ๊ะ  เพราะฉะนั้น...น้อง ๆ ทั้งหลายจะเชื่อสิ่งที่พี่เล่าก็ได้...ไม่เชื่อก็ได้

            อะแฮ่ม...เข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่าเนอะ...สำหรับคำถามที่ใครหลาย ๆ คนสงสัยกันมากว่า  อักษรศาสตร์  มนุษยศาสตร์  และศิลปศาสตร์  แตกต่างกันอย่างไร?  เคยมีคนบอกกับพี่ว่าคณะพวกนี้ไม่มีความแตกต่างกันจ๊ะ....เรียนเหมือน ๆ กัน  อาจจะไม่เหมือนกันหมด...แต่ก็คล้าย ๆ แต่โดยรวมแล้ว...ถ้าจะให้จำกัดความจากสิ่งที่เรียนแล้วล่ะก็...น่าจะให้ชื่อว่า...มนุษยศาสตร์  น่าจะเหมาะสมที่สุดค่ะ

            หลายคนอาจงง..พี่ยังงงเองเลย  พี่เองก็ไม่เคยเรียนคณะพวกนี้ที่อื่นนะคะ...เรียนแต่ที่อักษรศิลปากรที่เดียว  เลยไม่สามารถจะฟันธงได้เลยร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันเป็นจริงเหมือนที่พี่รับรู้มาหรือเปล่า  เอาเป็นว่าพี่จะบอกเท่าที่พี่รู้อย่างเดียวนะคะ  อย่างแรก...หลายคนคงนึกว่าเข้ามาเรียนอักษร...ก็ต้องเรียนภาษาอย่างเดียวใช่มั้ยคะ  แต่เปล่าเลยค่ะ...จากประสบการณ์ของพี่  การเรียนอักษรศาตร์คือการเรียนศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ค่ะ  ทั้งประวัติศาสตร์  สังคม  ดนตรี  ศิลปะ  ภาษา  การแสดง  ปรัชญา  ทุกอย่างจะถูกบรรจุอยู่ในหลักสูตรของอักษรศาสตร์ที่นี่หมดเลยค่ะ

            แล้วในโลกยุคปัจจุบัน...โลกยุคเทคโนโลยีแบบนี้  เราจะเรียนเรื่องพวกนี้ไปทำไม?  นั่นสิ...ทำไมกันนะ  อาจารย์ของพี่เคยบอกว่า...ในสมัยก่อน...คนที่จะเข้าคณะอักษรศาสตร์ส่วนใหญ่  ก็คือ  พวกลูกคนหนูคนมีเงิน  เรียนคณะนี้เพื่อที่จะได้เตรียมตัวไปเป็นเมียทูตไงคะ  เวลาพบปะกับภริยาท่านทูต  ถ้าคนอื่นเขาถามเรื่องศิลปะ...การดนตรี  การใช้ภาษาจะได้มีความรู้ไปตอบเขาให้สมกับเมียท่านทูตไงคะ

            หลายคนอาจห่อเหี่ยว...แล้วสมัยนี้มันจะมีทูตหนุ่ม ๆ หล่อ ๆ มาเป็นเหยื่อให้หนูแต่งงานหรือไงกันเล่า?  โธ่ ๆ น้องขา  สมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วนะคะ...น้องลองคิดดูสิจ๊ะ  น้องเป็นคนชอบอ่านหนังสือมั้ย  นิยายก็ได้  น้องอยากลองเป็นนักเขียนมั้ยจ๊ะ...นักเขียนจะเขียนให้ดีก็ต้องมีภาษาที่ดีใช่มั้ยจ๊ะ...มันก็ต้องใช้ภาษา  ชอบอ่านนิยายคลาสสิก...นิยายแปลอย่างพวกไฮโซมั้ยจ๊ะ...น้องอยากลองแปล...นั่นน้องก็ต้องใช้ภาษา  น้องอยากอ่านนิยายจีนโรแมนติคสนุก ๆ นั่นก็ต้องใช้ภาษา    ทุกอย่างในโลกของหนังสือ...มันก็ต้องใช้ภาษาใช่มั้ย  มันก็ต้องคณะนี้เลย  (แต่จริง ๆ แล้วเรียนคณะอื่นก็เป็นนักเขียน...นักแปลก็ได้นะ  แค่คณะนี้มันสายตรงมากกว่าเนอะ)

            น้องชอบดาราจีน  ดาราเกาหลี  ฝันอยากกระทบไหล่กับหนุ่ม ๆ ดงบังชินกิเข้าสักวัน  น้องก็ต้องเรียนภาษา...เพื่อความฝันจะไปเป็นล่ามพูดกับเขาให้ได้สักประโยคหนึ่งก็ยังดี...จริงมั้ยจ๊ะ

        หรือน้องเบื่อที่จะไล่ตามพวกดารา...อยากผันตัวมาเป็นดาราซะเอง  ที่คณะนี้ก็มีเอกการละครให้น้องเรียนเหมือนกันนะ  อยากเป็นศิลปิน...ชอบวาดรูปเล่นดนตรี  ก็มีโทสังคีต...กับทัศนศิลป์ให้เรียนนะจ๊ะ

            น้องชอบเที่ยว...อยากเป็นไกด์ทัวร์จะได้ไปเที่ยวกับเขาฟรี ๆ ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับสถานที่...ประวัติศาสตร์  ภูมิศาสตร์  คณะนี้ก็มีให้เรียนนะจ๊ะ  หรือไปทำงานกับกรม...เอ่อกรมอะไรสักอย่างก็ได้  แล้วแต่...ถ้าน้องอยากจะทำ

        อันนี้ความเห็นส่วนตัว...หากน้องอยากเป็นนักการเมือง...ที่ดี  นึกหรือว่าแค่เรียนจบรัฐศาสตร์  นิติศาสตร์  แล้วน้องจะเป็นได้  (หมายถึงนักการเมืองที่ดีนะ)  การเมืองเป็นเรื่องที่อยู่กับโลกของเรามานานแสนนาน  มีบทเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า  นิสัยโกงกินของคนไม่ว่าจะเป็นยังไงนับแต่อดีตถึงปัจจุบันมันก็ไม่เปลี่ยนแปลง  หากจะเป็นนักการเมืองที่ดี...ขอฟันธงค่ะ  ลองศึกษาประวัติศาสตร์ดู  รับรอง...คนนั้นถ้ามีจิตสำนึกหน่อย...เขาจะเอาเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์มาประยุกต์ใช้แก้ไขกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน  แต่ถ้าไร้จิตสำนึกหน่อย...เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นี่แหล่ะ...ที่สามารถทำให้เขา...เป็นคนโคตรโกงได้อย่างไร้ที่ติ...วะฮะฮะ (อักษรศาสตร์ที่นี่ก็มีเอกโทรัฐศาสตร์เหมือนกันนะ  แต่พี่ปลื้มประวัติศาสตร์มากกว่า...อย่าโทษพี่นะ)

            ตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับใครที่สงสัยว่า...เรียนอักษรแล้วจะไปทำอาชีพอะไร  ตอบได้หลากหลายไม่จำกัดเลยค่ะ  นักเขียน  นักแปล  ล่าม  แอร์  ไกด์  ดารานักแสดง  นักดนตรี  ครู  บางคนนะคะ...บางคน  จบอักษรแต่ไปเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัททางการเงินยังมีเลยค่ะ  (ที่นี่เค้ามีเอก..โท  เศรษฐศาสตร์ด้วยนะเออ)  ถ้าไม่เกี่ยวกับพวกวิทย์ ๆ ทั้งหลาย  อาชีพอะไรก็เป็นได้หมดค่ะ  อย่างว่า...อักษรมันดิ้นได้
(ไม่แน่นะ...เท่าที่รู้มา  พวกภูมิศาสตร์ยังต้องเก่งพวกคณิตศาสตร์เลยจ๊ะ  พวกสูตรหาค่าสถิติอะไรพวกนี้ก็ต้องแม่น)

            เพราะฉะนั้น...ก่อนจะเข้าคณะนี้  น้องลองหาตัวเองให้เจอก่อนนะจ๊ะ  น้องชอบภาษาหรือเปล่า?  ชอบเรียนสังคมมั้ย?  อย่างที่บอกค่ะ...อักษรศาสตร์ไม่ใช่แค่ศึกษาภาษาอย่างเดียว  อย่างน้อยที่อักษรศิลปากรนี่...ใครที่เข้ามาปีหนึ่ง  น้องต้องเรียนทั้งสายสังคม  มนุษยศาสตร์  และภาษาเลยค่ะ (อังกฤษ) มันเป็นการบังคับ  (พอเข้าเอกโทแล้ว...น้องถึงจะมีสิทธิ์เลือก...ว่าจะเอาภาษาอย่างเดียว  หรือจะเอาภาษาปนสังคม  หรือจะเอาด้านสังคมอย่างเดียว  แล้วแต่น้องจะเลือกจ๊ะ)

            ส่วนเรื่องการเรียนไว้พี่จะมาเจาะลึกตอนหลัง ๆ นะคะ  เอ้อ...แนะนำน้องที่เป็นสายวิทย์แต่มีใจศิลป์  ไม่ต้องกังวลค่ะ  ถ้าน้องมั่นใจในความสามารถของตนเอง...ไม่ว่าใครก็สามารถเรียนคณะนี้ได้ค่ะ  เค้าไม่มีกฎข้อห้ามว่าเด็กวิทย์ห้ามเข้าอักษรนี่คะ  พี่คนหนึ่งแหล่ะที่เป็นเด็กวิทย์มาก่อน  แต่อย่างว่า...พอเจอม.4 ภาคสองเข้าไป  ชีวิตนี้หนูไม่เอาวิทย์แล้ว  พี่รู้เลยล่ะค่ะว่าชีวิตพี่พอจบม.6 ปุ๊บ...จะไม่ขอเจอฟิสิกส์อีกตลอดชาติ  อ้อ...แล้วน้องที่เป็นเด็กวิทย์...อย่ากลัวค่ะว่าจะตามพวกเด็กศิลป์ไม่ทัน  นี่ไม่ใช่การโอ้อวดนะคะ  เป็นการบอกกล่าวว่า...เด็กวิทย์บางคน  พอเข้าอักษรแล้ว...คะแนนดีกว่าพวกเด็กศิลป์บางคนเสียอีกค่ะ  (ยกเว้นเจ้าจะไปเจอพวกศิลป์เทพ  เมพขิงๆ ต้องยกพวกนั้นไว้บนหิ้งบูชาเลยล่ะค่ะ)

            ย้ำอีกครั้งนะคะ...บทความนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของอักษรศิลปากรทั้งนั้น  พี่ไม่แน่ใจว่าที่สถาบันที่อื่นจะเป็นเหมือนที่นี่หรือเปล่า?  อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยค่ะ  มาเขียนบทความแนะนำน้อง ๆ ตัวพี่เองก็ใช่ว่าจะรู้เรื่องในคณะตัวเองดีถึงขนาดโปรเทพจุติหรอกค่ะ...วะฮะฮะ แล้วยังจะมาเสนอหน้าเขียนอีกนะ...วะฮะฮะ  ถ้าปล่อยไก่ไป...พวกเจ้าอย่ามาโทษพี่แล้วกัน...วะฮะฮะ

            เอาเป็นว่าวันนี้แค่นี้ก่อนล่ะกันนะคะ...แล้วจะมาต่อเรื่องการกิน  การอยู่  การเรียน  กิจกรรมอะไรพวกนี้ให้นะคะ  ใครมีคำถามก็ถามมาได้นะจ๊ะ  ถ้าพี่ตอบได้ก็จะตอบ...แต่ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะ  พี่เป็นแค่นักศึกษาตัวเล็ก ๆ อยู่ในมุมเล็ก ๆ ของคณะ  ไร้ซึ่งบทบาทและหน้าที่  ใช้ชีวิตสุขสบายไปวัน ๆ ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมใหญ่ ๆ ของคณะ  ไม่ได้เป็นหนึ่งในคณะนักศึกษาอะไรทั้งสิ้น  
  



อ่านต่อ : http://writer.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=509285&chapter=1#ixzz1SS3gJt1X

ไม่มีความคิดเห็น: