วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

แฉเรื่องจริงคณะจิตวิทยา!!!

แฉเรื่องจริงคณะจิตวิทยา!!!

คณะจิตวิทยา คืออะไร???

คณะจิตวิทยา เรียนเกี่ยวกับอะไร???

คณะจิตวิทยาต้องอยู่กับคนบ้าตลอดมั้ย???

จิตวิทยา กะ จิตแพทย์ ต่างกันยังงัย??

คงมีน้องๆหลายคน รวมทั้งบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน สงสัย ว่า จริงๆแล้ว จิตวิทยา เป็นยังงัยกันแน่
วันนี้พี่ ในฐานะนิสิตจิตวิทยาคนหนึ่ง จึงอยากไขข้อสงสัย ประเด็นเหล่านี้ ให้กระจ่างแจ้งสักครั้ง

1.จิตวิทยาคืออะไร ??
>>>>>>จิตวิทยา
Ψ Psychology" ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษากรีก 2 คำ คือ
"Psyche" หมายถึง "วิญญานหรือจิต"
"Logos" หมายถึง ศาสตร์หรือการศึกษา
โดยจิตวิทยาเป็นวิชาที่ก่อกำเนิดมาโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษามนุษย์ในด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในตัวมนุษย์ด้วยกันเอง
Ψ จิตวิทยา เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา และกระบวนการทางจิต

2.จิตวิทยา เกี่ยวกับอะไร ??
>>>> คณะจิตวิทยา ใช้เวลาเรียน 4 ปี เรียนจบได้ปริญญา วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา จิตวิทยา เป็นศาสตร์หนึ่งในวิทยาศาสตร์สุขภาพ เนื้อหาที่เรียนส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ เน้น ชีววิทยา และเรียนลึกถึงเรื่องเกี่ยวกับจิตใจ พฤติกรรม และความรู้สึก ของบุคคล การศึกษาพฤติกรรมของคนเรามีทั้งที่สังเกตง่ายๆ และพฤติกรรมที่ซับซ้อนได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย เพื่อค้นหาสาเหตุและทำความเข้าใจลักษณะธรรมชาติของพฤติกรรมมนุษย์ คำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ในบริบทต่างๆ เช่น เหตุใดวัยรุ่นจึงมีอารมณ์รุนแรง หรือเหตุใดพนักงานจึงไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการทำงาน หรือ ทำไมคนแต่ละคนจึงมีความอดทนต่อปัญหาได้แตกต่างกัน
เหล่านี้เป็นหน้าที่ของนักจิตวิทยา ในการศึกษา “พฤติกรรมและจิตของมนุษย์”
ซึ่งมีหลายสาขามากๆ แต่ในประเทศไทย จะเปิดเพียงไม่กี่สาขา

3.คณะจิตวิทยาต้องอยู่กับคนบ้าตลอดมั้ย???
>>>>ข้อนี้พี่ขอบอกตัวใหญ่ๆว่า ไม่ใช่เลยสักนิด นักจิตวิทยาไม่ได้อยู่กับคนบ้าตลอด เพราะแต่ละสาขามีการเรียน การฝึกงาน ตลอดจนการทำงาน ที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่า น้องๆ เลือกเรียนสาขาอะไร ซึ่ง สาขาที่ไม่ต้องเจอคนป่วยเลยก้อมี อยู่ที่ว่าสาขานะน้อง ก่อนจะเรียนก้อเลือกๆดูดี

4.จิตวิทยา กะ จิตแพทย์ ต่างกันยังงัย??
>>>> จิตแพทย์ คือ บุคคลที่จบแพทยศาสตร์ 6 ปี แล้วเรียนต่อเฉพาะทางในสาขา จิตเวช ซึ่ง นักจิตวิทยา คือ บุคคลที่เรียนจิตวิทยาโดยตรง ไม่ได้เรียนแพทย์มา ดังนั้น จิตแพทย์จึงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับ ยา และการรักษาด้วยการผ่าตัด มากกว่านักจิตวิทยา ศาสตร์ของจิตวิทยาจะชัดเจนตรงที่เค้าสอนให้เรารู้เกี่ยวกับการสังเกต พฤติกรรม ภาวะจิตใจ อารมณ์ และการบำบัด มากกว่า (จิตแพทย์บางคน เมื่อจบมาแล้ว ยังมาเรียนเพิ่มทางด้านจิตวิทยาก้อมี)

5.คนที่จะเรียนจิตวิทยาต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
Ψ อย่างแรกเลยนะพี่ว่าต้องอยากเรียนค่ะ ที่จริงไม่ว่าจะเรียนอะไรถ้าเราอยากเรียนเอง ไม่ได้โดยใครบังคับว่ามันก็น่าจะมีความสุขนะ ได้ทำในสิ่งที่ชอบ อะไรประมาณนี้
แล้วก็น่าจะเป็นคนที่ ชอบอยู่กับคน ชอบสังเกตซักหน่อย เพราะจิตวิทยาเป็นการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์
วิชาที่อาจจะต้องเน้นหน่อยก็ภาษาอังกฤษค่ะ เพราะว่าตำราเรียนส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนเลขก็มีใช้บ้าง (มีเรียนสถิติ) แต่ไม่ได้คำนวณเองนะใช้โปรแกรมคำนวณ

6.สาขาต่างๆของจิตวิทยา

จิตวิทยาคลินิก
Ψ จิตวิทยาคลินิกจะมีจุดที่เน้นอยู่ 2 ส่วน คือ การทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา
(ระดับ A คือนักจิตวิทยาสาขาอื่นไม่สามารถทำได้เช่น rorchach WAIS เป็นต้น) และทำจิตบำบัด
การเรียนจะเกี่ยวกับอาการผิดปกติทางจิต ทั้งเรื่องโรค พยาธิสภาพ การใช้เครื่องมือหรือแบบวัดทางจิต เพื่อใช้ในการตรวจเป็นข้อมูลประกอบในการวินิจฉัยโรคทางจิต การทำจิตบำบัด
งาน - ตรงตามสายงานคือเป็นนักจิตวิทยาคลินิกในโรงพยาบาล เพื่อทำการประเมินและบำบัดทางจิตแก่ผู้ป่วยทางจิตเวช เป็นนักจิตวิทยาตามสถานพินิจหรือศาล เพื่อทำการประเมินสภาพจิตของผู้ต้องหา รวมทั้งทำกิจกรรมหรือบำบัดทางจิตแก่ผู้ต้องขัง จิตวิทยาคลินิกต้องสอบใบประกอบโรคศิลป ซึ่งทำให้สามารถเปิดคลินิกบำบัดได้เช่นเดียวกับในต่างประเทศ และจะทำให้สามารถรับงานอิสระได้มากขึ้น

จิตวิทยาอุตสาหกรรมฯ
Ψ จิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ (Industrial and Organizational Psychology) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาจิตวิทยา เพื่อนำมาประยุกต์กับการทำงานและนำมาซึ่งความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากรทุกระดับในบริบทของการทำงาน ยังผลให้องค์การสามารถบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของประเทศไทยที่จำเป็นต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเพิ่มคุณภาพประสิทธิภาพ และผลิตภาพ(ที่มา:http://www.psy.chula.ac.th/psy/files/ProgramIO.pdf)
Ψ เรียนตั้งแต่คัดเลือกคนเข้าทำงานให้เหมาะสม จะมีคำที่เป็นคติของจิตอุตฯว่า put the right man on the right job อีกส่วนก็คือการฝึกอบรมพนักงาน คือเรียนเกี่ยวกับการพยายามให้งานที่จะออกมานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยคำนึงถึง ทรัพยากรมนุษย์ ด้วยอะค่ะ
งานที่ตรงสาขาที่สุดก็เลยเป็นตำแหน่งฝ่ายบุคคล หรือเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมตามบริษัทหรือโรงงานต่างๆ

จิตพัฒนาการ
Ψ จิตพัฒนาการจะเน้นที่การส่งเสริมพัฒนาการของบุคคลในทุกช่วงวัยให้เป็นไปตามพัฒนาการของและช่วงวัย ซึ่งมักจะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเด็กและวัยรุ่น เรียนพัฒนาการทุกช่วงวัย ทั้งทางร่างกาย จิตใจ ความต้องการทางสังคม การใช้ชีวิต ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่, อุแว้ๆ ออกมา เป็นทารก เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น, ผู้ใหญ่จนกระทั่งแก่ตาย
Ψ จิตวิทยาพัฒนาการเป็นเสมือนสาขาใหญ่ของจิตวิทยาที่เรียนเกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษย์ในทุกช่วงวัย ซึ่งสามารถศึกษาต่อเฉพาะช่วงวัยได้อีกเช่น จิตวิทยาเด็ก จิตวิทยาวัยรุ่น เป็นต้น สาขานี้เกิดจากแนวความคิดที่จะอธิบายพฤติกรรม จิตใจ รวมทั้งความสามารถต่างๆของมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย และเพื่อที่หาหาแนวทางที่จะทำให้มนุษย์มีพัฒนาการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัยของตนเอง

จิตวิทยาสังคม
Ψ จิตวิทยาสังคม เป็นวิชาที่ศึกษาพฤติกรรมทางสังคมของมนุษย์ โดยศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกัน เพื่อทำความเข้าใจอิทธิพลของสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์จิตชุมชน
Ψ จิตวิทยาชุมชนนั้นแยกออกมาจากจิตวิทยาคลินิกอีกทีแต่จะเป็นการทำงานในทางป้องกันมากกว่ารักษา จิตวิทยาชุมชนจะมีลักษณะที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือจะเป็นเหมือนจุดกึ่งกลางระหว่างจิตวิทยาคลินิก จิตวิทยาอุตสาหกรรม และจิตวิทยาสังคม งานที่ส่วนใหญ่มักเข้าไปทำคือการฝึกอบรม

จิตวิทยาการปรึกษา
Ψ จิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychology) เป็นศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับ การปรึกษาเชิงจิตวิทยา (Counseling) ซึ่งเป็นกระบวนการที่มุ่งให้ผู้มีปัญหาได้ทำความเข้าใจกับปัญหาของตน และมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเอง โดยนักจิตวิทยาการปรึกษา (Counselor) มีหน้าที่เป็นผู้เอื้อให้ผู้มีปัญหาได้เข้าใจปัญหาของตนอย่างชัดเจนที่สุด นักจิตวิทยาการปรึกษาจะไม่เข้าไปบงการ แนะนำ หรือ แทรกแซง ผู้รับบริการ แต่ละช่วยให้เค้าสามารถจัดการปัญหาได้ด้วยตัวเอง
ผู้เข้ารับบริการการปรึกษาเชิงจิตวิทยาจะได้รับประโยชน์ ในแง่ของการเกิดความเข้าใจในตนเอง และสามารถวางแนวทางการดำเนินชีวิตตนเองได้อย่างเหมาะสม สามารถเผชิญสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างมั่นคง และสามารถจัดการปัญหาของตนได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสมกับความเป็นจริง และยังช่วยให้ค้นพบศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ในการพัฒนาตนเองไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ ขยายทัศนะการสองโลก และชีวิตก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดี
ระ

จิตวิทยาการแนะแนว
Ψ ก็เรียนไปทางเป็นอาจารย์แนะแนวในโรงเรียนอะค่ะ เรื่องที่เรียนเช่น หลักการแนะแนวในโรงเรียนเพื่อพัฒนานักเรียน /ความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เพื่อให้สามารถจำแนก ช่วยเหลือและพัฒนานักเรียนได้อย่างเหมาะสม/วิธีการและเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในงานแนะแนว
(ที่มา: http://www.psy.chula.ac.th/psy/files/intro_counseling.pdf )

แนะนำจิตวิทยา (พี่ขอแนะนำเพียงแค่ 2 ที่นะคะ พอรู้แนว)

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
o สาขาวิชาจิตวิทยาการปรึกษา
o สาขาวิชาจิตวิทยาสังคม
o สาขาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ
o สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ
มหาวิยาลัยเกษตรศาสตร์
o สาขาวิชาจิตวิทยาคลินิก
o สาขาวิชาจิตวิทยาชุมชน
o สาขาวิชาจิตวิทยาพัฒนาการ
o สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ

ปัจจุบันนักจิตวิทยา เป็นอาชีพที่ขาดแคลนมาก เพราะยิ่งนับวัน ปัญหาของสังคมที่รุมเร้า ทำให้คนจำนวนมากเกิดความเครียด และในอีกสี่ปีข้างหน้า พี่รับรองได้เลยว่า คนไทยจะเครียดมากขึ้นกว่าเดิม เพราะปัญหาการแย่งงานทำ เพราะในอีกสี่ปี เราจะเข้าร่วมอาเซียนแล้ว อาจจะเห็นคนพม่า ลาว เขมร มาเดินหางานในประเทศเรา แข่งกับบัณฑิตที่เพิ่งจบและที่ขบนานแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เครียดดดดดดสุดๆ

ตั้งแต่ที่พี่ตัดสินใจเรียนคณะนี้ ก้อมักจะมีคำถามเข้ามาบ่อยๆ ว่า ทำไมเรียนคณะนี้ล่ะ มีคนบ้าที่เรียน ...... คำถามพวกนี้ พี่เจอจนชินเสียแล้ว ซึ่งอยากจะบอกน้องๆและผู้ปกครองหลายๆท่านว่า สังคมไทยไม่เคยพัฒนาเลย ทั้งสภาพบ้านเมืองและความคิดของคนในชาติ เราต้องยอมรับว่า สำหรับคนไทยแล้ว เรื่องของจิตวิทยา และการไปพบจิตแพทย์ ถือเป็นเรื่องน่าอับอาย เพราะกลัวจะถูกหาว่าบ้า!!! ซึ่งต่างจากสังคมของเมืองนอก อย่างเช่น ในสหรัฐ คนสหรัฐแทบทุกคน จะมีนักจิตวิทยาประจำตัว ซึ่งพวกเขาจะไปพบนักจิตวิทยากัน มันถือเป็นเรื่องปกติมากๆ และถ้าคุณมีเพื่อนเรียนเมืองนอก ลองบอกเค้าดูสิ ว่าเราเรียนจิตวิทยา เราจะได้ยินคำตอบจากพวกเขาว่า Oh!!my got , really!! , it’s interesting ฝรั่งจะชื่นชมมากๆ มากกว่าคนที่เรียนหมอซะอีก เพราะเขาถือว่า นักจิตวิทยา คือกลุ่มบุคคลที่เข้าใจจิตใจของคนอื่น คือผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง และที่สำคัญในอเมริกา อาชีพนักจิตวิทยาบูมมาก งานไม่หนัก และได้ตังค์เยอะ

และสุดท้ายพี่อยากบอกน้องๆว่า ตั้งแต่ที่พี่ตัดสินใจเรียนคณะนี้ ไม่เคยรู้สึกเสียใจเลย เพราะมันคือสิ่งที่พี่รัก และคือความฝันของพี่ การจะเรียนอะไรนั้น จงเลือกเรียนในสิ่งที่ตนเองรัก แล้วทุกอย่างจะดีเอง “”””””


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2204593#ixzz1PoUv6pDQ

ข้อมูลคณะในฝัน : คณะจิตวิทยา (คณะนี้เรียนอะไร ?)

คณะนี้เรียนอะไร? (จิตวิทยา)

การศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ (กระบวนการของจิต) , กระบวนความคิด, และพฤติกรรม ของมนุษย์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เนื้อหาที่นักจิตวิทยาศึกษาเช่น การรับรู้ (กระบวนการรับข้อมูลของมนุษย์) , อารมณ์, บุคลิกภาพ, พฤติกรรม, และรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล จิตวิทยายังมีความหมายรวมไปถึงการประยุกต์ใช้ความรู้กับกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของมนุษย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน (เช่น กิจกรรมที่เกิดขึ้นในครอบครัว, ระบบการศึกษา, การจ้างงานเป็นต้น) และยังรวมถึงการใช้ความรู้ทางจิตวิทยาสำหรับการรักษาปัญหาสุขภาพจิต นักจิตวิทยามีความพยายามที่จะศึกษาทำความเข้าใจถึงหน้าที่หรือจุดประสงค์ต่าง ๆ ของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวบุคคลและพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ขณะเดียวกันก็ทำการศึกษาขั้นตอนของระบบประสาทซึ่งมีผลต่อการควบคุมและแสดงออกของพฤติกรรม
 
สาขาต่างๆ ที่เปิดสอน

-สาขาจิตวิทยาคลินิกศึกษาเกี่ยวกับการช่วยเหลือบุคคลที่มีสุขภาพจิตผิดปกติให้คืนสู่สภาพจิตใจที่สมบูรณ์และปรับตัวเข้ากับสังคมด้วยความสุข โดยเนื้อหาของการศึกษาจะประกอบไปด้วย การตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยา การบำบัดทางจิตวิทยาและการฟื้นฟูสมรรถภาพทางจิต ฯลฯ

-สาขาจิตวิทยาพัฒนาการศึกษาเกี่ยวกับพัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ จนถึงวัยชรา และการเสริมสร้างพัฒนาการของบุคคล
ทุกช่วงวัย 
 
-สาขาจิตวิทยาชุมชนศึกษาเกี่ยวกับ พฤติกรรมของบุคคลในชุมชนกลวิธีต่างๆใน การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต ปัจจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อความเข้มแข็งของชุมชน
 
-สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรมศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมมนุษย์ในการทำงานในองต์การทั้งภาครัฐและเอกชน ปัจจัยทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การสรรหา การคัดเลือก พัฒนาและบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร

วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

7 เคล็ดลับการออกจากปัญหา


คนเราทุกคนนะครับ ต้องมีช่วงที่ต้องเจอปัญหา เจออุปสรรคของชีวิต ซึ่งถ้าเราจมกับปัญหาไม่ยอมออกจากปัญหานั้น ย่อมไม่ส่งผลดีกับตัวเราแน่ๆ เพราะอย่างงั้นแล้ว เรามาหาวิธีการออกจากปัญหาแบบถูกวิธีกันเถอะครับ

7 เคล็ดลับการออกจากปัญหา
 

1. หาหนังสือดีๆมาอ่าน ทั้งหนังสือแนวให้กำลังใจ การให้แนวคิดดีๆ หนังสือเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง การสร้างความสำเร็จ การสร้างความร่ำรวย ซึ่งจะให้มุมมองใหม่ๆในชีวิต และวิธีการออกจากปัญหานั้น

2. พาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคนที่คิดดีคิดบวก เพราะคนเหล่านั้นจะให้กำลังใจและให้แนวคิดดีๆกับเราได้

3. พูดคุยกับคนที่ประสบความสำเร็จ หรือคนที่เคยผ่านปัญหาคล้ายๆกันมาก่อน ขอคำแนะนำจากเขาเหล่านั้น

4. เข้าสัมมนาดีๆเพื่อรับแนวคิดใหม่และวิธีการสร้างความสำเร็จให้เพิ่มพูนมากขึ้น

5. เข้าวัดฟังธรรม นั่งสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน บางทีปัญญาอาจผุดขึ้นมาตอนที่จิตใจสงบก็เป็นได้

6. ออกกำลังกายผ่อนคลายความตึงเครียด แถมยังได้สุขภาพที่ดีกลับมาอีกด้วย

7. เปิดหูเปิดตา มองสิ่งที่พบเจอรอบๆตัว ไม่ว่าจะเป็นรายการทีวี หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯ บางครั้งคำตอบในการออกจากปัญหาอาจแสดงตัวให้เราเห็นถ้าเราหัดสังเกตุดีๆ
 


วันที่แย่ !!! ต้องแก้ด้วยวิธีคิดบวก

วันที่แย่ !!! ต้องแก้ด้วยวิธีคิดบวก

โดย  รองศาสตราจารย์สุดาว  เลิศวิสุทธิไพบูลย์
          เคยมีบ้างไหมที่รู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างรอบตัวดูแย่จัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เจอแต่ปัญหา มีแต่เรื่องร้าย ๆ ไปเสียหมด เหมือนโชคก็ไม่เข้าข้างเอาเสียเลย !!!  หากคุณกำลังเผชิญกับภาวะรุมเร้าดังว่านี้ อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาที่เลวร้ายทำลายวันนั้นของคุณทั้งหมด ลองหันมาใช้พลังบวกในตัวเองเปลี่ยนมุมลบในวันแย่ ๆ ให้เป็นวันที่สดใส   เพราะการมองหาสิ่งที่ดี ๆ ในชีวิตแม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมของคนเรา  การคิดบวกไม่ต้องลงทุนเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่กลับช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่พิสูจน์แล้วว่าคนที่มองโลกในแง่บวกมักมีสุขภาพกายและใจที่ดี มีอายุยืนยาว ทั้งยังประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่มีทัศนคติในแง่ลบ 
          เราทุกคนล้วนแต่เคยมีวันที่แย่ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อต้องเผชิญกับเคราะห์ร้ายหรือช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราจะพบทางออกดี ๆ ได้อย่างไร ถ้าอยู่ในสภาพท้อแท้สิ้นหวัง หมดกำลังใจ หมกมุ่นอยู่กับความคิดเชิงลบและไม่มีความสุข  การกล่าวโทษตนเองหรือโยนความผิดให้คนอื่นมีแต่จะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง แม้ว่าการคิดเชิงบวกจะไม่สามารถทำให้สถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นอันตรธานหายไปราวกับเวทมนตร์ แต่ด้วยทัศนคติเชิงบวกเราจะสามารถปรับปรุงสถานการณ์และควบคุมสภาวะของจิตใจ ปฏิกิริยาและพฤติกรรมของตนเองได้ดียิ่งขึ้น และสถานการณ์ที่เลวร้ายนั้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อจิตใจมากเกินไป คนที่คิดบวกเป็น จึงมีความสุขมากกว่า และเจ็บปวดทุกข์ใจน้อยกว่า   
เคล็ดลับ 7 ประการ ในการคิดบวก
             แม้ว่าจะมีการกล่าวถึงกันมากเกี่ยวกับความคิดเชิงบวก แต่น้อยคนที่เข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ การคิดบวกไม่ได้หมายถึงการไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวและฝันลม ๆ แล้ง ๆ อยู่กับความคิดบวกที่ล่องลอยในอากาศ  การฝืนยิ้มและบอกตัวเองว่าทุกอย่างกำลังจะดีแล้ว การละเลยปัญหาและความยุ่งยากต่าง ๆ โดยไม่ได้ใช้พยายามที่จะแก้ปัญหา ฯลฯ วิธีการเหล่านี้ไม่ใช่การคิดเชิงบวก คนที่คิดเชิงบวกไม่เพียงคาดหวังในสิ่งที่ดีที่สุด และเชื่อว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายจะดีขึ้น แต่จะต้องลงมือปฏิบัติด้วยการมองหาโอกาสในการแก้ไขปัญหานั้น ในภาวะปกติที่สุขสบายอาจเป็นการง่ายที่จะคิดบวก แต่การคิดบวกไม่ง่ายเลยเมื่อต้องเผชิญกับภัยพิบัติหรือสถานการณ์ที่ร้ายแรงต่าง ๆ นอกเสียจากผู้ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว เพราะการคิดเชิงบวกนั้นก็เป็นเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ คือ ต้องมีการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีการฝึกฝนจนคล่องแคล่ว ไม่มีใครสามารถว่ายน้ำได้ดีราวกับนักกีฬาโดยไม่ผ่านการเรียนรู้และฝึกซ้อม   เทคนิคในการคิดบวกนั้นมีหลากหลายแนวทาง ในที่นี้ขอเสนอเคล็ดลับ 7 ประการ สำหรับการคิดเชิงบวก ซึ่งอาจดูเหมือนเป็นวิธีง่าย ๆ แต่หากลองนำไปใช้ปฏิบัติจะพบว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
  • จำไว้เสมอว่า “เวลาคือของขวัญล้ำค่า”  บางวันบางเวลาดูเหมือนเป็นช่วงเวลาที่ย่ำแย่  แต่ชีวิตคนเรานั้นประกอบด้วยช่วงเวลาสั้น ๆ มากมาย และแต่ละช่วงเวลาให้โอกาสเราในการเลือกที่จะมองในมุมที่ดีหรือมุมที่เลวร้าย  การยึดติดกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในอดีต ถือเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านไปแล้วนั้น เราไม่สามารถจะตามไปแก้ไขอะไรได้  พึงระลึกเสมอว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่เป็นของขวัญอันล้ำค่าที่เปิดโอกาสสำหรับสิ่งดี ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตของคุณได้อีก ความผิดพลาดในวันนี้ไม่ได้หมายความว่าวันหน้าคุณจะไม่มีวันประสบความสำเร็จได้ บางเรื่องราวหรือบางคนอาจทำให้เราโกรธหรือเครียดมากเมื่อวันก่อน ครั้นมาวันนี้เราอาจลืมเรื่องราวหรือคน ๆ นั้นไปแล้วก็ได้  อย่าปล่อยให้เหตุการณ์เพียงเรื่องเดียวมาควบคุมชีวิตของคุณ จงเรียนรู้ที่จะมองข้ามช่วงเวลาที่ผิดหวังหรือทุกข์ใจ ให้เห็นโอกาสอีกมากมายที่รออยู่ข้างหน้า

  • ดึงตัวเองให้หลุดออกจากความทุกข์  ในวันแย่ ๆ หากอยู่ในห้องทึบทึมที่อบอวลไปด้วยความคิดแง่ลบ ด้วยบรรยากาศที่ขุ่นมัวแบบนี้ จะทำให้ความคิดของเราหยุดนิ่ง และจมดิ่งลงสู่​​ทัศนคติเชิงลบทั้งหลาย ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก  ดังนั้น หากพบว่าตัวเองชักจะจมปลักอยู่กับความท้อแท้ผิดหวัง อย่าปล่อยให้ตัวเองติดอยู่กับความทุกข์ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะมืดมนเพียงใด คุณก็สามารถทำบางสิ่งบางอย่างที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ เช่น รับประทานไอศครีมอร่อย ๆ สักถ้วย  อ่านข้อความที่ให้กำลังใจ โทรศัพท์ไปหาเพื่อนหรือคนที่คุณรัก ออกไปเดินเล่น ปลูกต้นไม้สักต้น ฯลฯ ไม่สำคัญว่าสิ่งดี ๆ นั้นจะเป็นอะไร ขอเพียงแต่ช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น และจะช่วยดึงให้หลุดออกจากบรรยากาศที่ทำให้เกิดความคิดแง่ลบ เมื่อถอยออกมาจากเหตุการณ์นั้นสักระยะหนึ่ง แล้วมองย้อนกลับเข้าไปใหม่ อาจช่วยให้คุณมองเห็นทางออกของปัญหาเหล่านั้นก็ได้
  • ตั้งเป้าหมายในสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก  ลองมองหาสิ่งที่ง่าย ๆ ที่อยู่ในความสามารถที่จะทำได้ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น เช่น หากเผชิญกับปัญหาทางการเงิน ก็อาจจะใช้เวลาพิจารณางบประมาณ และดูว่าจะสามารถจะลดค่าใช้จ่ายในส่วนใดได้บ้าง หากมีปัญหาในการทำงาน ลองมองดูศักยภาพที่มีอยู่ในตนเอง แล้วเริ่มต้นจากเป้าหมายเล็ก ๆ ที่สามารถทำได้ไม่ยาก หยิบมาทำก่อน เพื่อช่วยให้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า มีทางเป็นไปได้มากขึ้น

  • เปลี่ยนมุมมองเป็นแง่บวก  เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มหมกมุ่นอยู่กับความคิดเชิงลบ ให้รีบถอนตัวออกมาทันที และเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่ โดยมองปัญหาในอีกด้าน มองเรื่องแย่ ๆ ให้เป็นแง่บวก การมีรอยยิ้มและอารมณ์ขัน จะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้มาก  จงยิ้มและหัวเราะให้กับเรื่องเครียด ๆ ที่เจอ โดยมองว่า “ชีวิต คือ การเรียนรู้ ทุกประสบการณ์ล้วนเป็นครูสอนเราให้แข็งแกร่งขึ้น”  ดังนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่ดีและมีประโยชน์ทั้งหมด  อย่างไรก็ตาม การจะเปลี่ยนมุมมองให้คิดบวกจนติดเป็นนิสัยนั้น ต้องอาศัยความกล้าและความอดทนฝึกไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติเชิงบวก แล้วเราจะพบเห็นโอกาสต่าง ๆ อีกมากมาย ให้เลือกก้าวเดินไปข้างหน้า และควบคุมชีวิตตัวเองไปในทางบวกได้ตามที่คิด
  • ขอบคุณสิ่งดี ๆ ในชีวิต  เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จงเริ่มต้นวันใหม่ของคุณด้วยการคิดถึงสิ่งดี ๆ อย่างน้อย 5 สิ่ง ที่คุณรู้สึกขอบคุณ และทำเช่นนี้อีกครั้งในเวลากลางคืนก่อนนอน โดยคิดถึงอีก 5 สิ่ง ที่คุณรู้สึกชื่นชมและขอบคุณ  ซึ่งอาจเป็นความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย  ๆ ที่คุณทำได้ในแต่ละวันก็ได้ แล้วคุณจะพบว่าเรื่องดี ๆ มีมากกว่าเรื่องแย่ ๆ ตั้งมากมาย  และเมื่อใรก็ตาม ที่คุณรู้สึกท้อแท้ ให้คว้ากระดาษหรือไดอารี่ขึ้นมาแล้วเขียนสิ่งดี ๆ เหล่านี้ลงไป ความรู้สึกดี ๆ จะถูกซึมซับผ่านเข้าสู่จิตใจและทำให้คุณมีรอยยิ้มและกำลังใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการจดจำสิ่งดี ๆ และความสำเร็จทั้งหลายในชีวิต จะช่วยให้เปลี่ยนความคิดจากเชิงลบเป็นเชิงบวกได้ดียิ่งขึ้น

  • หยุดคิดในแง่ลบ  ข้อนี้อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก  อย่างไรก็ตาม เป็นความจริงที่ว่าการหยุดความคิดเชิงลบสามารถเปลี่ยนชีวิตของเราได้ทำนองเดียวกับรถยนต์ หากขับเคลื่อนไปโดยไม่มีห้ามล้อ อาจจะถลำจนเสียหายและตกเหวได้  การหยุดความคิดในแง่ลบอาจทำได้หลายวิธี เช่น ถามตัวเองว่า “เหตุการณ์นี้จะมีความสำคัญกับตัวเราไปตลอดทั้งปีเลยหรือไม่?” ถ้า “ไม่” ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกังวลหรืออารมณ์เสียมากมายไปกับสิ่งนั้น แต่ถ้าคำตอบ คือ “ใช่” ลองพิจารณาดูว่ามีขั้นตอนใดบ้างที่จะสามารถทำได้ในขณะนี้ เพื่อปรับปรุงสถานการณ์ให้ดีขึ้น

  • ลงมือทำตามคำแนะนำของตัวเอง  ลองสมมติว่าหากมีเพื่อนสนิทมาหาคุณ เพื่อขอคำแนะนำในปัญหาหรือสถานการณ์ที่คุณกำลังเผชิญอยู่  คุณจะให้คำแนะนำแก่เขาอย่างไร โดยทั่วไปเรามักจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วว่า “สิ่งที่จะต้องทำเพื่อให้ชีวิตดีขึ้นนั้นคืออะไร” เพียงแต่ต้องเริ่มที่จะลงมือทำสิ่งนั้น แทนที่จะเฝ้ารอบางคนหรือบางสิ่งบางอย่างให้มาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตัวเราเอง
          หากวันนี้คุณเหนื่อยล้าท้อแท้ใจกับวันแย่ ๆ ลองใช้ 7 วิธีที่กล่าวมานี้ คืนความสุขและรอยยิ้มกลับมาสู่ตัวคุณเอง เปลี่ยนวันสีเทาให้เป็นวันที่สดชื่น แล้วคุณจะพบว่าการมองโลกในแง่บวกจะช่วยให้อะไรๆ ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
……………………………………………
เอกสารอ้างอิง

Jerry Shaw. Health Benefits of Positive Thinking. Retrieved November 10, 2012 from http://www.livestrong.com/article/75627-health-benefits-positive-thinking/
Geoffrey JamesPositive Thinking: 7 Easy Ways to Improve a Bad Day. Retrieved November 12, 2012 from http://www.inc.com/geoffrey-james/positive-thinking-7-easy-ways-to-improve-a-bad-day.html
Remez Sasson. Being Positive in Good Times and Bad Times. Retrieved November 12, 2012 from http://www.successconsciousness.com/being-positive.html

20 วิธีคิดบวก สร้างพลังแห่งความสำเร็จ


1.เริ่ม ต้นวันด้วยความสุขและรอยยิ้ม...วันเวลาของความสุขและความสำเร็จเกิดขึ้นได้ ทุกวันถ้าคุณเริ่มต้นวันทำงานด้วยพลังแห่งความสุขและรอยยิ้ม

2.มอง หาคำแนะนำดีๆ อยู่เสมอ...คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคำแนะนำ และโอกาสดีๆที่จะเปลี่ยนชีวิตคุณ จะเข้ามาหาคุณเมื่อไหร่ ดังนั้น จงเปิดหู เปิดตา เปิดสมองของคุณเอาไว้อยู่เสมอ

3.วาง แผนสำหรับวันข้างหน้า...วางแผนการทำงานของคุณล่วงหน้าทุกวัน เพื่อป้องกันความผิดพลาด ล่าช้าของการทำงานและเพื่อให้แน่ใจว่าคุณยึดมั่นกับเป้าหมายที่วางไว้อยู่ เสมอ

4.มุ่งความคิดไปที่เป้าหมายที่สำคัญที่สุด...กำหนดเป้าหมาย และจัดอันดับความสำคัญของเป้าหมายที่จะทำในแต่ละวัน

5.มุ่ง เป้าหมายไปที่ผลลัพธ์แห่งความสำเร็จ...ตั้งเป้าหมายความสำเร็จในการทำธุรกิจ เครือข่าย และมุ่งความสนใจของคุณไปที่เป้าหมายทุกลมหายใจ

6.ทดลอง ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ท้าทาย...เรียนรู้ทักษะใหม่ๆหรือมองหาความคิด ทัศนคติใหม่ๆ หรือคบหากับคนที่ประสบความสำเร็จ ที่นำคุณไปสู่ความสำเร็จได้
 

7.ชั่ง น้ำหนักความปรารถนา...เราอาศัยอยู่ในโลกของกำไร และขาดทุน , ความสุข-ความทุกข์ , แสงสว่าง-ความมืด ชั่งน้ำหนักความปรารถนาของคุณก่อนลงมือทำ


8.ยืนอยู่บนความเป็นจริง...คุณต้องมั่นใจว่าสิ่งที่คุณต้องการนั้นเป็นไปได้คุณต้องตั้งเป้าหมายที่ลงมือทำแล้วเห็นผลลัพธ์ได้จริง

9.ติดตาม ดูสภาพจิตใจและร่างกายของคุณ...สภาพจิตใจที่ตกต่ำลงจะทำให้ประสิทธิภาพในการ ทำงานของร่างกายลดลงตามไปด้วย ปรับสภาพจิตใจให้ดีเหมือนในข้อที่ 1 คุณจะได้มีพลังสู้กับปัญหา และอุปสรรคต่างๆได้

10.รัก ตัวเองให้มาก...ก่อนที่คุณจะคาดหวังความรักจากคนอื่น คุณต้องรักตัวเองก่อน คุณต้องมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาตัวเอง ,ความมั่นใจ , ความคิดเชิงบวก , การใช้ชีวิต และการคบเพื่อน

11.หัวเราะ อย่างมีความสุข...เพราะชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องสนุกสนานการมองเห็นแต่ด้านบวก ของชีวิตนั้น ทำให้คุณปราศจากสภาพจิตใจที่ตกต่ำจากความผิดหวัง ท้อแท้ และความสิ้นหวังจากธุรกิจที่คุณทำอยู่

12.สร้าง รายการของเป้าหมายและลงมือทำ...มีรายการเป้าหมายแห่งความสำเร็จอยู่ใกล้มือ เสมอ เพื่อที่คุณจะลงมือทำในสิ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จอย่างถูกต้อง
 
 3.ใช้ ชีวิตอยู่กับคนที่คิดบวกเหมือนกัน...เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอยู่ เป็นกลุ่มไม่ว่าจะเป็นในครอบครัว บริษัท จงอยู่ร่วมกับคนที่คิดบวกเหมือนคุณ เพราะเขาจะช่วยส่งเสริมให้คุณมีความมั่นใจและมุ่งมั่นในสิ่งที่ทำอย่างไม่ สั่นคลอน

14.ถาม แต่คำถามที่มีประโยชน์อยู่เสมอ...คำถามที่เพิ่มพูนความรู้ ที่เป็นประโยชน์ทั้งผู้รับและผู้ตอบ ไม่ถามในสิ่งที่ไร้สาระ ไม่ถามแบบกระทบกระเทือบเปรืยบเปรย ทำร้ายจิตใจผู้อื่น  
 15.เปิด ใจให้กว้าง...คุณไม่ใช่ผู้ที่รู้มากที่สุด หรือ เก่งที่สุด จงเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากสถานที่ ที่พึ่งไปมาหรือจากคนที่พึ่งรู้จักกัน จากสิ่งของรอบตัว เพราะความคิดที่จะใช้สร้างธุรกิจร้อยล้าน พันล้าน อาจจะหาเจอได้จากถุงกล้วยแขกก็ได้

16.ไว้ ใจในความสามารถของคนอื่น...มันอาจเป็นเรื่องยากที่จะไว้ใจใครสักคน หรือยอมรับความสามารถของคนแปลกหน้า แต่การที่คุณเชื่อในผีมือของเพื่อนร่วมงานนั้นจะสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำ งาน หรือการสร้างธุรกิจร้อยล้านของคุณ

17.รู้จัก ให้อภัย...ความผิดพลาดและความล้มเหลวของตัวเอง รากฐานของความคิดด้านลบที่ทำลายคุณเพราะมันป้อกันความคิดดีๆ และการมองเห็นสภาพที่ชัดเจน คุณต้องโยนความล้มเหลวที่เจ็บปวดออกไปจากความคิด ให้อภัยตัวเองและคนรอบข้าง และเดินหน้าต่อไป...

18.เรียน รู้จากประสบการณ์ที่ได้รับ...ไม่ว่าจะล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ นี่คือสิ่งที่คุณเรียนรู้จากชีวิตจริง การลงมือทำ เป็นเกราะที่จะป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคตล

19.โฟกัส กับความสำเร็จที่เกิดขึ้นในทุกๆวัน... ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆที่เกี่ยวกับเรื่องงานหรือการดำเนินชีวิตของคุณ เช่นทำงานเสร็จก่อนเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ หรือการเรียนรู้ทักษะใหม่ได้สำเร็จ ก็ขอให้จดบันทึกทุกความสำเร็จที่ได้ เพราะนั้นคือหนทางสู่เป้าหมายความสำเร็จสูงสุดของคุณ
 
20.จูบ ลาความกังวลใจในเรื่องต่างๆ... โยนความกังวลจากการทำงานทั้งหมดไว้ที่ประตูสำนักงานหรือโยนมันทิ้งออกนอก หน้าต่างทุกๆครั้งที่คุณนึกได้...ก่อนที่จะกลับบ้านนอนหลับพักผ่อน เติมพลังชีวิตให้ตัวเอง

แหล่งอ้างอิง http://www.siamnutra.com/home/news/news-update/519-positive-thinking.html

260012

โครงการที่รับผลคะแนน SMART-I รับตรงฯ BBA IBMP EBM DBTM SMART ระดับปริญญาตรี (SMART-I) กำหนดการสอบ สมัครสอบคลิ้กที่นี่ ครั้งที่ สนามสอบ รับสมัคร วันสอบ 6/2557 มธ.รังสิต 28 ก.ค. - 3 ส.ค. 57 24 ส.ค. 57 7/2557 มธ.รังสิต 25 ส.ค. - 31 ส.ค. 57 14 ก.ย. 57 8/2557 มธ.รังสิต 22 ก.ย. - 28 ก.ย. 57 12 ต.ค. 57 9/2557 สุราษฎร์ฯ 13 ต.ค. - 19 ต.ค. 57 2 พ.ย. 57 10/2557 มธ.รังสิต 13 ต.ค. - 19 ต.ค. 57 16 พ.ย. 57 11/2557 เชียงใหม่ 10 พ.ย. - 16 พ.ย. 57 30 พ.ย. 57 12/2557 ขอนแก่น 10 พ.ย. - 16 พ.ย. 57 14 ธ.ค. 57 1/2558 มธ.รังสิต 17 ธ.ค. - 23 ธ.ค. 57 11 ม.ค. 58 ตัวอย่างข้อสอบ เกณฑ์รับตรงฯ เกณฑ์ BBA ตารางแจกแจงคะแนน

โครงการที่รับผลคะแนน SMART-I
รับตรงฯ  BBA  IBMP  EBM  DBTM
SMART ระดับปริญญาตรี (SMART-I)
กำหนดการสอบ                                              สมัครสอบคลิ้กที่นี่
ครั้งที่สนามสอบรับสมัครวันสอบ
 6/2557มธ.รังสิต28 ก.ค. - 3 ส.ค. 5724 ส.ค. 57
7/2557มธ.รังสิต25 ส.ค. - 31 ส.ค. 5714 ก.ย. 57
8/2557มธ.รังสิต22 ก.ย. - 28 ก.ย. 5712 ต.ค. 57
9/2557สุราษฎร์ฯ13 ต.ค. - 19 ต.ค. 572 พ.ย. 57
10/2557มธ.รังสิต13 ต.ค. - 19 ต.ค. 5716 พ.ย. 57
11/2557เชียงใหม่10 พ.ย. - 16 พ.ย. 5730 พ.ย. 57
12/2557ขอนแก่น10 พ.ย. - 16 พ.ย. 5714 ธ.ค. 57
1/2558มธ.รังสิต17 ธ.ค. - 23 ธ.ค. 5711 ม.ค. 58
 

ระเบียบการรับตรง แพทย์ ทันตะ : กสพท ปีการศึกษา 2558



กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย  การรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2558 จำนวนทั้งสิ้น 1,487 คน
เปิดรับสมัครสอบ วิชาเฉพาะ 1-31 สิงหาคม 2557
ประกาศ กสพท ฉบับที่ 1 หลักเกณฑ์การสมัครสอบฯ ปีการศึกษา 2558  
  ( 29 ก.ค. 2557 )

  ประกาศ กสพท เรื่อง คุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัครเข้าเรียนหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต ฉบับ พ.ศ.2557 
  ( 29 ก.ค. 2557 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2557 รอบที่ 2 
  ( 1 เม.ย. 2557 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2557  
  ( 14 มี.ค. 2557 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2556 รอบที่ 2
  ( 27 ก.พ. 2556 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2556 
  ( 11 ก.พ. 2556 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2555 รอบที่ 2 
  ( 27 ก.พ. 2555 )

  คะแนนสูงสุดต่ำสุด ปีการศึกษา 2555
  ( 17 ก.พ. 2555 )

กสพท.รับตรงแพทย์ปี 58 ย้ำสมัครเองป้องกันผิดพลาด



     กสพท.รับตรงกลุ่มแพทย์ประจำปี 58 จำนวน 1,487 คน รับสมัคร 1-31 ส.ค.นี้ทางเว็บไซต์ กสพท. ด้าน "อาวุธ" ย้ำ นร.ติดตามข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลการสมัครให้เรียบร้อย ชำระเงินตามกำหนด แนะเด็กควรสมัครด้วยตนเองเหตุพบปัญหาการสมัครที่เกิดส่วนใหญ่เด็กให้พ่อแม่ สมัครแทน
        วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (สอท.) รศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในฐานะรองประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ) พร้อมด้วย ศ.นพ.อาวุธ ศรีสุกรี เลขาธิการกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ศ.พญ.บุญมี สถาปัตยวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการจัดสอบคัดเลือกระบบรับตรงของ กสพท.ร่วมแถลงข่าวหลักเกณฑ์การสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรทันตแพทยศาสตรบัณฑิต ปีการศึกษา 2558 ผ่านระบบรับตรงของ กสพท.

        โดย ศ.พญ.บุญมี กล่าวว่า กลุ่ม กสพท.ได้รับมอบอำนาจจากคณะแพทย์ฯ 13 สถาบัน และคณะทันตแพทย์ฯ 7 สถาบันในการดำเนินการรับสมัครนักเรียนทั้งหมด ประมาณ 1,487 คน ได้แก่ คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) รับ 20 คน คณะแพทย์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับ 200 คน คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) รับ 25 คน คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) รับ 65 คน คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) รับ 30 คน คณะแพทย์ฯ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) รับ 143 คน คณะแพทย์ฯ ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล รับ 260 คน วิทยาลัยแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยรังสิต (โรงพยาบาลราชวิถี) รับ 50 คน วิทยาลัยแพทย์ฯ ม.รังสิต (โรงพยาบาลเลิดสิน) รับ15 คน คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) รับ 180 คน คณะแพทย์ฯ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รับ 20 คน คณะแพทย์ฯ วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินาราธิราช รับ 80 คน วิทยาลัยแพทย์ฯ พระมงกุฎเกล้า เพศชาย รับ 60 คน วิทยาลัยแพทย์ฯ พระมงกุฎเกล้า เพศหญิง รับ 40 คน คณะแพทย์ฯ ม.สยาม รับ 20 คน ส่วน คณะทันตแพทย์ฯ มีดังนี้ คณะทันตแพทย์ฯ จุฬาฯ รับ 85 คน คณะทันตแพทย์ฯ ม.มหิดล รับ 80 คน คณะทันตแพทย์ฯ ม.เชียงใหม่ รับ 35 คน คณะทันตแพทย์ฯ ม.สงขลานครินทร์ รับ 20 คน คณะทันตแพทย์ฯ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ รับ 25 คน คณะทันตแพทย์ฯ ม.ขอนแก่น รับ10คน และคณะทันตแพทย์ฯ ม.ธรรมศาสตร์ รับ 24 คน

        ทั้งนี้ นักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยใด สามารถเข้าไปตรวจสอบระเบียบ กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซต์ของสถาบันแต่ละแห่ง สำหรับรายวิชาและสัดส่วนคะแนนที่ใช้ในการเข้าศึกษา ปี 2558 ยังคงยึดตามหลักเกณฑ์เดิม คือ คะแนนการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) 5 กลุ่มสาระ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม คะแนนรวมต้องเท่ากับหรือมากกว่า 60% วิชาสามัญ 7 วิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม และภาษาอังกฤษ รวม 70% จัดสอบโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทศ.) และวิชาเฉพาะ 30% ซึ่งเป็นการทดสอบศักยภาพในการเรียนรู้ ประเมินแนวคิดทางจริยธรรม

        ประธานคณะอนุกรรมการจัดสอบฯ กล่าวต่อว่า สำหรับปฏิทินการรับสมัครสอบและการสอบประจำปีการศึกษา 2558 จะเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-31 สิงหาคม 2557ทางเว็บไซต์ www9.si.mahidol.ac.th นักเรียนสามารถชำระเงินค่าสมัคร ผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม - 5 กันยายน 2557 การสมัครของ กพสท.ผู้สมัครไม่ต้องส่งใบสมัครและเอกสารประกอบการสมัครแต่ต้องเก็บเอกสารที่อัพโหลดทั้งหมด และนำมาเพื่อให้คณะ/สถาบัน ตรวจสอบภายหลังการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์และตรวจร่างกาย , ผู้สมัครตรวจสอบสถานภาพการสมัครทางเว็บไซต์ 7 วันหลังจากการวันที่ชำระเงินค่าสมัคร ไปจนถึงวันที่ 22 กันยายน 2557 , พิมพ์ใบแบบฟอร์ม กสพท.เพื่อใช้แสดงก่อนเข้าห้องสอบ ประมาณวันที่ 1 ตุลาคม-1พฤศจิกยน 2557 , สอบวิชาเฉพาะ 1พฤศจิกายน 2557 ประกาศคะแนนวิชาเฉพาะ วันที่26พ.ย.2557 ส่วนสอบวิชาสามัญ 7 วิชา ผู้สมัครทุกคนต้องสมัครสอบและเข้าสอบตามประกาศของสทศ.กำหนด,

        ประกาศรายชื่อผู้ที่แจ้งยืนยันสิทธิ์การเข้าศึกษาในสถาบันตามโควตาพื้นที่ หรือโครงการพิเศษต่าง ๆ ปีการศึกษา 2558 และลบชื่อผู้ที่แจ้งยืนยันสิทธิ์ฯ ออกจากระบบการคัดเลือกของ กสพท. ภายในวันที่ 16 กุภาพันธ์ 2558 ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพ ภายในวันที่ 23 กุภาพันธ์ 2558 , ผู้เข้าสอบยื่นคำร้องขอตรวจสอบในกรณีที่ไม่มีสิทธิ์ 24-25 กุมภาพันธ์ 2558,สอบสัมภาษณ์และตรวจสุขภาพ 26 กุมภาพันธ์ -5 มีนาคม 2558, ประกาศรายชื่อสอบสัมภาษณ์และตรวจสอบสุขภาพ รอบ 2 ถ้ามี 10 มีนาคม 2558 ,ส่งรายชื่อ เคลียริ่งเฮาส์ ประมาณ 24 เมษายน 2558 ทั้งนี้ ค่าสมัครในการสอบวิชาเฉพาะยังคงเดิม 700 บาท และค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านธนาคาร (ตรวจสอบ) 10 บาท โดยธนาคารจะเรียกเก็บจากผู้สมัคร

ด้าน ศ.นพ.อาวุธ กล่าวว่า สำหรับการสมัคร กสพท. อยากให้นักเรียนสมัครด้วยตนเอง เพราะความผิดพลาดในการสมัครส่วนใหญ่เกิดมาจากพ่อแม่ ผู้ปกครองเป็นผู้ยื่นสมัครแทนไปลูกโดยไม่มีความรู้ความเข้าใจ แต่นักเรียนซึ่งเป็นผู้ที่รู้ทุกอย่างควรจะสมัครด้วยตนเองเพื่อจะได้ไม่มีข้อผิดพลาด อย่างไรก็ตาม ขอฝากนักเรียนทุกคนขอให้นักเรียนตรวจสอบข้อมูลและทำตามขั้นตอนและให้รีบสมัครแต่เนิ่น ๆ และชำระเงินตามเวลาที่กำหนดกระบวนการสมัครจึงจะสมบูรณ์

Credit  http://www.manager.co.th

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สอบตรง & สอบชิงทุน สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ SIIT 58

สอบตรง & สอบชิงทุน สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ม.ธรรมศาสตร์ SIIT 58
เพื่อกระจายโอกาสให้เยาวชนทั่วประเทศมีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษามากขึ้น สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดรับสมัครโครงการนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเลิศสอบแข่งขันเพื่อรับทุนการศึกษากองทุนสิรินธรเทคโนโลยี และโครงการสอบคัดเลือกตรงโดยสถาบัน ประจําปี การศึกษา 2558
 
รับสมัคร                                                                         1ส.ค. - 11ก.ย. 2557
สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ (ต่างจังหวัด)                  7ต.ค. 2557
สอบข้อเขียน และสอบสัมภาษณ์ (กรุงเทพฯ)                    1และ 17ต.ค. 2557
วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (วศ.บ.)
วิศวกรรมเคมี       วิศวกรรมโยธา       วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการสื่อสาร
วิศวกรรมเครื่องกล            วิศวกรรมอุตสาหการ         วิศวกรรมคอมพิวเตอร์
วิทยาศาสตร์บัณฑิต (วท.บ.)
เทคโนโลยีสารสนเทศ  การจัดการวิศวกรรม  เทคโนโลยีการจัดการ
สมัครออนไลน์ได้ที่
http://admissions.siit.tu.ac.th
รายละเอียด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Tel. 02 986 9009 ต่อ 1002 – 1006

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โควตา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี 2558

 
 รับตรง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
รับสมัครคัดเลือกเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี (โควตา) ประจำปีการศึกษา 2558 
ส่งเอกสารภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2558
ให้ดูรายชื่อโรงเรียน แล้ว ติดต่อฝ่ายแนะแนวโรงเรียน ได้เลยจ้า
 
คณะที่เปิดรับ/จำนวนที่รับ
- คณะศิลปศาสตร์ รับ 90 คน
- คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม รับ 240 คน
- คณะเทคโนโลยีการเกษตร รับ 170 คน
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ รับ 375 คน
- คณะบริหารธุรกิจ รับ 380 คน
- คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ รับ 200 คน
 - คณะศิลปกรรมศาสตร์ รับ 140 คน
- คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน รับ 110 คน
 - คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับ 55 คน
 - คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ รับ 30 คน
 - วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย รับ 60 คน

คุณสมบัติผู้สมัคร
- ผู้สมัครต้องเป็น ผู้ที่กำลังศึกษา ม.6 ,ปวช. ,ปวส.
- ผู้สมัครต้อง มีวุฒิการศึกษา มีคุณสมบัติ และเกรดเฉลี่ยสะสม 4 ภาคเรียน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการคัดเลือก ของแต่ละคณะ/สาขาวิชากำหนด (รายระเอียดตามไฟล์แนบ)
 

รับตรง โครงการเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัญจร และ โครงการส่งเสริมเด็กดีมีคุณธรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร 2558

 
 
ประกาศรับสมัครสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อเข้าศึกษา ในคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ประจำปีการศึกษา 2558  เปิดรับสมัครถึง  8 สิงหาคม  2558
 
 
โครงการเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสัญจร ประเภท ข.

          
          
           
           
           
 
 โครงการส่งเสริมเด็กดีมีคุณธรรมและบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสังคม

           
           
           
           
          

รับตรง วิทยาลัยดุสิตธานี โครงการพิเศษสำหรับโรงเรียน 2558

วิทยาลัยดุสิตธานีการรับสมัครนักเรียนเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี 
ประเภทโครงการพิเสษสำหรับโรงเรียน (ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2) ประจำปีการศึกษา 2558
ด้วยวิทยาลัยดุสิตธานี เปิดรับสมัครนักเรียนที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือ ปวช. 3
ที่มีผลการเรียนดี เพื่อคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่วิทยาลัยดุสิตธานี
ประเภทโครงการพิเศษสำหรับโรงเรียน ประจำปีการศึกษา 2558 
รับสมัครรอบแรก  12 มิถุนายน 2557 ถึง 22 ตุลาคม 2557
รับสมัครสอบสอง  25 ตุลาคม 2557 ถึง 22 มกราคม 2558
 

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

โควตา รับตรง สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น TNI ปี 2558

 รับตรง สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เปิดรับสมัครนักเรียนที่กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียน มัธยมศึกษาของ รัฐบาลหรือเอกชน เพื่อเคัดเลือกเข้าศึกษาระดับปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี ประจำปีการศึกษา 2558 ประเภทต่างๆ
เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ถึง 26 กันยายน 2557
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์รับสมัครนักศึกษา 02-763-2601-5