วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

4 วิธีสร้างความมั่นใจในตนเอง

คนเราทุกคนหากขาดความมั่นใจไปซักอย่าง นี่ จะทำอะไรมันก็คงยากนะครับที่จะประสบความสำเร็จ เพราะความมั่นใจเปรียบสเหมือนก้าวแรกของทุกๆอย่าง ถ้าเราเดินก้าวแรกดี มันก็จะง่ายขึ้นในการทำอะไรๆให้ประสบความสำเร็จ เพราะอย่างงั้นแล้วเรามาดูวิธีสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองแบบง่ายๆกันเถอะครับ ว่ามีอะไรบ้าง
 
 


 
 
 1. คิดถึงคำชมเชยที่คุณเคยได้รับ 

เพราะเมื่อมีใครชมว่าคุณเป็นคนดี หรือมีความสามารถบางอย่างที่ยอดเยี่ยม แปลว่าพวกเขามองเห็นข้อดีในตัวคุณ เป็นสิ่งที่ควรภาคภูมิใจ



2. คิดถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเจ๋ง 

เช่น คุณสามารถพูดได้ 4 ภาษา ใช้มือเดินแทนเท้า หรือสามารถผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งที่คนส่วนมากทำไม่ได้ แต่เราทำได้ นั่นแหละคือความพิเศษของเรา



3. ค้นหา ข้อดี 10 อย่างในตัวเอง 

วิธีนี้จะทำให้คุณสนุกและรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งที่คุณค้นพบข้อดีในตัวคุณ และเมื่อคุณค้นพบมันทั้งหมดแล้ว ข้อดีเหล่านั้นจะทำให้คุณรู้สึกยอดเยี่ยมไปด้วย



4. ลดความประหม่า 

แน่นอนว่าคนส่วนมากมีเรื่องที่ไม่มั่นใจกันทั้งนั้น หากคุณพบว่าตัวเองประหม่า ไม่มั่นใจในหลายๆ อย่าง บางทีคุณอาจคิดมากเกินไป ลองเขียนสิ่งที่ทำให้คุณไม่มั่นใจ แล้ววิเคราะห์ทีละข้อว่าคุณประหม่าเพราะอะไร และข้อไหนที่คุณหวาดระแวงไปเอง สุดท้ายนี้ก็หวังว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านทุกคนได้รับคำตอบและวิธีการในการเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง เพื่อนำไปใช้ทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขมากขึ้น

 เป็นวิธีที่ง่ายๆและดีมากๆเลยนะครับ ใครที่ยังขาดความมั่นใจอยู่อย่ารอช้า ลองนำไปทำดูเลยนะครับ

แหล่งข้อมูล 
สถาบันสอนอาชีพชี้ช่องรวย

เรียบเรียงโดย Handyman www.eduzones.com

4 ข้อที่เอาไว้วัดว่า “เพื่อน” คนนี้แหละ เพื่อนแท้!


สิ่งที่สำคัญมากๆสิ่งหนึ่งของชีวิตของเราทุกคนก็คือมิตรภาพ คนเราทุกคนบนโลกนี้ต่างก็มีเพื่อนด้วยกันทั้งนั้นนะครับ คงไม่มีใครที่สามารถอยู่คนเดียวตามลำพังได้ ซึ่งเพื่อนนั้นก็คงต้องแยกประเภทอีก ว่าคนไหนเป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนคุย หรือเพื่อนแท้ ซึ่งเป็นเพื่อนที่ทุกคนคงอยากมี แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า คนนี้คือเพื่อนแท้ ผมมี 4 ข้อ ที่บ่งบอกว่าเพื่อนคนนี้คือเพื่อนแท้มาฝากกันครับ
4 ข้อที่เอาไว้วัดว่า “เพ


 
1. คุณมีความสุขแค่ไหน เมื่อใช้เวลากับเพื่อนคนนี้?

ข้อนี้มีกับดักนะ ระวัง! เพราะคนส่วนมาก พอเจอคำถามนี้ ก็จะนึกถึงเฉพาะวันและเวลาที่ดีที่ได้ใช้ร่วมกับเพื่อนคนนั้นๆ แต่สิ่งที่คุณควรคิด ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเวลาแย่ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ลองคิดดูว่า เวลาแย่ๆ ที่เกิดกับคนนี้ มันมากกว่าเวลาที่ดีหรือเปล่า ถึงไม่มากกว่า แต่บางทีก็บ่อยไปหรือไม่ จำไว้ว่า เพื่อนที่ดี คือเพื่อนที่ทำให้คุณรู้สึกดี เพราะบางทีคุณก็เจอเรื่องแย่ๆ มามากพอแล้ว และเพื่อนคือคนที่จะหันไปหาเขาเพื่อปรับทุกข์ ไม่ใช่สร้างเรื่องให้คุณเพิ่มอีก 

 

2. เพื่อนคนนี้ เสนอตัวช่วยคุณเวลามีเรื่อง หรือคุณต้องขอ ซะเป็นส่วนมาก?

ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นคนที่ ไม่ขอความช่วยเหลือคนง่ายๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่ตอบรับความช่วยเหลือ เมื่อเพื่อนเสนอให้คุณ เพราะนี่แหละคือ มิตรภาพ ที่แท้จริง เมื่อคนหนึ่งเสนอความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ อีกคนก็ตอบรับความช่วยเหลือนั้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณคิดว่า คนคนนี้เป็นเพื่อน แต่เพื่อนคนนี้ไม่เคยเสนอตัว ช่วยเหลือคุณเลยแม้แต่ครั้งเดียว คนนี้ก็คงไม่ใช่เพื่อนที่ดีเท่าไหร่แล้วล่ะ


 
3. เพื่อนคนนี้ ตอบรับความช่วยเหลือ ที่คุณเสนอหรือเปล่า?

เรื่องนี้หลายๆ คนอาจจะคิดว่าสำคัญด้วยหรอ บางทีเพื่อนอาจจะเกรงใจ ก็เลยไม่รับความช่วยเหลือจากเรา แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การที่เพื่อนของคุณรับความช่วยเหลือของคุณ มันหมายความว่า เขาไว้ใจคุณนะ ไว้ใจในระดับหนึ่ง ที่เขาให้คุณเข้ามาช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ในชีวิต เพราะถ้าเขาไม่ไว้ใจคุณมากพอ เขาก็จะไม่รับความช่วยเหลือจากคุณ

นอกจากนี้ การรับความช่วยเหลือ มันก็เหมือนกับการบอกเป็นนัยๆ ว่า เดี๋ยวครั้งหน้า เราจะช่วยเธอคืนนะ เปรียบเสมือนสัญญาใจว่า เราเป็นเพื่อนกันมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน เราจะอยู่ด้วยกันทั้งยามสุข และยามทุกข์ยังไงล่ะ!

 

4. เพื่อนคนนี้ เติมเต็มชีวิตคุณ หรือทำให้บางส่วนในชีวิตคุณหายไป?

มันอาจจะเป็นเรื่องที่วัดค่อนข้างยาก แต่มันสามารถทำได้ ถ้าคุณซื้อสัตย์กับตัวเองมากพอ ลองถามตัวคุณเองว่า ความสุขของคุณมีมากขึ้นหรือไม่ เมื่อเทียบกับตอนที่คุณไม่มีเพื่อนคนนี้อยู่ในชีวิต การเข้ามาของเพื่อนคนนี้ ทำให้คุณต้องเสียอะไรไปในชีวิตหรือเปล่า และถ้าเสียไปแล้ว สิ่งที่เพื่อนคนนี้เติมเข้ามาในชีวิตคุณ มันคุ้มค่ามากกว่าสิ่งที่เสียไปหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต ย่อมมีต้นทุนค่าเสียโอกาส ที่เราต้องเสียไป แต่นั่น ไม่จำเป็นว่า เมื่อเสียไปแล้ว คุณจะไม่ได้อะไรคืนมาที่คุ้มกว่า เพราะฉะนั้น คิดดีๆ นะ ถ้าเพื่อนคนนี้ เติมเต็มชีวิตคุณ มากกว่าสิ่งที่คุณเสียไป ก็คบคนนี้ต่อไปนั่นแหละ เขาคือเพื่อนที่ดีของคุณแล้วล่ะ

อ่านครบ 4 ข้อ แล้วรู้หรือยังครับว่าคุณมีหรือไม่มีเพื่อนแท้ แต่ถึงอย่างไร 4 ข้อนี้ก็คงไม่สามารถฟันธงได้ดีเท่าตัวคุณ เพราะความเป็นเพื่อนต้องใช้ใจวัดครับ ถึงจะดีที่สุด

แหล่งอ้างอิงข้อมูล kitdoo.com

เรียบเรียง Handyman www.eduzones.com

20 ข้อ ที่ คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ทำ !



คนที่ประสบความสำเร็จ มักมีหรือเลือกทำบางสิ่งที่คล้ายกัน และมักเลือกที่จะไม่ทำบางสิ่งเหมือนๆกัน มาลองดูกันว่า พวกเขามักไม่ทำอะไร 

by Riya www.eduzones.com
20ข้อที่คนที่ประสบความสำ
https://blog.eduzones.com/coolforward/138969

1. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช้เงินเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขามองความสำเร็จเป็นความสุข ความสงบสุข และมองเงินเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการเปิดประตูสู่โอกาส และตระหนักว่าเงินไม่สามารถซื้อความสุขได้

2. คนที่ประสบความสำเร็จไม่เริ่มวันใหม่โดยปราศจากแผน  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขารู้ว่า การจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องมีวินัยและจัดเวลาอย่างชาญฉลาด และพวกเขาไม่เพียงจดสิ่งที่ต้องทำเพื่อกันลืมเท่านั้น แต่จะวางแผนแต่ละวันว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องทำให้เสร็จ และอะไรก่อนหลัง เพื่อจัดการแต่ละสิ่งให้เหมาะสมที่สุดด้วย

3. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ตั้งเป้าหมายว่าต้องสมบูรณ์แบบ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  สำหรับคนที่ประสบความสำเร็จ คำว่าสมบูรณ์แบบนั้นเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานและเวลา เพราะเป็นการหมดเวลาไปกับการหาข้อบกพร่องเพื่อแก้ไข แทนที่จะทำอย่างนั้น พวกเขาควรพยายามใช้เวลาในการพัฒนาไปมากกว่า และไปสู่เป้าหมายแต่ละเป้าหมายด้วยการพัฒนาความคิด

4. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ล้อมรอบตัวเองด้วยกลุ่มคนที่คิดลบ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาจะไม่อยู่ใกล้คนที่มองโลกแง่ร้าย คนที่ขี้บ่น ผัดวันประกันพรุ่ง และแก้ตัวทุกเรื่อง เพราะยิ่งอยู่ใกล้คนแบบนี้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้รับพลังงานด้านลบ ในทางตรงกันข้าม ผู้ประสบความสำเร็จมักมองหากลุ่มคนที่คิดบวก คนที่มีแรงจูงใจและมีแรงบันดาลใจ

5. คนที่ประสบความสำเร็จไม่มองความลำบากเป็นปัญหา  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  เมื่อพวกเขาพบกับอุปสรรคหรือปัญหา พวกเขามองมันเป็นความท้าทายที่จะต้องแก้ไข เหมือนกับปัญหาต่างๆที่พวกเขาเคยประสบมา พวกเขาเชื่อว่าประสบการณ์เหล่านี้จะทำให้พวกเขาฉลาดขึ้น แกร่งขึ้น 

6. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ยอมให้ความล้มเหลวทำให้ล้มเลิก  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขามองความล้มเหลวว่าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและเป็นโอกาสในการเรียนรู้และก้าวหน้าไป พวกเขาเชื่อว่าไม่ว่าจะล้มเหลวกี่ครั้ง พวกเขาจะกลับมาได้อีกและดีขึ้นกว่าเดิม

7. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ยอมให้ปัญหาฉุดพวกเขาลง  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขารู้ว่าหากมัวจดจ่ออยู่ที่ปัญหา ก็จะมีแค่ความเครียด และนั่นคือการเพิ่มปัญหาเข้าไปอีก เมื่อเผชิญปัญหา พวกเขาจะจดจ่อที่การกระทำและหาว่าสิ่งใดที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้รู้สึกดีขึ้นและแม้แต่สามารถหาทางที่ดีในการแก้ปัญหาได้

8. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ปล่อยให้คำวิจารณ์มีผลต่อการเคารพตนเอง  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาจะไม่ยอมให้คำพูดหรือคำวิจารณ์ของคนอื่นมาทำให้รู้สึกแย่ พวกเขารู้คุณค่าของตัวเอง และรู้ว่ากำลังทำอะไร ต้องการอะไร และรู้ว่าทำอย่างไรจะไปถึงเป้าหมายของตัวเอง พวกเขาไม่จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากใคร และไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นยืนยันคุณค่าของพวกเขา

9. คนที่ประสบความสำเร็จไม่แก้ตัว  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาจะยอมรับต่อความผิดพลาด หากสิ่งต่างๆไม่เดินไปตามแผน พวกเขาจะรับผิดชอบและแก้ไขปัญหา พวกเขามุ่งมั่นที่จะไปสู่เป้าหมายในแต่ละวันไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เสียเวลาแก้ตัว

10. คนที่ประสบความสำเร็จไม่อิจฉาในความสำเร็จของคนอื่น  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาเชื่อว่าทุกคนมีความสามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ พวกเขาเชื่อว่ายิ่งมีคนที่ประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ โลกนี้ยิ่งดีขึ้น การได้เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จ จะไม่ทำให้พวกเขาอิจฉา แต่จะทำให้พวกเขาเกิดแรงบันดาลใจ

11. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ละเลยคนที่รัก  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  สำหรับพวกเขา ไม่ว่างานจะสำคัญขนาดไหน ก็จะไม่มีวันสำคัญไปกว่าคนรัก ครอบครัว เพื่อนฝูง และตัวเอง เพราะเขารู้ว่าความสำเร็จที่แท้จริงนั้นเริ่มต้นจากภายใน ความรักและกำลังใจจากคนรักเป็นสิ่งที่มีความหมาย และเป็นพลังช่วยให้ประสบความสำเร็จได้

12. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ลืมที่จะสนุกสนาน  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  การทำงานอาจจะทำให้เหนื่อยล้าได้ พวกเขารู้ว่าการทำงานโดยปราศจากความสนุกสนานนั้นไร้ความหมาย การทำงานควรเป็นสิ่งที่เพลิดเพลินด้วย และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาได้ทำสิ่งที่รัก และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้ได้ แม้บางครั้งจะยากบ้างก็ตาม

13. คนที่ประสบความสำเร็จไม่มองข้ามสุขภาพ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  ผู้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงรู้ว่าสุขภาพที่ดีจะทำให้สมองสดใส ทำให้ความคิดปลอดโปร่ง และมีร่างกายที่พร้อม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อประสิทธิภาพในการทำงานใดๆ นั่นหมายความว่าทุกสิ่งในชีวิตเริ่มต้นด้วยสุขภาพที่ดี และทุกสิ่งก็อาจจบลงหากสุขภาพย่ำแย่

 14. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ตั้งเป้าที่คลุมเครือ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขามักรู้แน่ชัดว่าพวกเขาต้องการอะไร รู้ว่าความฝันของเขาคืออะไร และมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย เพราะเวลาที่รู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต การวางแผนไปสู่เป้าหมายจะทำได้ง่ายขึ้น

15. คนที่ประสบความสำเร็จไม่แค่คุย ต้องลุย  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาจะไม่แค่พูดคุย หรือวิเคราะห์วิจารณ์คนอื่น แต่พวกเขาจะเตรียมพร้อมและเดินหน้าเพื่อให้มันเกิดขึ้น พวกเขาเป็นคนที่ไว้วางใจได้เสมอ

16. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเหยื่อการกระทำของคนอื่น พวกเขาฉลาดพอที่จะหนีห่างจากคนที่ทำพยายามกลั่นแกล้ง ในขณะเดียวกันก็จะไม่เก็บความขุ่นเคืองไว้และไม่คิดจะแก้แค้น เพราะรู้ว่าวิธีที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขก็คือปล่อยมันไปและก้าวต่อไป  ซึ่งจะทำให้สิ่งดีๆสามารถเข้ามาหาพวกเขาได้

17. คนที่ประสบความสำเร็จไม่จมอยู่กับอดีต  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ   เพราะพวกเขารู้ว่าหากติดอยู่กับอดีต จะไม่มีวันมีความสุขกับปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อมีอดีตที่เจ็บปวด พวกเขาจะมีสติและอยู่กับปัจจุบัน

18. คนที่ประสบความสำเร็จไม่ต่อต้านความเปลี่ยนแปลง  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  แผนการ กลยุทธต่างๆนั้นสามารถเปลี่ยนได้เรื่อยๆ คนที่ประสบความสำเร็จจะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงโดยปราศจากความคับข้องใจและไม่ต่อต้าน พวกเขาจะปรับตัวเพราะพวกเขาเชื่อว่าไม่มีเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ได้ตายตัวแบบเดียว

19. คนที่ประสบความสำเร็จไม่เคยหยุดเรียนรู้  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ พวกเขาจะเรียนรู้อยู่เสมอเพราะพวกเขาเชื่อว่าไม่มีใครที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง แรงบันดาลใจนั้นเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาและเกิดได้จากทุกคน ดังนั้นจงเปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ๆ อย่าทำเหมือนว่ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างหมดแล้ว

20. คนที่ประสบความสำเร็จไม่เมินเฉยต่อสิ่งดีๆ  11 สิ่งที่ฉุดความสำเร็จ  พวกเขารู้สึกขอบคุณสำหรับทุกสิ่งดีในชีวิต พวกเขารู้สึกขอบคุณกับคนที่ช่วยเหลือ ซาบซึ้งกับสิ่งที่คนอื่นๆช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างพวกเขา และพวกเขารู้สึกพอใจกับสิ่งที่"มี"ในชีวิต มากกว่าที่จะพยายามมองหาสิ่งที่"ไม่มี"


by Riya www.eduzones.com
https://blog.eduzones.com/coolforward/138969
credit : Mo BrandMentalist.com, huffingtonpost
Image : www.poweredbyintuition.com

7 นิสัยสร้างเสน่ห์ที่ใครๆก็ควรมี


คนเรานั้นการมีเสน่ห์หรือมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ เพราะคนเรานั้นต้องพบปะผู้คนมากมาย ถ้าตัวเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีเสน่ห์ดี การทำงานร่วมกับผู้อื่นหรือการติดต่องานต่างๆก็คงจะสะดวกราบรื่น ซึ่งเสน่ห์นั้นเป็นสิ่งที่เราสามารถาร้างขึ้นได้นะครับ ถ้าเรารู้ฝึกนิสัยดังต่อไปนี้
 
 
7 นิสัย สร้างเสน่ห์ที่ใค

 

1. ยิ้มให้กับคนอื่นอย่างจริงใจ

เคยไหมครับ รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายยิ้มให้เราเป็นพิธีหรือยิ้มไปงั้นๆ และนั่นทำให้เรารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้จริงใจกับตน เรื่องนี้เลยน่าจะเป็นสิ่งที่หลายๆ คนควรฝึกการยิ้มให้กับผู้อื่นอย่าง “จริงใจ” นอกจากนี้แล้ว การที่เรายิ้มอยู่บ่อยๆ นั้นก็ทำให้คนอื่นๆ สัมผัสได้ว่าเรารู้สึกดีกับเขา และนั่นน่าจะเป็นสะพานอย่างดีให้อีกฝ่ายรู้สึกดีกับเรานั่นแหละครับ

2. ไม่บ่นให้คนอื่นฟังมากเกินไป

เวลาเราบ่นอะไรนั้น สิ่งที่ตามมาคืออารมณ์และความรู้สึกด้านลบ แน่นอนว่าถ้าเราดูความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ ก็คงรู้สึกหดหู่หรือแย่กันได้เหมือนกัน การที่คุณจะบ่นกันใครนั้น คุณอาจจะต้องดูว่าเขาเหล่านั้นอยู่ในโหมดหรือเป็นคนที่รู้สึกร่วมไปกับคุณหรือเปล่า ถ้าเขารู้สึกร่วมไปกับคุณก็อาจจะโอเคอยู่ แต่ถ้าไม่ใช่แล้ว การที่คุณบ่น บ่น บ่น ก็อาจจะทำให้คุณดูแย่ในสายตาคนอื่นนั่นแหละ

3. เชื่อและเปิดใจให้คนอื่นได้เร็ว

จริงอยู่การเชื่อใจคนง่ายๆ อาจจะสร้างภาระและอันตรายให้กับตัวเราเองได้ แต่การที่เราไม่เชื่อใจคนอื่นก็คงยากที่คนอื่นจะมาเชื่อใจเรา การจริงใจและเปิดใจยอมรับคนอื่นแต่แรกๆ นั้นมีส่วนที่จะทำให้คนรอบข้างรู้สึกว่าเราเข้าถึงได้ ซึ่งนั่นมีส่วนที่จะทำให้คนเหล่านั้นอยากพูดคุย แลกเปลี่ยน และแชร์ประสบการณ์กับเรามากขึ้น

4. ไม่ขัดหรือหักหน้าคนอื่น

เวลาที่คนชอบพูดอะไรขัดโน่นขวางนี่มักทำให้อีกฝั่งรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย เช่นเดียวกับการทำอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าก็ไม่ต่างกัน แม้ในความเป็นจริงคุณอาจจะไม่ได้เห็นด้วยกับเขาเสียทีเดียว แต่มันก็ใช่ว่าคุณจะต้องไปทำลายเขาเสียเมื่อไร แถมคนอื่นที่มองเห็นอาจจะคิดว่าคุณเป็นพวกจ้องทำร้ายคนอื่นเอาเสียเปล่าๆ ซึ่งนั่นก็เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรเสียด้วย

5. คิดบวกกับคนอื่นๆ

ถ้าคุณเอาแต่วิจารณ์คนโน้น ติคนนี้ อะไรๆ ก็ไม่ดีไปเสียหมด ใครๆ ก็คงจะระวังตัวกับคุณเป็นแน่เพราะไม่รู้ว่าคุณจะเอาพวกเขาไปพูดอะไรเสียๆ หายๆ อีกเมื่อไร มันเลยเป็นการจำกัดตัวคุณให้อยู่กับคนที่เชื่อใจคุณได้เท่านั้น (ซึ่งมันก็ไม่ได้เพิ่มมาง่ายๆ หรอกนะ) มันคงจะดีกว่าถ้าคุณมองคนอื่นในแง่บวก อาจจะไม่ต้องถึงขั้นเชียร์หรืออวยกันออกหน้าออกตา แต่ทำให้คนรู้สึกว่าคุณไม่มีพิษมีภัยและปราถนาดีกับคนอื่นๆ อย่างนี้ใครๆ ก็คงโอเคที่จะมาคุยกับคุณนั่นแหละครับ

6. อย่าคุยโวหรือโม้เกินตัวเอง

การพูดสิ่งที่ตัวเองทำได้เป็นเหมือนการตลาดให้ตัวเอง แต่ถ้าคุณพูดเกินจริงเมื่อไรมันก็ไม่ต่างจากโฆษณาชวนเชื่อที่พอคนเห็นแล้วก็จะรู้สึกว่าคุณไม่ได้จริงใจอะไรกับคนฟัง แต่ในทางกลับกันว่าถ้าคุณถ่อมตัว พูดแต่พอดี แล้วคนอื่นเห็นคุณค่าของคุณมากกว่าที่คุณบอกเล่าไว้ มันก็จะยิ่งทำให้คนอื่นๆ รู้สึกดีกับคุณมากขึ้นไปด้วย

7. มั่นใจตัวเองแต่ไม่ใช่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล

การที่คุณมั่นใจในตัวเองทำให้คนอื่นสนใจและให้ความเคารพคุณ แต่นั่นก็ต่างจากการที่คุณมองว่าคุณคือศูนย์กลางที่อะไรๆ ก็ต้องเป็นไปอย่างที่คุณคิด ยิ่งถ้าคุณไปตัดสินทุกๆ อย่างตามความคิดของคุณประเภทที่อะไรที่ผิดจากความคิดของคุณนั้นไม่ถูกต้องล่ะก็ มันก็เหมือนกับการที่คุณตีตราทุกอย่างโดยเอาตัวเองคนเดียวเป็นที่ตั้ง แล้วแบบนั้นใครจะรู้สึกผ่อนคลายเวลาคุยกับคุณบ้างล่ะ ฉะนั้นการมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่มันต้องมาพร้อมกับการเปิดใจและยอมรับคนอื่นๆ ด้วย

ก็เป็น 7 นิสัย ที่ผมคิดว่าเราทุกคนสามารถฝึกสามารถทำได้นะครับ ยังไงก็ลองนำไปฝึกกันดูนะครับ

อ้างอิงข้อมูลจาก nuttaputch.com

เรียบเรียงโดย Handyman www.eduzonrs.com

รับตรง โครงการหลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีการบิน ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปีการศึกษา 2558

  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รับสมัครบุคคลเข้าศึกษาผ่านรับตรง โครงการหลักสูตรการจัดการเทคโนโลยีการบิน ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปีการศึกษา 2558 รายละเอียดดังนี้

กำหนดการคัดเลือก
           - รับสมัคร : วันที่ 1 ธันวาคม 2557 - 2 มกราคม 2558
           - ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบข้อเขียน : วันที่ 26 มกราคม 2558
           - สอบข้อเขียน : วันที่ 31 มกราคม 2558
           - ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ : วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558
           - สอบสัมภาษณ์ : วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
           - ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา: วันที่  23 กุมภาพันธ์ 2558
           - รายงานตัวยืนยันสิทธิ์ในการเข้าศึกษาและำระเงิน : วันที่ 2 - 6 มีนาคม 2558

จำนวนที่รับ
           - จำนวน 50 คน

คุณสมบัติผู้สมัคร
           - กำลังศึกษา ม.6 หรือ สำเร็จการศึกษา ม.6 หรือ เทียบเท่า 
           -  มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX) 2.5 ขึ้นไป

เกณฑ์การคัดเลือก
           -  องค์ประกอบคะแนนคัดเลือก : การสอบข้อเขียน 2 วิชา คือ วิชาวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์พื้นฐาน กับ วิชาความรู้ทั่วไปทางด้านการบิน
           - เกณฑ์คะแนน GAT และ PAT1 ขั้นต่ำ : ต้องได้คะแนน GAT และ PAT1 มากกว่าคะแนนเฉลี่ยของผู้เข้าสอบทั้งประเทศ

รับตรง ประเภทรับตรง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ปีการศึกษา 2558

 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ รับสมัคร นักเรียนวุฒิ ม.6 ปวช. และ ปวส. เข้าศึกษาผ่านรับตรง ประเภทรับตรง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ปีการศึกษา 2558 รายละเอียดดังต่อไปนี้
 
กำหนดการคัดเลือก


คณะที่เปิดรับ
          -  คณะศิลปศาสตร์ จำนวน 6 สาขา รับ 150 คน
          - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 8 สาขา รับ 205 คน
          - คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม จำนวน 4 สาขา รับ 70 คน
          - คณะวิศวกรรมศาสตร์ จำนวน 7 สาขา รับ 315 คน
          - คณะบริหารธุรกิจ จำนวน 10 สาขา รับ 390 คน
          - คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ จำนวน 7 สาขา รับ 190 คน
          - คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ จำนวน 3 สาขา รับ 45 คน
          - วิทยาลัยนานาชาติ จำนวน 5 สาขา รับ 60 คน

คุณสมบัติผู้สมัครและเกณฑ์การคัดเลือก
          - คณะศิลปศาสตร์ คลิกที่นี่
          - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คลิกที่นี่
          - คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม คลิกที่นี่
          - คณะวิศวกรรมศาสตร์ คลิกที่นี่
          - คณะบริหารธุรกิจ คลิกที่นี่
          - คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ คลิกที่นี่
          - คณะอุตสาหกรรมสิ่งทอ คลิกที่นี่
          - วิทยาลัยนานาชาติ คลิกที่นี่